ตอนที่ 5 การชำละล้าง
“โลกนี้กำลังเข้าสู่โลกาวินาศ”
“ซอมบี้พวกนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ”
“แต่เป็นเพราะ…สิ่งสูงศักดิ์บางอย่างที่ทำให้พวกมันเกิดขึ้นมา”
“และเป้าหมายมันคือชำระล้างมนุษย์" ผมกล่าวก่อนจะหยุดเพื่อรอดูท่าทางของเวียร์
“สิ่งนั้นคืออะไร?” เวียร์กล่าวถาม
“พระเจ้า” ผมกล่าวออกไปซึ่งเวียร์ก็มีสีหน้าไม่เชื่อผมทันที ก็แน่ละ พระเจ้าคือผู้สร้างโลก แล้วเขาจะทำลายล้างโลกนี้ทำไม?
“แต่ก็มีเทพบรรพกาล..ที่มีพลังทัดเทียมกับพระเจ้าได้มอบพลังให้กับมนุษย์”
“นั่นคือพลังรูน” ผมกล่าวก่อนจะยกแขนข้างขวาขึ้นให้เวียร์สักเกตอักษรรูนบนร่างกายของผม
“นอกเหนือจากนั้นคือการมอบพรสวรรค์ให้กับมนุษย์”
“ไม่ว่าจะเป็นผู้อเวค หรือคนที่สามาถใช้รูนได้สองอย่างในร่างเดียว”
“และผู้วิวัฒ หรือคนที่สามารถใช้พลังรูนได้มากกว่าคนอื่นสองเท่าถ้าใช้พลังเกี่ยวกับพรสวรรค์ที่ได้รับมา” ผมกล่าวอธิบายจนสีหน้าของเวียร์เริ่มสับสนขึ้นเรื่อยๆ
เพราะเรื่องพวกนี้มันไม่ต่างอะไรกับโลกแฟนตาซีเลย แล้วโลกของเราก็ไม่น่าจะมีพลังอะไรแบบนั้นอยู่ด้วย
“เอาแบบนี้ล่ะกัน” ผมกล่าวก่อนจะใช้นิ้วจิ้มบนโต๊ะไม้ และทันทีที่นิ้วของผมแตะโต๊ะไม้ มันยุบลงไปเลย จากพลังรูนของอุรุซ
“นี่คือหนึ่งในพลังรูน” ผมกล่าว เพราะเมื่อครู่ผมแทบจะไม่ได้ออกแรงเลย หรือต่อให้เป็นคนธรรมดาออกแรง นิ้วอาจจะหักก็ได้
“คุณคาร์เทียร์ บอกว่าคนนึงสามารถใช้พลังรูนได้หนึ่งอย่าง ผู้อเวคได้สองอย่าง”
“แล้วเพราะอะไร คุณคาร์เทียร์ถึงมีอักษรรูนอยู่เต็มร่างกายครับ?” เขากล่าวถามผม
“เทพบรรพกาลได้มอบพลังนี้ให้กับผม ด้วยเหตุผลว่าให้ผมกลายเป็นผู้ปกป้องเผ่าพันธุ์มนุษย์” ผมกล่าวจบเวียร์ก็นิ่งค้างไปเลย
“ถ้าอย่างนั้น ท่านแคนดี้”
“เราต้องติดต่อกับรัฐบาล” เวียร์กล่าวออกมา ซึ่งแคนดี้ก็มีท่าทางเหมือนจะเห็นด้วย
ครืน ครืน
ฟุบๆๆๆๆๆ
“การชำระล้างได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว”
“เนื่องจากมีผู้พิทักษ์โบราณปรากฏตัว ซอมบี้จะวิวัฒนาการเป็นขั้นหนึ่งทันที” เสียงอันทรงพลังกล่าวดังไปทั่วโลก ซึ่งเสียงนี้มันดังมาจากท้องฟ้า และเมื่อผมได้ยินเสียงนี้ มันทำให้ผมหน้าซีดทันที
“พระเจ้าเฮงซวย” ผมสบถออกมาอย่างอารมณ์เสีย
“มันเกิดอะไรขึ้น?" แคนดี้กล่าวถามผม
“นี่คือความต้องการของพระเจ้า” ผมกล่าวก่อนจะถอนหายใจยาวออกมา
“ซอมบี้จะวิวัฒนาการได้ 6 ระดับ”
“ซึ่งที่จริงแล้วมันไม่ควรวิวัฒนาการตั้งแต่วันแรก แต่เป็นวันที่หก”
“วิวัฒนาการแรก พวกซอมบี้จะเดินเร็วได้”
“วิวัฒนาการที่สองมันจะเริ่มวิ่ง และเริ่มปรากฏซอมบี้กลายพันธ์”
“ระดับที่สามมันจะมีพละกำลังและวิ่งเร็วมากๆ”
“ระดับที่สี่มันสามารถปีนป่ายและกระโดดได้”
“ระดับที่ห้า พละกำลังและความเร็วของพวกมันจะมากกว่ามนุษย์ปกติถึงสามเท่า เรียกได้ว่าทุบกำแพงพังได้เลยทีเดียว”
“ส่วนระดับสุดท้าย มันคือการวิวัฒนาการเพื่อไล่ฆ่าล้างบางมนุษย์”
“ระดับที่หก มันจะมีเรดาร์ในตัวที่จะตามหามนุษย์ได้” ผมกล่าวจบ ผู้ใหญ่ทั้งสองคนก็กุมขมับกันทันที
“ว่าแต่ทำไมคุณคาร์เทียร์ถึงรู้เรื่องราวพวกนี้กันครับ?” เวียร์กล่าวถามผม
“ผมย้อนเวลากลับมา” ผมกล่าวโดยไม่อยากปิดบัง ในเมื่อสัญชาติญาณและพลังรูนของผมบ่งบอกว่าชายคนนี้เชื่อถือได้ รวมถึงแคนดี้พี่สาวของผมยังยืนยันอีกเสียง ผมจึงคิดจะให้เขาเข้ามาอยู่ในกลุ่มหลังจากนี้
“คุณ? ย้อนเวลา?” เวียร์กล่าวย้ำ
“ถูกต้อง”
“และผมไม่อยากพูดถึงอนาคต เพราะมันเหลือเพียงแค่ผมคนเดียว” ผมกล่าวก่อนที่เสียงของพระเจ้าจะเริ่มกล่าวเกี่ยวกับเรื่องที่ผมเพิ่งพูดไปเมื่อครู่ นั่นก็คือการวิวัฒนาการซอมบี้
“และถ้าหากเราจะมีชีวิตรอดต่อไป”
“เราต้องอยู่ให้ถึงวันที่ 366” ผมกล่าวพร้อมกับเสียงของพระเจ้า
“แล้วเชื้อซอมบี้จะตายไปเอง” ผมกล่าวอีกครั้ง ซึ่งมันก็ตรงกับเสียงของพระเจ้าพอดี นี่จึงแสดงให้เห็นว่าผมเคยเผชิญกับเหตุการณ์นี้มาแล้ว
“ผมไม่สามารถพูดอะไรไปมากกว่านี้ได้แล้ว”
“การตัดสินใจและการให้ข้อมูลของผมจะส่งผลต่อการวิวัฒนาการของซอมบี้” ผมกล่าวเมื่อได้เห็นอนาคตจากรูน ว่าถ้าผมบอกว่าจะเข้าร่วมกับรัฐบาล พระเจ้าก็จะวิวัฒนาการซอมบี้เป็นระดับสองต่อทันที
“ตัดสินใจอะไร?” แคนดี้กล่าวถามผม ซึ่งผมก็ได้ใช้รูนดูอนาคตอีกครั้ง ซึ่งเพียงแค่ผมกล่าวว่าจะเข้าร่วมกับรัฐบาล พระเจ้าก็จะวิวัฒนาการซอมบี้ทันที
“…” ผมเลือกที่จะส่ายหัวและพยักหน้าให้กับแคนดี้ เป็นความหมายว่าผมไม่สามารถพูดออกมาได้จริงๆ
“ในตอนนี้มนุษย์ยังไม่สามารถปรับตัวรับมือกับซอมบี้ได้ทันเวลา”
“ถ้าหากผมเปิดเผยว่าตัวเองเป็นผู้พิทักษ์นั่นจริงๆ” ผมกล่าวก่อนจะหยุดพูด เพราะถ้าผมพูดต่ออีก พระเจ้านั่นก็จะวิวัฒนาการซอมบี้
หลังจาก..นี้ผมจะต้องระวังคำพูดตัวเองแล้วล่ะนะ
“การวิวัฒที่น่ากลัวคือพวกมันสามารถวิ่งได้”
“ต่อจากนั้นคือพวกมันปีนและกระโดดได้”
“มันคือฝันร้ายที่สุด” ผมกล่าวอย่างหนักใจ
“…” ผมใช้รูนดูอนาคตครั้งสุดท้าย เพราะหลังจากนี้ผมจะใช้ได้ก็อีกวันนึง และการตัดสินใจนี้พระเจ้าจะยังไม่วิวัฒนาการซอมบี้
“คาร์เทียร์อยากให้แคนดี้ตั้งองค์กรณ์ขึ้นมา”
“และรับคนที่ไว้ใจได้เข้ามาในองค์กรณ์”
“นั่นรวมถึงการที่พวกเขาไม่ทำอะไรแปลกๆอย่างเช่นเหตุการณ์ก่อนหน้านี้” ผมกล่าวและหันไปมองเวียร์ วึ่งเวียร์เองก็เข้าใจดี
“ผมยอมที่จะแข็งแกร่งและอยู่อย่างโดดเดี่ยวเพื่อตัวเองและมนุษย์ทุกคน”
“ดีกว่ารวบรวมพวกอ่อนแอและนำไปสู่เหตุการณ์ที่ยากลำบาก” ผมกล่าวออกไป ถึงแม้มันจะดูเห็นแก่ตัว แต่มันก็จริง ถ้าเรารวมคนไว้เยอะๆ มันจะมีบางสถานการณ์ที่แม้แต่ทหารนับหมื่นคนก็ไม่สามารถควบคุมได้ อย่างเช่นกรณีของประเทศจีนที่รวมคนไว้ในค่ายทหาร และสุดท้ายก็มีคนติดเชื้อหลุดเข้าไปทำให้ค่ายนั้นกลายเป็นนรกในไม่กี่วัน
หลังจากนั้นผู้คนจึงเริ่มตีตัวออกห่างจากคนหมู่มาก มีการคัดกรองคนเข้ากลุ่ม ฝึกฝนตัวเองและเอาชีวิตรอดจากซอมบี้ แย่งของปัจจัยสี่กันอย่างดุเดือดจนทำให้ไม่มีมนุษย์คนไหนเชื่อใจกันเต็มร้อย
“ถ้าอย่างนั้นผมคงต้องขอโทษด้วย เพราะผมมีลูกสาวที่ต้องดูแลอยู่” เวียร์กล่าว เพราะเด็กและคนแก่จะเป็นตัวถ่วงสำหรับกลุ่ม เพราะเด็กจะทำอะไรโดยไม่รู้จักคิด ส่วนผู้สูงอายุก็จะทำอะไรเชื่องช้าไปหมด แถมอารมณ์ก็ขึ้นๆลงๆง่าย จะสร้างความแตกแยกให้ภายในกลุ่ม
“นั่นไม่มีปัญหา คุณแค่สอนลูกให้ดีก็พอ อีกอย่างนึงผมและแคนดี้ก็มีแอนนาอยู่ด้วย” ผมกล่าว เพราะเวียร์เป็นคนที่มีความสามารถจริงๆ ผมไม่อยากปล่อยเขาไปเพียงเพราะเขามีลูกสาว และดูแล้วลูกสาวของเขาก็คงไม่ทำอะไรแปลกๆ เพราะทั้งคู่ตัวติดกันตลอด และเธอไม่สนใจคนแปลกหน้ารวมถึงรอคำสั่งจากเวียร์อย่างเดียว
“เอาล่ะ เรามาคุยเรื่องในอนาคตกันดีกว่า” แคนดี้กล่าว
“จากที่ฉันลองคิดดู หมู่บ้านของพวกเราไม่ได้อยู่ในเมือง”
“และมันมีพื้นที่จำกัด”
“ถ้าเราสามารถเคลียร์ที่นี่และสร้างเป็นที่หลบภัยที่มีกำแพงได้”
“ทุกคนคิดว่ายังไง?” แคนดี้กล่าวแผนการของเธอออกมา
“…” ผมหลับตาลงและเริ่มคิดเกี่ยวกับแผนของแคนดี้ เอาไปรวมกับรูนเฟฮู ซึ่งเป็นรูนแห่งความโชคดีและเห็นหนทางในการเอาชีวิตรอด ซึ่งรูนมันได้บ่งบอกว่าแผนของแคนดี้จะสำเร็จ แต่เป็นได้แค่ที่หลบภัยชั่วคราวเท่านั้น
“ดี” ผมตอบออกมาเพียงคำเดียว ก่อนจะลืมตาขึ้น ซึ่งทุกคนก็กำลังจ้องมองผมอยู่ ผมเดาว่าทุกคนคงคิดว่าผมกำลังใช้พลังรูนเพื่อวิเคราะห์แผนการของแคนดี้
“เอาล่ะ ใกล้ถึงการปรากฏตัวของเทพบรรพกาลแล้ว”
“เขาจะมอบพลังรูนและการวิวัฒนาการของมนุษย์ให้หลังจากที่ซอมบี้วิวัฒนาการเป็นระดับหนึ่ง” ผมกล่าวจบก็มีเสียงดังขึ้นมาในหัวของผมทันที ซึ่งมันก็เป็นเสียงเดิมๆที่ผมเคยฟังมาแล้ว เขาได้อธิบายเกี่ยวกับพลังรูนต่างๆและอวยพรให้มนุษย์โชคดี และที่เทพบรรพกาลไม่ได้ส่งเสียงทั่วโลก เพราะเขากำลังแทรกแทรงอำนาจของพระเจ้า
โดยรูนทั้งหมดมี 24 รูน
อักษรรูน ᚠ(เฟฮู (Fehu) จะได้รับความโชคดีและเห็นหนทางเอาชีวิตรอดตามสัญชาตญาณ
อักษรรูน ᚢ(อุรุซ (Uruz) มีความแข็งแกร่งมหาศาล
อักษรรูน ᚦ(ธอร์น ( Thurisaz ) สามารถควบคุมซอมบี้ได้
อักษรรูน ᚨ(อันซูซ ( Ansuz ) สื่อสารระยะไกลกับคนอื่นได้
อักษรรูน ᚱ(ไรโด ( Raidho ) ถ้ามีสิ่งที่ต้องการในใจ สายตาของคนนั้นจะมีเส้นทางปรากฏ
อักษรรูน ᚲ(คาวนัน ( kaunan ) ฟื้นฟูบาดแผลด้วยตัวเองได้
อักษรรูน ᚷ(เกบโบ ( Gebo ) ถ้าสร้างความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับใคร สามารถส่งมอบพลังกายให้คนนั้นได้ถ้าเลเวลรูนมากพอ อีกฝ่ายก็สามารถส่งกลับมาได้เช่นกัน
อักษรรูน ᚹ(วันโจว ( Wunjo ) มีความสามารถในการพูดปลุกใจคนอื่นและมีภูมิคุ้มกันด้านจิตใจกับตนเองเช่นกัน
อักษรรูน ᚺ ᚻ(ฮากาลัซ (Hagalaz) สามารถดูจิตใต้สำนึกของอีกฝ่ายได้ว่าเป็นคนแบบไหน
อักษรรูน ᚾ(นอดิซ ( Nauthiz) ถ้าโดนกัดแล้วในใจยังอยากมีชีวิตอยู่ก็จะรอดพ้นไปได้ครั้งนึงและตามเลเวล
อักษรรูน ᛁ(ไอส์ (Isaz ) จะมีความใจเย็นไม่ตกใจกับอะไรง่ายๆและคิดหาทางออกได้
อักษรรูน ᛃ(เจอรา ( Jera ) ยิ่งเลเวลเพิ่มก็จะแข็งแกร่งขึ้น
อักษรรูน ᛇ(ไอวาศ ( Eiwaz ) สามารถตรวจค้นดิน น้ำ ลม และไฟได้ว่ามีพิษอะไรไหม
อักษรรูน ᛈ(เพิร์บ ( perb ) ความสามารถในการหยั่งรู้อนาคต
อักษรรูน ᛉ(เอลจีส ( Algiz ) ปัดเป่าเชื้อซอมบี้จากคนที่ติดเชื้อได้ไม่เกินตามเลเวล
อักษรรูน ᛊ ᛋ(โซวิโล ( Sowilo ) ความสามารถในการควบคุมไฟ
อักษรรูน ᛏ(ทีวาศ (Tiwaz) เพิ่มความน่าเชื่อถือของตัวเองรวมถึงสเน่ห์
อักษรรูน ᛒ(เบิร์คคานัน ( Berkanan )สามารถเร่งการเติบโตของผลผลิตที่เป็นพืชได้
อักษรรูน ᛖ(เอวาศ ( Ehwaz ) สัตว์ขี่จะเป็นมิตร
อักษรรูน ᛗ(แมเนซ ( Mannaz ) เห็นความคิดคนอื่นที่มีต่อตนเอง
อักษรรูน ᛚ(ลากัส ( Laguz ) สามารถควบคุมน้ำได้
อักษรรูน ᛜ ᛝ(อิงวาส (Ingwaz) สร้างตัวตนของตนเองในจิตใจไว้ตัดสินใจและพูดคุย
อักษรรูน ᛞ(ดากัซ ( Dagaz ) การตื่นรู้ สามารถจับสัมผัสรอบตัวได้
อักษรรูน ᛟ(โอธาลา (Othala ) สื่อสารกับคนตายได้
นี่คือทั้งหมดที่เขาอธิบายแบบกระชับ และรูนทั้งหมดนั้นมันก็อยู่บนตัวของผมแล้วด้วย
“หลังจากนี้เราต้องอยู่ร่วมกันแล้วสินะ”
“ผมขอฝากชีวิตไว้กับพวกคุณด้วย” เวียร์กล่าวเมื่อสิ่งที่ผมพูดมาทั้งหมดได้รับการยืนยันจากพระเจ้าและเทพบรรพกาลที่ปรากฏตัวออกมาแล้ว
“ผมยินดีอย่างยิ่ง” ผมตอบกลับด้วยความดีใจ