ตอนที่ 7 มนุษย์ทดลอง
“ช้าจัง” ผมกล่าวเมื่ออริสกำลังวิ่งลงมาจากบันไดหนีไฟชั้นสิบเจ็ด ซึ่งก็มีพวกซอมบี้พยายามจะตามเธอมาด้วย แต่เพราะเธอปิดกั้นประตูเอาไว้เกือบสมบูรณ์ทำให้พวกมันไม่สามารถพักประตูออกมาได้
“ฉันเป็นแค่ตำรวจจากหน่วยสืบสวนนะไม่ใช่หน่วยปราบปรามเหมือนนาย” อริสกล่าวก่อนจะยื่นขวานที่เปื้อนเลือดคืนให้ผม
“แต่ฉันไม่เคยอยู่หน่วยคอมมานโดนะ” ผมกล่าวก่อนจะมอบกระเป๋าเป้ใบหนึ่งให้เธอ
“นี่มัน? เอ๊ะ เดี๋ยวนะ!?” เธอรับกระเป๋าเป้ไปจากผมก่อนจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้
“ผมมาช้าเพราะไปหาของจำเป็นมาให้ ข้างในมี M4A1 เก็บเสียง กระสุนอีกหกสิบนัดและชุดเกราะสวม” ผมกล่าวก่อนจะเดินลงบันไดไปเรื่อยๆ ส่วนเธอก็เริ่มสวมใส่ชุดเกราะและเดิมตามผมมาติดๆ
“รู้ได้ยังไง?” อริสกล่าวถามผมเกี่ยวกับอดีตของเธอ
“หัวหน้าหน่วยของฉันเคยพูดให้ฟัง” ผมกล่าวก่อนจะได้พบกับประตูหนีไฟชั้นสิบที่ถูกเปิดเอาไว้
“เงียบก่อน” ผมกล่าวเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายคงจะมีคำถามหรือคำพูดอีก และพยายามย่องเบาลงไปจากชั้นสิบ เมื่อเราผ่านลงมาได้ก็ฉลุยแล้วล่ะ เพราะตัวผมเองก็ขึ้นมาทางนี้แหละ และเคลียร์ทางไว้เรียบร้อย แต่เพราอะไรผมไม่มั่นใจว่าประตูชั้นสิบถึงถูกเปิด เดาว่าคงจะมีคนอาศัยอยู่
“ช่วยด้วย!!”
ฮาสส
และอยู่ๆก็มีเสียงขอความช่วยเหลือดังมาจากชั้นล่าง พร้อมกับเสียงการเคลื่อนไหวมากมายจากพวกซอมบี้ เดาว่าผู้รอดชีวิตคนนั้นคงจะไปเปิดประตูตรงชั้นล็อบบี้เข้า
หาเรื่องจริงๆ
“ไปอีกทาง” ผมกล่าวในขณะที่สีหน้าของอริสบ่งบอกถึงความอยากช่วยเหลือผู้รอดชีวิตเบื้องล่าง
“เอาตัวเองให้รอดก่อน”
“เวลานี้หลีกเลี่ยงได้ต้องหลีก” ผมกล่าวจนทำให้สีหน้าของเธอเปลี่ยนไป เพราะเธอเองก็โดนปฏิเสธการช่วยเหลือจากรัฐบาลมาแล้วเมื่อรู้ว่าเธอรอดชีวิตคนเดียว มันจึงไม่คุ้มถ้าต้องมาช่วยผู้หญิงจากหน่วยสืบสวน เพราะหน่วยนี้ต่อสู้ไม่ค่อยเก่ง แต่คิดเก่งซะมากกว่า ซึ่งนั่นมันผิดถ้าเทียบกับอริส เนื่องจากอริสเคยเป็นหน่วยคอมมานโดมาก่อน
‘เป็นยังไงบ้างคาร์เทียร์?’ เสียงในหัวผมดังขึ้น ซึ่งมันคือเสียงของแคนดี้
‘ช่วยเหลือสำเร็จ กำลังกลับ’ ผมกล่าวตอบก่อนจะวิ่งเข้าไปในชั้นเก้า เข้าไปที่ห้องที่เปิดอยู่และใช้ขวานสับหัวซอมบี้ไปสองตัวก่อนจะปิดประตูห้องและล็อคอย่างแน่นหนา
“นั่นรถมอเตอร์ไซต์ของผม”
“ดีที่ห้องนี้มันอยู่ข้างตึกพอดี”
“เราจะใช้เชือกในกระเป๋าลงไปกัน” ผมกล่าวก่อนจะเดินไปเปิดซิบจากกระเป๋าเป้ที่อริสสวมอยู่และเอาเชือกกับที่ยึดเกาะออกมา พร้อมกับยึดมันไว้ที่ระเบียงและโปรยเชือกลงไป
“ไม่บาดเจ็บตรงไหนใช่ไหม?” ผมกล่าวถามอริสให้แน่ใจ เผื่อตอนโรยตัวลงไปเธอจะเจ็บแผลเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา
“ไม่” อริสตอบกลับ ผมก็ไม่รอช้าขึ้นไปเหยียบโต๊ะและปีนเชือกพร้อมกับโรยตัวลงไปชั้นล่างทันที และสอดส่องรอบข้าง ตามด้วยอริสที่โรยตัวตามลงมา
“เก่งมาก” ผมกล่าวเมื่ออริสโรยตัวลงมาได้อย่างไม่ผิดพลาด และเราก็ได้วิ่งไปที่รถมอเตอร์ไซต์ของผม พร้อมกับผมที่สตาร์ทและขับมันออกไปทันที
“ฉันต้องเป็นคนชมนายสิ ถ้านายรู้ว่าฉันมาจากหน่วยคอมมานโดเรื่องนี้มันง่ายมาก” อริสกล่าวและพยายามใช้ปืนยิงซอมบี้ที่จะพุ่งมาตระครุบรถของเรา ทำให้พวกมันฟุบลงไปบนพื้น
“เหรอ” ผมตอบกลับสั้นๆและเริ่มเร่งเครื่องจนสุดเพราะมีซอมบี้เต็มไปหมดบนถนน
ฟูบบบ
“หยุด” เมื่อประตูโรงรถเปิดขึ้น ผมได้นำรถเข้าไปจอด และอริสก็ได้ลงไปจากรถ พร้อมกับเวียร์ที่ถือปืนเข้ามาสั่งให้อริสวางปืนและตรวจสอบร่างกายของเธอ
‘ฉันควรพลิกสถานการณ์หน่อยดีไหม?’ เสียงในใจของอริสดังออกมา ทำให้ผมหันไปมองเธอ
“อย่าทำอะไรแปลกๆล่ะ” ผมกล่าวทำให้อริสถึงกับหลบหน้าทันที
“คาร์เทียร์” แคนดี้เดินมาหาผมแล้วกล่าว ซึ่งดูเหมือนเธอกำลังวางแผนทำอะไรบางอย่างอยู่กับเลขาของเธอ
“เด็กคนนั้นฟื้นรึยัง?” ผมกล่าวถาม
“ฟื้นแล้ว แต่เธอไม่ให้พวกเราเข้าใกล้เลย” แคนดี้กล่าวก่อนที่ผมจะเข้าไปคุยในบ้าน และได้รู้มาว่าเมื่อเด็กสาวตื่น เธอก็วิ่งขึ้นไปหลบในห้องของผมทันที
“ให้แคนดี้อยู่กับเจียร์ไปก่อนได้ไหม?" ผมกล่าวถาม เพราะบ้านหลังอื่นๆผมยังไม่ได้เข้าไปเคลียร์
“โอเค เดี๋ยวฉันจัดการทุกอย่างเอง คาร์เทียร์ไปดูเด็กคนนั้นเถอะ” แคนดี้กล่าว
“แล้วก็ระวังด้วยนะ เธอมีมีด” เวียร์กล่าวเตือนผมก่อนจะยกแขนของตัวเองให้ดูว่าเขาถูกของมีคมบาดมา เดาว่าคงจะเป็นการโจมตีของเด็กคนนั้น
“อืม เธอมีมีดจริงๆนั่นแหละ” ผมกล่าวเมื่อผมมาถึงหน้าห้องของผมและสัมผัสได้ว่ามีร่างเล็กๆอยู่ข้างหลังประตู ถ้าผมเข้าไป ร่างเล็กนั้นคงจะกระโจนใส่ผมทันทีและใช้มีดในมือทำร้ายผม แต่เหมือนอยู่ดีๆเธอก็ลดอาวุธลงและถอยห่างจากประตู มันทำให้ผมแปลกใจเล็กน้อย แต่ด้วยพลังรูนของผมมันบ่งบอกว่าจะไม่เกิดอะไรขึ้น ผมจึงเปิดประตูเข้าไปและได้เห็นเด็กคนนี้ยืนมองหน้าผมด้วยสายตาที่ว่างเปล่า
“เธอจะไม่พูดหน่อยรึไงเด็กน้อย” ผมกล่าวเมื่อเรายืนจ้องหน้ากันมาสักพัก
“…” เด็กสาวผมยาวได้ใช้สัญญาณมือบอกว่าตัวเองนั้นเป็นใบ้ ผมจีงถอนหายใจออกมาและหยิบมีดในมือของเธอมาเก็บเอาไว้เอง
“เอาแบบนี้เป็นไง พี่ชายขอไปอาบน้ำก่อน เลือดซอมบี้เต็มร่างกายเลย”
“แล้วหนูก็ไปนั่งรอพี่บนเตียงดีๆนะ” ผมกล่าว ซึ่งเธอก็ทำตามที่ผมสั่งอย่างเคร่งครัดเลยทีเดียว ผมจึงทำตามที่ตัวเองพูดเช่นกัน ผมเข้าไปอาบน้ำและสวมบอดี้สูทปิดบังอักษรรูนไว้เหมือนเดิมก่อนจะออกมาจากห้องน้ำ และได้เห็นว่าเด็กน้อยคนนี้นั่งมองผมไม่ขยับไปไหน
“ทำไมถึงเชื่อฟังฉันจังล่ะ?” ผมกล่าวถามเพราะคนอื่นยังโดนเธอทำร้ายเลย แต่กับผมดันว่าง่ายซะงั้น
“ฉันปกป้องเธองั้นเหรอ?” ผมกล่าวถามเมื่อเธอใช้สัญญาณมือบอก
“คุยแบบนี้มันนานกว่าจะได้คำตอบ เอาเป็นแบบนี้ล่ะกัน” ผมกล่าวก่อนจะกัดริมฝีปากตัวเองเล็กน้อยให้เลือดออกและนำเลือดนั้นไปป้ายปากของเด็กสาวตัวน้อย
“กลืนมันลงไป” ผมกล่าว ระหว่างจัดข้าวจัดของ
‘ลองพูดในใจดู’ ผมกล่าว
‘ว่าไง?’ เสียงแคนดี้ตอบกลับในใจ
‘ไม่ใช่พี่” ผมตอบกลับ
‘สวัสดี’ เสียงของเด็กสาวดังขึ้นในใจของผม ซึ่งท่าทางของเธอก็ยังคงสงบนิ่งอยู่เหมือนเดิม
“ฉันจะพูดแบบนี้ เธอก็พูดในใจไปล่ะกัน” ผมกล่าว
‘ค่ะ’ เด็กสาวตอบกลับ
“เธอเป็นอะไร?” ผมกล่าวถาม เพราะผมสัมผัสได้ว่าหัวใจของเธอมันแปลกๆ ไม่เหมือนหัวใจของมนุษย์ปกติ
‘ฉันคือมนุษย์ทดลองหมายเลขศูนย์’ เธอตอบกลับมา
‘ห๊ะ?’ ทำให้แคนดี้ตกใจมาก แต่ในชีวิตก่อนผมไม่ค่อยได้ยินเรื่องมนุษย์ทดลองเลยนี่สิ หรือเธอจะเป็นมนุษย์ทดลองคนเดียว?
“เธอรู้อะไรบ้าง?” ผมกล่าวถามต่อ
‘ฉันรู้ภาษาของมนุษย์ แต่ไม่สามารถเขียนหรืออ่านมันได้’
‘ฉันได้รับการฝึกฝนให้ฆ่าและทำภารกิจ แต่มันยังไม่ถึงเวลานั้น’
‘คนที่สร้างฉันขึ้นมาเขากลายเป็นซอมบี้ซะก่อน’ เธอตอบกลับ
“แล้วเป้าหมายของเธอคืออะไร?” ผมกล่าวถาม
‘ฉัน ต้องการมีชีวิตรอด’ เธอตอบออกมาด้วยสายตาที่มั่นคง มันทำให้ผมนึกถึงภาพในชีวิตก่อน ทุกคนล้วนอยากมีชีวิตรอด แม้แต่มนุษย์ทดลองนี้ก็ตาม
‘แคนดี้ พี่ว่าไง?’ ผมกล่าวถามในใจ
‘ก็ในตอนนี้เราเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วนะ’
‘เราคุยกันผ่านจิตใจได้’
‘และฉันคิดว่าเด็กคนนี้จะช่วยพวกเราได้เหมือนกัน’
‘ทำไมไม่รับเข้ามาใช้นามสกุลเดียวกับพวกเราล่ะ?’ แคนดี้กล่าว
‘แต่เธอเป็นมนุษย์ทดลอง ฉันไม่มั่นใจว่าในสมองของเธอจะถูกวางเป้าหมายอะไรไว้รึเปล่า’ ผมกล่าวก่อนที่จะนึกอะไรขึ้นได้
‘ฉันพอมีวิธีอยู่’ ผมกล่าวจบก็หยิบแก้วในห้องมาและใช้มีดกรีดแขนของตัวเองและหยดเลือดใส่ในแก้วทันที ก่อนที่จะยื่นแก้วและมีดให้กับเด็กสาว ซึ่งดูเหมือนเธอก็เข้าใจอะไรได้อย่างรวดเร็ว เธอไม่รอช้ากรีดแขนตัวเองและหยดเลือดใส่ในแก้วเหมือนที่ผมทำ
“ฮ่า…” ผมวางแก้วไว้บนพื้นและเริ่มนั่งสมาธิก่อนจะวางมือไว้เหนือแก้วก่อนจะใช้พลังรูน เกบโบ หรือรูนที่เอาไว้สร้างความสัมพันธ์ทางเลือด โดยเราสามารถส่งพลังให้กับอีกฝ่ายผ่านพันธสัญญานี้ได้ และถ้าเลเวลมากพอ อีกฝ่ายก็จะสามารถส่งพลังให้เราได้เช่นกัน
“ดื่ม” ผมกล่าวก่อนจะหยิบแก้วมาดื่มเลือดไปครึ่งนึง และยื่นแก้วให้กับเด็กสาว ก่อนที่อักษรรูนเกบโบจะปรากฏที่นิ้วโป้งข้างซ้ายของเราทั้งคู่ ถือว่าพันธะสัญญาเสร็จสิ้น โดยพันธสัญญาเลือดนี้เราจะไม่สามารถฆ่าอีกฝ่ายได้ ถ้าจะฆ่า มันก็เหมือนกับการฆ่าตัวตาย
‘ฉันทำพันธสัญญาเลือดกับเธอแล้ว’
‘มาตั้งชื่อให้เด็กคนนี้กันดีกว่า’ ผมกล่าวในใจ
‘คาริ?’ แคนดี้เสนอชื่อมา
‘ฉันยอมรับนามแค่กับพ่อเท่านั้น’ เด็กสาวตอบกลับ
‘แล้วใครคือพ่อของเธอ?’ แคนดี้กล่าวก่อนที่เด็กสาวจะหันมามองหน้าผม
‘โอเค..ฉันพอจะเดาออกแล้ว คาร์เทียร์นายตั้งชื่อสิ’ แคนดี้กล่าว เพราะในตอนนี้ผมก็เหมือนคนที่อุปธรรมเธอ ทั้งช่วยเหลือชีวิตเธอ และทำให้เธอสื่อสารกับคนอื่นได้
‘นี่ฉันมีลูกแล้วเหรอ’ ผมกล่าวด้วยความสับสน แต่ก็นะ ก็ดีเหมือนกัน ถ้าผมจะมีลูกก็อยากได้แบบเด็กคนนี้นี่แหละ ทั้งฉลาด มีไหวพริบ ใจสู้มาก
‘ควีน’
‘หลังจากนี้เธอชื่อควีน และเป็นลูกบุญธรรมของฉัน คาร์เทียร์’ ผมกล่าวในใจ
‘ฉันยอมรับชื่อควีน’ เธอกล่าวในใจ และหลังจากนั้นผมก็ได้นั่งปรับความเข้าใจกับควีนอยู่พอสมควร
ผ่านไปครึ่งชั่วโมง
“อะไรนั่นอะ?” และเมื่อผมเดินลงมาข้างล่างบ้าน แคนดี้ก็กล่าวทักผมทันทีพร้อมกับวางเอกสารลง
“ก็ลูกบุญธรรมคาร์เทียร์ไง” ผมกล่าว
“คาร์เทียร์..มีมุมแบบนี้ด้วยเหรอ?” แคนดี้กล่าวเมื่อเห็นว่าควีนขี่หลังผมอยู่ มันราวกับพ่อลูกที่สนิทกันมากๆ แต่ไม่ใช่เลย เพราะเมื่อผมบอกว่าจะลงไปข้างล่าง ควีนก็บอกจะไปด้วย และก็กระโดดขึ้นมาขี่หลังผมเอง ผมบอกให้ลงไปเธอก็ไม่ลง ซึ่งผมก็ไม่ได้คิดมากอะไรก็เลยเดินลงมาแบบนั้นซะเลย
“ควีนเรียกผู้หญิงคนนี้ว่าป้าสิ ป้าแคนดี้น่ะ” ผมกล่าวก่อนจะนั่งลงตรงข้ามแคนดี้
“ป้าแคนดี้” ควีนเองก็ทำตามที่ผมบอกทำให้แคนดี้หลุดขำออกมา
“เหตุการณ์มันเกิดขึ้นไวเนอะ”
“แต่ต้องหยุดความสนุกเอาไว้ตรงนี้ก่อน” แคนดี้กล่าวก่อนจะหยิบเอกสารที่เพิ่งวางลงเมื่อครู่ยื่นให้ผม
“นี่คือรายชื่อของคนที่ฉันจะพาเข้าร่วมองค์กรณ์”
“ฉันต้องการคนพวกนี้เพื่อสร้างองค์กรณ์ให้แข็งแกร่ง” แคนดี้กล่าว ระหว่างที่ผมกำลังดูโปรไฟล์ของแต่ละคน ซึ่งดูเหมือนแคนดี้จะติดต่อคนพวกนี้เอาไว้แล้วด้วยว่าเขาอยู่ที่ไหน ต้องรีบไปช่วยระดับไหน ซึ่งคนที่ต้องช่วยให้ได้ในตอนนี้มีชื่อว่าเค เขาเป็นนักวิจัยอาวุโสเกี่ยวกับอาวุธไฮเทค
“ไม่มีปัญหา” ผมกล่าว
‘ชายคนนี้คือคนที่สร้างอาวุธให้กับผู้รอดชีวิตทุกคนเพื่อต่อสู้กับซอมบี้’
‘ก่อนที่ฐานที่มั่นของรัฐบาลจะถูกทำลาย และเขาก็เสียชีวิตไปในเหตุการณ์นั้น’ ผมกล่าว เพราะขวานเชื่อมโซ่ของผมก็มาจากฝีมือของเคนี่แหละ