ซอมบี้คลั่ง 366 วัน

206.0K · จบแล้ว
แมลงปอสีดำ
78
บท
1.0K
ยอดวิว
9.0
การให้คะแนน

บทย่อ

โดยเหตุการณ์นี้เกิดจากพระเจ้าที่ต้องการชำละล้างสิ่งที่มนุษย์กระทำต่อโลกที่ตัวเองสร้าง ก็เลยทำให้ศพของมนุษย์กลายเป็นซอมบี้ และจะวิวัฒนาการได้เรื่อยๆใน 366 วันนั้น และเรื่องที่กล่าวข้างต้นมานี้ คนบนโลกจะรับรู้ได้ต่อเมื่อวันที่ 13 ของการเกิดนรกบนดิน เพราะการวิวัฒนาการของซอมบี้จะแข็งแกร่งขึ้นมากๆ เทพบรรพกาลที่ไม่เห็นด้วยกับการชำละล้างมนุษย์จึงมอบพลังให้กับมนุษย์นั่นก็คือ รูน มนุษย์จะสามารถมีรูนได้ทั้งหมด 1 รูนในตัว โดยเราสามารถหารูนนั้นมาจากการฆ่าซอมบี้ได้ แต่ก็ใช่ว่าทุกตัวจะดร็อปรูน และมันมีโอกาสดร็อปน้อยมากๆ ซึ่งเราสามารถเพิ่มเลเวลของรูนได้ถึงเลเวลหกในรูนนั้นๆ โดยการใช้รูนนั้น ๆมาหลอมรวมกันจนอัปเกรดกลายเป็นรูนเลเวลถัดไป แต่พระเอกของเราที่ย้อนเวลากลับมามีพลังครบทุกรูนกันเลยทีเดียวเชียว><

นิยายแอคชั่นนิยายผจญภัยเกิดใหม่แฟนตาซี สยองขวัญพระเอกเก่งเทพสงคราม

ตอนที่ 1 เหมือนซอมบี้

ซืดด

ผมกำลังนั่งสูบบุหรี่ก่อนจะพ่นควันออกมาอย่างไร้อารมณ์ เพราะในตอนนี้ผมอยู่บนตึกสูงสิบชั้น และกำลังมีพวกซอมบี้ระดับหกปีนป่ายตึกกันขึ้นมาตามเรดาห์ของพวกมัน หน้าของผมรวมถึงฝีปากซีดมากเพราะขาดน้ำและไม่ได้กินอาหารมาสองวันแล้ว รอบตัวผมก็มีแต่ศพที่ผมฆ่าพวกมันไปนับไม่ถ้วน บนร่างของผมเต็มไปด้วยเลือด

ซึ่งคำพยากรณ์ได้บอกเอาไว้ว่าวันนี้คือวันสุดท้ายที่พวกซอมบี้จะตายกันไปหมดทั้งโลก แต่ก่อนหน้านั้นมนุษย์ก็ได้ตายไปหมดทั้งโลกเหลือเพียงแต่ผมแล้วเช่นกัน

ฮาสสสส

ฟุบ

ซึ่งในขณะนั้นเองก็มีซอมบี้ตัวหนึ่งกระโดดขึ้นมาจากการปีนตึกและพุ่งกระโจนเข้าหาผม แต่ก็โดนผมใช้พลัง “รูนอุรุซ” ความแข็งแกร่งมหาศาลเลเวลหกถีบหน้ามันกระเด็นตกตึกไป และผมก็ได้เดินไปที่กำแพงตึกที่ถูกทำลายโดยพวกซอมบี้กลายพันธ์ ไจแอนท์ พวกมันปีนขึ้นมาและทุบกำแพงนี่จนเละ แต่ผมก็สังหารมันจนได้ ถึงจะยากลำบาก ซึ่งร่างของมันก็อยู่ข้างๆนี่แหละ

“โลกนี้มันเฮงซวย” ผมกล่าวด้วยความเกลียดชัง เหตุการณ์นรกเดินดินนี้มันเริ่มตั้งแต่ปีที่แล้ว เพราะพระเจ้าต้องการชำละล้างมนุษย์โลก ทำให้ศพกลับมามีชีวิตหรือกลายเป็นซอมบี้ไล่กัดคนและแพร่กระจายกันไปทั่วโลกเพียงสามสัปดาห์ ตอนแรกผมก็ไม่เข้าใจหรอกว่าทำแบบนั้นไปทำไมเพราะก่อนจะเกิดโลกาวินาศ ผมเป็นตำรวจดีๆคนหนึ่ง แต่เมื่อร้อยวันผ่านไป

ผมได้เห็นจิตใต้สำนึกของมนุษย์ ทั้งฆ่ากันเอง ไม่มีความไว้ใจ เอาตัวรอด ทิ้งได้แม้กระทั่งครอบครัว ทำลายสิ่งกีดขวางเพื่อให้ตัวเองมีชีวิตที่ดีขึ้น ผมเริ่มเข้าใจมันแล้วล่ะ หลังจากนั้นผมก็ไม่สนอะไรอีกต่อไปเช่นกัน ผมขอเพียงให้รอดไปให้ถึงวันที่ 366 ได้ก็พอแล้ว

แต่นั่นก็ไม่รวมกิ่ง เพื่อนรักของผมที่เจอกันในวันที่ 200 กว่าๆ เธอเป็นคนเดียวที่ผมไว้ใจ และเธอก็เพิ่งจะยอมแลกชีวิตเพื่อให้ผมได้อยู่กับโลกใบใหม่เมื่อครู่นี้เอง ผมรู้สึกว่าตัวเองไม่เหลืออะไรแล้ว พวกซอมบี้ที่ผมกำลังมองดู พวกมันกำลังปีนตึกขึ้นมาหวังจะกัดกินผม มันมีมากมายจนสามารถถาโถมกันเพื่อปีนป่ายกันขี้นมาหาผมให้ได้เลย

วึบ

และในขณะที่ผมกำลังมองดูพวกมัน ผมก็รู้สึกอ่อนล้าเป็นอย่างมาก เพราะผมไม่ได้กินอาหารและน้ำมาสองวันแล้ว ผมอดทนสุดๆถึงขนาดที่ผมกับกิ่งต้องแลกกินเลือดกันแทนน้ำ

“ไหนๆก็ไม่มีมนุษย์เหลือรอดแล้ว ฉันก็ไม่รู้จะอยู่ไปทำไมเหมือนกัน” ผมกล่าวเมื่อได้มองเห็นระยะไกลว่าพวกซอมบี้กำลังวิ่งมาทางผมกันนับไม่ถ้วน ไจแอนท์อีกเป็นสิบๆตัว

ซึบ ซึบ

ผมออกแรงแกว่งแขนตัวเองทำให้โซ่ที่ผูกกับแขนของผมอยู่ทั้งสองข้างมีเสียงขึ้น โดยอาวุธของผมนั้นไม่ใช่โซ่หรอก แต่เป็นขวานที่ผูกโซ่เอาไว้อีกทีหนึ่งต่างหาก ขวานคืออาวุธหลักของผม โซ่คืออาวุธรองเพราะผมใช้มันพันหมัดของผมเอาไว้ด้วย ถ้าระยะประชิดก็เจอหมัดเหล็กของผมนี่แหละ และถ้าผมจะถูกกัดก็ยื่นแขนออกไปให้ฟันซอมบี้มันกัดเหล็กที่มัดแขนผมแทน

“ตอนนี้…พระเจ้ากำลังรู้สึกอะไรอยู่ล่ะ?”

“ผมคือมนุษย์คนสุดท้ายแล้ว” ผมกล่าวและแหงนหน้ามองขึ้นฟ้า

“งั้นเจ้าก็กลับไปทำให้มนุษย์ยังอยู่ซะสิ” เสียงหนึ่งกล่าวขึ้นด้านหลังผม โดยผมไม่สามารถจับสัมผัสเขาได้แม้แต่น้อย

ฟุบ

“ห๊ะ” ผมส่งเสียงออกมาด้วยความตกใจเมื่อผมถูกถีบหลังปลิวกระเด็นออกไปจากตึก และผมก็ได้หันกลับไปมองคนที่ถีบผม ซึ่งร่างนั้นมันคือแสงสว่างคล้ายกับแสงจากดวงอาทิตย์ แต่ก็มีพลังสีม่วงปกคลุมอยู่รอบๆก่อนที่พลังสีม่วงนั้นจะพุ่งมาหาผม ส่วนพวกซอมบี้เมื่อเห็นว่าผมตกลงมาจากตึก พวกมันก็พากันกระโจนเข้าหาผมกลางอากาศทันที

“ฮึบ” ผมฮึดใจสุดท้ายเหวี่ยงขวานฟาดฟันเหล่าซอมบี้จนร่างของพวกมันถูกตัดขาดสองท่อนแต่ก็ไม่วายมีตัวที่รอดและกัดเท้าของผมไปได้ ซึ่งนั่นมันก็ไม่ได้ทำให้ผมยอมแพ้ ผมยังคงเหวี่ยงขวานต่อไปเรื่อยๆจนเริ่มรู้สึกหน้ามืด เพราะเชื้อซอมบี้ได้เข้ามาในตัวผมแล้ว

“ใครจะยอมกันวะ!?” ผมตวาดดังลั่นก่อนที่จะใช้ขวานเขวี้ยงไปที่ตึกฝั่งตรงข้ามเพื่อไปเกาะอีกตึกหนึ่งไว้แทน

“เจ้ามีคุณสมบัติเพรียบพร้อมยิ่งนัก” ร่างแสงนั่นกล่าวอีกครั้ง ก่อนที่ผมจะรู้สึกมีพลังขึ้นราวกับได้ฟื้นฟูพลังจนเต็มเปี่ยมเลยแหละ

“ขอให้เจ้าโชคดี" เขากล่าวอีกครั้งเมื่อเห็นสีหน้ามุ่งมั่นที่จะเอาชีวิตรอดของผมก่อนที่ผมจะสลบไปกลางอากาศและร่วงหล่น

โชคดีเหรอ

ถ้าโชคมันช่วยให้ผมเอาชนะซอมบี้ได้ก็ดีน่ะสิ

ผมคิดระหว่างที่กำลังร่วงหล่น

“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็ใช้ทุกอย่างที่มีเอาชนะพวกมันและปกป้องเผ่าพันธุ์มนุษย์ไว้ให้ได้ซะสิ” เสียงนั้นกล่าวอีกครั้งก่อนที่ผมจะรู้สึกตัวและค่อยๆลืมตาขึ้น

“นี่ คาร์เทียร์ รีบไปกันได้แล้ว” เสียงชายคนนึงกล่าว ซึ่งผมรู้สึกคุ้นเสียงชายคนนี้มาก และผมก็ได้เห็นหน้าตาของชายคนนี้ เขาคือหัวหน้าหน่วยปราบปราม ซึ่งผมอยู่ในห้องเปลี่ยนชุดตำรวจ และดูเหมือนคนอื่นเขาจะเปลี่ยนชุดเตรียมพร้อมกันเสร็จหมดแล้วเหลือเพียงผม

‘นี่มัน? เกิดอะไรขึ้น?' ผมเมินคำกล่าวของหัวหน้าหน่วยและเดินไปดูรูปร่างตัวเองที่กระจก ก่อนจะยกแขนข้างซ้ายขึ้นมาเมื่อเห็นว่าผมสวมนาฬิกาดิจิตอลอยู่ ปรากฏมันคือวันที่ 30 ของเดือนที่ 3 ปี 2024 และนี่คือวันแรกที่พวกศพออกมากัดกินมนุษย์ หรือวันเริ่มต้นโลกาวินาศนั่นเอง

ซึ่งสถานการณ์ในตอนนี้คือพวกเรากำลังจะไปทำหน้าที่จับผู้ใช้ยาเสพติด แต่ที่จริงแล้วมันไม่ใช่ยาเสพติด แต่มันคือซอมบี้!

ผมย้อนเวลากลับมางั้นเหรอ?

ผมคิดและคิด คิดเกี่ยวกับคำพูดของร่างแสงดวงอาทิตย์ คำกล่าวของเขาบอกให้ผมใช้พลังที่มีช่วยเหลือมนุษย์ เอาล่ะ ผมต้องรีบแล้ว

“ครับหัวหน้า” ผมตอบรับก่อนจะรีบไปหยิบปืนในตู้รวมถึงหยิบอุปกรณ์อื่นๆมาด้วย ทั้งมีดดาบ มีดสั้น กระสุน และปืนพกอีกสองกระบอกเก็บไว้ในเสื้อเกราะ

หลังจากนั้นผมก็ตามน้ำไปจนถึงจุดหมาย เราได้เห็นว่าที่นั้นถูกปิดล้อมไปด้วยตำรวจจากหน่วยสืบสวนแล้ว เหลือเพียงหน้าที่ของพวกเราที่จะเข้าไปจับพวกมัน แต่พวกเขากล่าวว่าคดีนี้มันแปลกมาก พวกเขาไม่เห็นการเคลื่อนไหวอะไรในเซฟเฮาส์เลย ได้ยินเพียงเสียงร้องแปลกๆเท่านั้น

“หัวหน้า ผมรู้สึกไม่ค่อยดี” ผมกล่าวเตือน

“ทำไม นายปวดท้องรึไง?” หัวหน้ากล่าวถามก่อนจะเช็คแม็กกระสุนของตัวเอง เพราะคิดว่าคนข้างในนั้นต้องเตรียมพร้อมปะทะอยู่แน่ๆ มันเงียบผิดปกติ

“ไม่ใช่ครับ” ผมกล่าว แต่เดี๋ยวก่อนทำไมผมรู้สึกแปลกๆจริงๆ รู้สึกว่าข้างในนั้นมันอันตรายและไม่ควรเข้าไป และการสัมผัสรอบตัวของผมก็ดีขึ้นมากเลยด้วย เหมือนผมมีตาอยู่ทุกทิศ

‘ไม่จริงน่า’ ผมคิดในใจก่อนจะดึงเสื้อของตัวเองออกพร้อมกับได้เห็นตัวอักษรมากมายบนร่างกายของผม มันคืออักษรรูน

‘บ้าไปแล้ว…’ ผมตกใจมากแต่ดูเหมือนผมยังคงสติตัวเองเอาไว้ได้อย่างใจเย็น เพราะโดยปกติมนุษย์จะใช้รูนได้เพียงแค่รูนเดียวเท่านั้นต่อหนึ่งคน แต่บนร่างของผมกลับมีอักษรพวกนี้เต็มไปหมดเลยนี่สิ

‘มันเป็นอะไรของมัน?’ ผมได้ยินเสียงแปลกๆเข้ามาในหู มันไม่เหมือนกับเสียงพูด แต่เสียงนี่มันก็คุ้นมากมันเหมือนกับเสียงของหัวหน้ายังไงยังงั้น

‘หรือว่ามันจะปวดท้องจริงๆ?’ เสียงดังขึ้นมาอีกครั้ง และครั้งนี้ผมคิดว่ามันคงเป็นเพราะพลังของรูนแมเนซ แน่ๆ มันคือรูนที่จะสามารถฟังความคิดจากอีกฝ่ายที่มีต่อเราได้

‘อย่าบอกนะว่าฉันมีพลังรูนทั้งหมด?’ ผมคิดในใจก่อนจะค่อยๆใช้พลังรูนที่ตนเองใช้ในชีวิตที่แล้วหรือรูนอุรุซ และเมื่อผมคิดที่จะใช้มัน ผมก็รู้สึกได้ทันทีว่าผมมีพละกำลังที่เพิ่มขึ้นจริงๆ ผมจึงลองก้มลงไปบนพื้นและหยิบเศษไม้ขึ้นมาบีบ ปรากฏว่ามันกลายเป็นผงไม้เพียงแค่ผมออกแรงยังไม่ถึงครึ่งด้วยซ้ำ

ชัดแล้ว

ผมมีพลังรูนเยอะมากจริงๆ

แต่ในตอนนี้คงต้องโฟกัสกับเรื่องตรงหน้าก่อน

“หัวหน้า ผมรู้สึกว่าข้างในนี้อันตรายมากๆครับ” ผมกล่าวเตือนอีกครั้งและผมก็ได้ยินความคิดของหัวหน้าว่าผมมีท่าทางแปลกๆ

“ให้ตายสิ อย่าลืมว่าเซนส์ของนายมันไม่เคยถูก”

“นายก็เลยมาเข้าหน่วยปราบปรามและเป็นคนที่เก่งที่สุดในหน่วยไปแล้ว” หัวหน้ากล่าวทัก ซึ่งเรื่องเซนส์นี่มันก็เป็นหนึ่งในความสามารถของรูนเช่นกัน และมันก็คือความสามารถของกิ่งนั่นเอง

“พอก่อน เริ่มภารกิจได้” หัวหน้ากล่าวก่อนที่จะเริ่มใช้สัญญาณมือในการสั่ง

ตุบ ตุบ

ฟุบๆ

หัวหน้าได้ถีบประตูเข้าไปพร้อมกับตัวเปิดอย่างผมที่กลิ้งเข้าไปในบ้านและมองซ้ายขวา ปรากฏว่ามีแต่รอยเลือดเต็มไปหมด ก่อนที่ผมจะสัมผัสได้ว่ามีบางสิ่งขยับอยู่ในห้องข้างๆประตูทางเข้า ผมจึงใช้สัญญาณมือบอกว่าห้องข้างๆนี้มีคนอยู่ ตามด้วยคนในหน่วยอีกสองคนได้เข้ามาในบ้านและเดินไปข้างหน้าผมเพื่อเช็คห้องรับแขกที่เป็นห้องกลาง ก่อนที่ผมจะเปิดประตูช้าๆ

ฮ่า ฮาส

เสียงซอมบี้ร้องออกมาชัดแจ๋ว แม่น!!แล้ว มันคือซอมบี้จริงๆ โดยข้างในห้องนี้มีซอมบี้อยู่สองตัว เป็นผู้ชายคนหนึ่ง และผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งดูเหมือนทั้งคู่กำลังทำกิจกรรมกันอยู่ด้วยก่อนจะกลายเป็นซอมบี้ เพราะผู้หญิงไม่ได้ใส่อะไรเลย ผู้ชายก็ใส่เพียงแค่กางเกงในตัวเดียว

ซึ่งการกระทำของผมมันเงียบมากๆ ทำให้พวกซอมบี้ยังไม่รู้ตัว แต่พวกมันก็กำลังเดินมาที่ประตูอย่างช้าๆเพราะเสียงถีบประตูของหัวหน้า โดยชีวิตที่แล้วผมไม่ใช่คนเปิดประตูห้องนี้ คนเปิดคนแรกคือหัวหน้า และเขาก็จะเข้าไปช่วยเหลือแต่ก็พลาดท่าโดนกัดซะก่อน หลังจากนั้นไม่นานเขาก็กลายเป็นซอมบี้

ฟุบๆ ผลั๊วะ ตุบ

ผมได้พุ่งเข้าไปต่อยหน้าซอมบี้ผู้ชายคนแรกจนมันล้มลงไปนอนบนพื้น ส่วนซอมบี้ผู้หญิงผมใช้ผ้าห่มมาพันตัวมันไว้และถีบร่างของมันนอนลงไปบนพื้นเช่นกัน ซึ่งเมื่อหัวหน้าเข้ามาในห้องเข้าก็ยกนิ้วโป้งให้ผมเป็นการชมทันที

“หัวหน้าครับ พวกเขาดูแปลกๆ” ผมกล่าวเพื่อให้หัวหน้าใช้ความคิดเมื่อเห็นพวกมันที่กำลังอ้าปากไล่จะงับๆและจะกัดผมให้ได้

“เหมือนซอมบี้เลยแฮะ” หัวหน้ากล่าวก่อนจะสั่งให้ผมเอาอะไรปิดปากพวกมันไว้ก่อน ซึ่งผมก็ใช้เทปกาวผ้าปิดปากพวกมันไว้ ส่วนซอมบี้ผู้ชายผมก็ล็อคกุญแจมือติดไว้กับขาเตียงเรียบร้อย

“ทุกคนระวังโดนกัด ระวังตัวเองดีๆ” หัวหน้ากล่าวผ่านหูฟังที่เชื่อมกันทุกคน และทำให้ทุกคนระวังตัวเองมากกว่าเดิม เพระทุกคนเชื่อฟังหัวหน้ามาก เขาเป็นคนวางแผนการที่ดี ใช้คนเป็น และเป็นผู้นำที่ดีมากๆ แก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

หลังจากนั้นพวกเราก็เริ่มบุกตรวจค้นกันไปเรื่อยๆ ซึ่งก็ได้เจอกับพวกซอมบี้อีกสามตัวในบ้าน และก็ได้พบของกลางจำนวนมาก บ้านนี้มันมีคดียาเสพติดจริงๆนั่นแหละ แต่พวกมันก็กลายเป็นซอมบี้กันไปหมดแล้ว น่าจะเพราะมีคนใดคนหนึ่งไปโดนกัดมาละมั้ง

สุดท้ายพวกเราก็พาตัวพวกซอมบี้ออกมานอนหน้าบ้านและให้หน่วยสืบสวนวิเคราะห์ว่าพวกเขาเป็นอะไร ทั้งๆที่ผมรู้อยู่แล้ว แต่ผมไม่สามารถพูดออกไปได้ ทำได้เพียงเตือนเท่านั้น เพราะถ้าผมพูดออกไปตอนนี้มีหวังคงโดนทุกคนด่าว่าบ้ากันไปหมดแน่ๆ