ตอนที่ 4 ผู้วิวัฒ
“ที่จริงแล้วผมก็ขับรอมอเตอร์ไซต์มาครับ” เวียร์กล่าว
“ผมเข้าใจความคิดของคุณดีครับ หน้าที่ของผมมีเพียงปกป้องเป้าหมายสำคัญ”
“และในตอนนี้เป้าหมายนั้นก็คือลูกสาวของผม” เวียร์กล่าวเสริม ผมจึงพยักหน้าตอบรับและคิดอะไรหลายๆอย่าง พร้อมกับมองดูแววตาคาดหวังของเด็กๆทุกคน
‘คาร์เทียร์ ฉันส่งหน่วยรบพิเศษไปช่วยนะ’ เสียงในหัวของผมดังขึ้น ซึ่งเธอก็คือแคนดี้พี่สาวของผมนั่นเอง
‘พวกเขามายังไง?’ ผมกล่าวถามกลับไปเมื่อนึกถึงเสียง เพราะระดับหน่วยรบพิเศษ ผมเดาว่าคงไม่พ้นแฮรีคอปเตอร์แน่นอน
ฟึบ ฟึบ ฟึบ
‘แฮรีคอปเตอร์’ และเมื่อแคนดี้กล่าวตอบผม ระหว่างนั้นผมก็ได้ยินเสียงใบพัดพอดี มันทำให้นักเรียนพากันไปมุงดูกระจก
“ทหารมา! ทหารมาช่วยเราแล้ว!” เด็กคนหนึ่งตะโกนออกมาด้วยความดีใจ แต่นั่นไม่ใช่ผลดีเลย เพราะเสียงของใบพัดจะทำให้ซอมบี้แห่กันไปที่นั่น
‘แล้วจะติดต่อกลับไป’ ผมกล่าวในใจก่อนจะยกมือขึ้นมาเกาหัวอย่างร้อนรน
“อย่าออกไปจากที่นี่” ผมกล่าวเมื่อเหล่านักเรียนกำลังพยายามแงะประตูทางเข้าโรงยิมเพื่อออกไปเบื้องนอก แต่พวกเขาลืมไปรึเปล่าว่าซอมบี้มันล้อมรอบเราอยู่
“ไม่!” ผมตะโกนลั่นเมื่อพวกนักเรียนไม่ฟังผม ยังคงงัดประตูกันต่อไป จนในที่สุดประตูก็ถูกเปิด
แกร๊ก
แฮร่ ฮาสสส
เสียงซอมบี้ดังกระหึ่มทันทีเมื่อประตูถูกเปิด
ปังๆๆๆ
“หลบ!” ผมกล่าวก่อนจะวิ่งออกไปข้างนอกเมื่อเสียงปืนดังขึ้น เพราะพวกทหารได้โรยตัวลงมาตรงข้างหน้าโรงยิมพอดี และถ้าผมเดาไม่ผิด ตอนนี้ซอมบี้ได้แห่กันมาหน้าโรงยิมแล้ว
“พี่คาร์เทียร์!?” แอนนาตกใจมากที่ผมวิ่งออกไปจากที่หลบภัยแบบนั้น
ฉับ ฉึก วืบ ฟุบๆ
ฟุบ ฉับ!
ผมได้ต่อสู้กับพวกซอมบี้มากมายเพื่อขยายวงล้อมให้พวกทหาร ถึงแม้พวกเขาจะมีปืน มีอาวุธ แต่พวกเขาก็ยังไม่รู้ว่าต้องยิงที่หัวของมัน ซอมบี้ถึงจะตาย ทำให้ผมต้องออกไปช่วยฝ่าวงล้อมเพื่อให้พวกทหารเข้าไปหลบในโรงยิม
“คาร์เทียร์รับนี่ไป!” ทหารนายนึงเรียกชื่อผมและขว้างวิทยุสื่อสารให้ผมเมื่อผมโดนซอมบี้ต้อนออกไปจากหน้าโรงยิม แต่ก็ยังดีที่มีพวกทหารคอยยิงคุ้มกันให้อยู่ แต่การที่จะกลับไปข้างในโรงยิมมันเป็นไปไม่ได้เลย พวกซอมบี้ล้อมรอบผมเต็มไปหมด เขาจึงตัดสินใจให้ผมหาที่หลบก่อน ส่วนฮอก็ได้ขับออกไปแล้วหลังจากที่หน่วยรบพิเศษลงพื้น ซึ่งพวกเขาก็พยายามอย่างสุดความสามารถในการจะช่วยผมกลับมา แต่พวกซอมบี้มีเยอะเกินไป
โดยคนที่เรียกชื่อผมก็คือคนที่มาทาบทามผมเข้าหน่วยรบพิเศษนี่เอง เงื่อนไขของผมผ่านหมดทุกอย่าง เหลือเพียงอย่างเดียวคือเส้นสาย ผมถูกปฏิเสธจากผู้มีอิทธิพลในการเข้าหน่วยรบพิเศษเพราะไม่อยากให้นามสกุลของผมมีอำนาจมากเกินไป เพียงแค่แคนดี้ก็น่าปวดหัวแล้ว
“เข้าไปข้างใน ผมจะไปหาที่หลบ!” ผมตะโกนบอกเมื่อพวกเขายังยื้อเพื่อจะสร้างเส้นทางให้ผม แต่ในตอนนี้พวกซอมบี้ได้เข้าประชิดโรงยิมแล้ว ผมจึงไม่มีทางเลือกต้องสับตีนแตกไปที่อาคารเรียนข้างๆ
ฮาสสส
ซึ่งระหว่างทางผมก็เจอซอมบี้มากมาย แต่ผมเลือกที่จะหลบพวกมัน เลี่ยงการต่อสู้เพราะจะเปลืองแรง ซึ่งเมื่อผมวิ่งเข้าไปในอาคารได้สำเร็จ ประตูโรงยิมก็ถูกปิดอีกครั้ง และผมก็ยังคงวิ่งต่อไปหาที่หลบภัยจนผมได้วิ่งมาที่ห้องประชาสัมพันธ์ ผมจึงเข้าห้องนี้ไปทันที
ฟุบ ฟึบ
ฮาสส
ฉับ!
เมื่อผมเข้ามาในห้อง ผมก็ปิดประตูและรีบหันไปสำรวจห้องทันที ปรากฏมีซอมบี้ที่กำลังจะเข้าจู่โจมผม แต่ก็โดนผมใช้ขวานจามหน้าไปซะก่อนจนมันร่วงลงพื้น และผมก็ได้จัดการซอมบี้อีกสองตัวในชุดนักเรียนสำเร็จ ก่อนจะเริ่มเคลียร์ห้องว่ามีซอมบี้เหลือไหม แต่ก็ไม่มี ผมจึงถอนหายใจยาวออกมาด้วยความเหนื่อย
“ผมปลอดภัย” ผมเปิดวอร์และกล่าว
“ขอบคุณพระเจ้า!” หัวหน้าหน่วยรบพิเศษกล่าวตอบกลับมา แต่ที่จริงแล้วไม่สมควรไปขอบคุณมันเลย เพราะมันเป็นคนที่ทำให้ซอมบี้ปรากฏตัวขึ้นและเกิดโลกาวินาศเช่นนี้ คนที่ควรจะขอบคุณคือเทพโบราณซะมากกว่า เพราะเขาได้มอบพลังรูนให้กับเรา
“ข้างๆโรงยิมมีรถบัสอยู่ และในตอนนี้ผมอยู่ห้องประชาสัมพันธ์”
“ผมจะใช้เสียงเพลงเคารพธงชาติให้ซอมบี้ไปรวมตัวกันที่ลำโพง” ผมกล่าวผ่านวอร์สื่อสาร
“เข้าใจแล้ว พวกเราจะอพยพประชาชนขึ้นรถบัสทางข้างหลังโรงยิม” หัวหน้าหน่วยรบพิเศษกล่าวตอบผมกลับมา และผมก็ได้เปิดเพลงเคารพธงชาติทันที
“อ่า…” ผมถอนหายใจอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงซอมบี้กำลังเดินผ่านห้องประชาสัมพันธ์ไปยังลำโพงข้างหน้าตึก จนผ่านไปสักพักเสียงซอมบี้เยอะขึ้นเรื่อยๆ จนรอบๆห้องของผมไม่มีซอมบี้แล้ว ผมจึงเปิดหน้าต่างออกและกระโจนตัวออกไป
“เริ่มอพยพได้” ผมกล่าวเมื่อเห็นว่าไม่มีซอมบี้อยู่ข้างหน้าโรงยิมแล้ว
“ทราบแล้วเปลี่ยน” หัวหน้าหน่วยรบพิเศษตอบกลับมา ผมจึงเดินหลบๆไปที่โรงรถ ซึ่งผมก็ได้เห็นหัวหน้าหน่วยรบพิเศษเดินนำมาก่อน ซึ่งผมก็ใช้สัญญาณมือบอกให้พวกเขาเข้าทางข้างโรงรถ เพราะข้างหน้ามันเป็นประตูเหล็กเลื่อน ถ้าเปิดมันมีหวังซอมบี้จะแห่มาอีกครั้ง
“…” ผมได้เดินประกบกับหัวหน้าหน่วยรบพิเศษและใช้สัญญาณมือบอกว่าให้เข้าไปเช็คสิ่งมีชีวิตให้เรียบร้อยก่อน ซึ่งข้างในก็ไม่มีใครเลย พวกเราจึงเริ่มแผนอพยพในทันที
“พี่คาร์เทียร์” แอนนาวิ่งจะมากอดผม แต่ผมก็ต้องยกมือขึ้นห้ามไว้ก่อน เพราะทั้งตัวผมเปียกไปด้วยเลือดของซอมบี้
“ผมจะไปกับคุณ” เวียร์เดินมากล่าวกับผม ในเมื่อพวกนักเรียนอพยพสำเร็จแล้ว เราก็ไม่ต้องกังวลอะไรอีก และจากเหตุการณ์เมื่อครู่ที่พวกนักเรียนไม่ฟังผม ทำให้ผมต้องออกไปจัดการกับสถานการณ์ที่ยากลำบาก แสดงให้เห็นแล้วว่าเราควรไปกับคนที่พึ่งพาและไว้ใจได้ ไม่ควรไปด้วยกันเยอะๆ
“คาร์เทียร์ ไม่ขึ้นมารึไง?” หัวหน้าหน่วยรบพิเศษกล่าวเมื่อข้างล่างเหลือเพียงผม เวียร์ ลูกของเวียร์และแอนนา
“พวกคุณพาพวกเขาไปที่ปลอดภัยได้เลย”
“ผมจะล่อพวกซอมบี้ให้อง” ผมกล่าวก่อนจะหยิบปืนออกมาจากเกราะกันกระสุน
“ไม่ หน้าที่ของพวกเราคือพานายและหลานของนายกลับไปอย่างปลอดภัย” เขากล่าวอย่างจริงจัง
“พวกคุณนี่อะไรนักหนากับคำว่าหน้าที่ห๊ะ!?” คุณครูคนหนึ่งตวาดออกมาด้วยความโมโห
“หุบปาก!” หัวหน้าหน่วยรบพิเศษตวาดกลับไปจนอีกฝ่ายถึงกับตกใจหงายหลังลงนั่งกับพื้นทันที
“พวกคุณ…เกือบทำบุคคลทรงคุณค่าของประเทศตายแล้วรู้หรือเปล่า!?”
“พวกเรามีแผนที่จะเข้าประตูข้างโรงยิม จะเปิดประตูข้างหน้ากันทำไม!?”
“ถ้าไม่ได้ชายคนนั้นมาเปิดทางให้พวกเราอาจจะต้องตาย” หัวหน้าหน่วยรบพิเศษกล่าวด้วยความโมโห
“ไม่มีเวลาแล้ว เพลงชาติกำลังจะจบ”
“เอาระเบิดลูกนึงมาให้ผม!” ผมกล่าวและทำให้หัวหน้าหน่วยรบพิเศษยอมใจโยนลูกระเบิดมาให้กับผม
“แล้วผมจะติดต่อไป” ผมกล่าวก่อนจะเดินไปที่ประตูและปลดล็อคประตูเหล็ก มันพร้อมกับเวลาที่เสียงเพลงชาติจบลงพอดี ซึ่งพวกเขาก็ได้ขับรถบัสออกไปข้างหลังโรงเรียน ส่วนผมก็เดินไปที่ข้างหน้าโรงยิมและเขวี้ยงระเบิดไปที่สนามบอล
ตู้ม!
วืดดด
เสียงระเบิดดังมากจนหูของพวกเราอื้อไปหมด แต่ยังดีที่ผมมีพลังรูนแห่งการสัมผัส ผมจึงรับรู้สิ่งรอบข้างได้เป็นอย่างดีก่อนที่จะหันกลับไปและถีบซอมบี้ที่อยู่ข้างหลังเวียร์กระเด็นไป พร้อมกับวิ่งอ้อมตึกไปต่อทางที่รถของผมจอดอยู่ ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่แค่พวกเราที่หูอื้อ พวกซอมบี้ก็จะหูดับไปสักห้านาทีได้ละมั้ง
“ผมก็คิดอยู่ว่ารถของใครมาจอดตรงนี้” ผมกล่าวเมื่อมาถึงที่จอดรถของผม แต่ปรากฏว่ารถข้างๆผมก็คือของเวียร์นั่นเอง เขามีเซนส์ที่ดีเลยทีเดียว รู้ว่าตรงไหนปลอดภัย ควรทำอะไร คนแบบนี้สิถึงน่าพาไปด้วย
บรื้น บรื้นนน
และพวกเราก็ไม่รอช้ารีบสตาร์ทรถออกตัวกันไปทันที ซึ่งฝั่งของเวียร์ก็ขับรถตามผมมาด้วย ส่วนแอนนาก็กอดผมไว้แน่นเลยทีเดียว เพราะรอบตัวเราเต็มไปด้วยซอมบี้ ผมจึงต้องขับเร็วและหลบเลี่ยงพวกมันอย่างลุกลี้ลุกลน จนสุดท้ายพวกเราก็ผ่านทางถนนที่มีซอมบี้เยอะมาได้ และก็กำลังมุ่งหน้าไปที่หมูบ้านของผม
ฟึบ ฟึบ
บรืนน ฟุบ
ซึ่งเมื่อมาถึงหน้าโรงจอดรถของบ้าน แคนดี้่ก็ได้สั่งเปิดโรงจอดรถทันที และพวกเราทั้งสองคันก็ได้ขับเข้าไปจอดในโรงจอดรถ พร้อมกับประตูที่ปิดลงก่อนที่พวกซอมบี้จะทันได้เข้ามา
“เข้าไปในบ้านกันเถอะ” ผมกล่าว ซึ่งระหว่างทางผมก็ได้ส่งข้อความหาแคนดี้แล้วว่าผมพาลูกน้องของเธอมาด้วย
“ท่านแคนดี้” และเมื่อเวียร์ได้พบกับแคนดี้ เขาก็ก้มหัวเคารพให้ทันที
“ดีใจนะที่นายปลอดภัย” แคนดี้กล่าว ที่จริงผมก็เคยได้ยินคำบ่นจากเธอมาบ้างว่าบอดี้การ์ดรอบตัวเธอที่เชื่อใจได้มีไม่กี่คน และคนที่น่าเชื่อถือที่สุดก็เวียร์ เขามีความจงรักภักดีเป็นอย่างมาก ผมและแคนดี้จึงไม่คิดเล็กคิดน้อยที่จะให้พวกเขาเข้ามาในบ้าน
“ขอบคุณครับ” เขากล่าวก่อนที่แคนดี้จะพาทั้งสองไปดูห้อง ส่วนผมก็ได้ฝากแอนนาไว้กับแคนดี้ เพราะตัวผมเต็มไปด้วยเลือดของซอมบี้ ผมต้องไปอาบน้ำชำระล้างร่างกายซะก่อน
30 นาทีผ่านไป
'เขาคนนี้เชื่อใจได้มากขนาดไหน?' ผมกล่าวถามแคนดี้ในใจ
‘ฉันเป็นคนชุบเลี้ยงเขามาด้วยตัวเอง เชื่อใจเขาได้เต็มร้อยเลย’ แคนดี้ตอบกลับมา ผมจึงสวมแค่เสื้อยืดธรรมดาๆโดยไม่ได้ใส่บอดี้สูทปกปิดอักษรรูนบนร่างกาย และเดินลงมาจากชั้นสองมายังโซฟาที่พวกเขากำลังนั่งพูดคุยกันเรื่องโลกาวินาศอยู่
“คุณคาร์เทียร์ เกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของคุณ?” เขากล่าวถามผมเมื่อเห็นว่าร่างกายผมเต็มไปด้วยอักษรโบราณ
แต่มันน่าแปลกนะ เพราะถ้าเป็นคนอื่นคงจะทักว่าผมไปสักมาเหรอ?
“ทำไมคุณถึงคิดว่าร่างกายของผมมันแปลก?” ผมกล่าวถามด้วยความสงสัย
“ไม่รู้สิ เซนส์ของผมมันบอกแบบนั้น” เขากล่าว
“ตัวอักษรพวกนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่รอยสักธรรมดา”
“แถมมันยังเรืองแสงด้วย…” เมื่อเขากล่าวประโยคนี้ออกมา ผมถึงกับนิ่งค้างไปเลย
“ผู้วิวัฒ” ผมกล่าว ซึ่งผู้วิวัฒนี่มันก็ใช่ว่าจะเป็นกันได้ทุกคน หนึ่งในแสนจะมีสักคนหนึ่งและถ้าพวกเขาได้ใช้รูนเดียวกับพลังที่เขาได้รับการวิวัฒขึ้นมา พลังรูนนั้นจะแข็งแกร่งขึ้นสองเท่า ซึ่งดูแล้วเขาน่าจะมีพลังวิวัฒของรูนดากัซ หรือรูนแห่งการตื่นรู้
“มันคืออะไร?” เวียร์กล่าวถามด้วยความสับสน
“ถ้าให้อธิบาย….” ผมกล่าวและหันไปมองหน้าแคนดี้
.
.
.