บทที่ 8
เราไปหยุดที่ร้านขายเครื่องดื่มแห่งหนึ่ง เพราะแซมมี่อยากจะดื่มอะไรอีกสักแก้วขึ้นมา มันเป็นร้านเล็กๆ ควันบุหรี่คลุ้งไปทั้งห้อง ฟากหนึ่งของตัวห้องเป็นเครื่องเล่นโบว์ลิ่งแบบหยอดเหรียญ ที่บาร์มีคอเหล้าจับจองกันเต็มไปหมดและหันมามองเราด้วยความสนใจตอนที่เดินเข้าไป เราได้ที่นั่งเป็นโต๊ะเล็กๆ ตรงมุมห้อง ผมสั่งว้อดก้า ออนเดอะ ร๊อค ให้แซมมี่ กับเบียร์สดให้ตัวเอง
“ฉันรักครอบครัวของคุณจัง” แซมมี่พูดต่อ “ทุกคนดูมีความจริงใจ มันดีสำหรับความรู้สึกจริงๆที่เราจะได้เห็นครอบครัวที่รักใครจริงใจต่อกัน มีปัญหา ก็มีด้วยกัน มีความสุขก็มีด้วยกัน ฉันเหม็นเบื่อกับไอ้สิ่งที่คนในครอบครัวเขาคิดว่ามันเป็นเรื่องอย่างที่สุด ไม่ว่าจะเรื่องการหาคนครัวคนใหม่ หัวหน้าคนรับใช้คนใหม่ หรือแม้แต่เรื่องเบรคของไอ้รถโรลสรอยซ์คุณรู้ไหมเมื่อวานนี้พ่อฉันมีปัญหาเรื่องอะไร? พ่ออุทธรณ์เกี่ยวกับว่า ไม่สามารถหากัปตันเรื่องยอร์ชที่มีฝีมือมาไว้ใช้ได้...คุณเชื่อไหมตลอดอาทิตย์นี้ทั้งอาทิตย์เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ที่สุดสำหรับพ่อ? ปัญหาบ้าบออะไรอย่างนั้นก็ไม่ร็ ส่วนแม่ฉันน่ะช่างขวัญอ่อนเสียเหลือเกิน ตกใจจนเป็นลมไปเลย ตอนที่เจอขวดว้อดก้าของฉันเข้า”
ผมสั่งเหล้าอีกแก้วหนึ่งให้แซมมี่ เรื่องที่เธอคุยให้ผมฟังทำให้ผมใจคอหดหู่จนบอกไม่ถูก และมันก็ดึกมากแล้วด้วยผมก็เลยเรียกคนมาคิดเงิน แซมมี่ซ่อนเหล้าไว้ใต้เสื้อแจ๊คเก๊ตตอนที่เราออกมาจากร้าน ผมขับรถมุ่งหน้าไปบ้านพี่สาวที่เวสท์พอร์ท แซมมี่ก็ดื่มเหล้าที่ขโมยมาไปเรื่อยๆ
“ตอนนี้คุณคงเห็นแล้วสินะว่าฉันน่ะมันทุเรศขนาดไหน” เธอว่า “ตัวก็อ้วน...”
“คุณไม่อ้วนหรอก” ผมปลอบ
“แล้วฉันก็ยิ่งเป็นหืด ตาก็เข...”
“มันก็เขข้างเดียวเท่านั้นนี่” ผมว่า
“ฉันยังเป็นคนดื่มจัดอีกด้วย ทำอาหารก็ไม่เป็นเย็บผ้าก็ไม่เป็น เข้ากับใครในครอบครัวไม่ได้เลยสักคน ไม่มีคุณสมบัติอะไรเลยทั้งสิ้น สิ่งที่ฉันต้องการจะทำที่สุดคือรักใครสักคนอย่างสุดชีวิตเลย อยากจะออกมาเสียให้พ้นๆ จากบ้านนั้น สิ่งที่ฉันต้องการคือใครสักคนที่ต้องการฉันรักฉันต้องการแค่นั้นจริงๆ มันไม่เป็นการของที่มากเกินไปใช่หรือ?”
“ไม่หรอก” ผมตอบอย่างหมดปัญญา
แล้วเจ้าหล่อนก็ร้องไห้ออกมา
แล้วเขาก็ร้องไห้ออกมาจริงๆ นะ ผมเล่าให้เจอรัลดีนฟังในตอนเช้าวันรุ่งขึ้น “ร้องอยู่นั่นแล้ว สะอึกสะอื้นตลอดมาเหมือนกลั้นไว้เป็นเดือนๆ เพิ่งจะมีโอกาสระบายออกมายังงั้นละ”
“น่าสงสารจัง” พี่สาวผมพูดอย่างเห็นใจ เรานั่งดื่มกาแฟกินขนมปังกันอยู่ในครัวตอนนั้น 7 โมงเช้าแล้ว แต่ เอช.ที.กับลูกยังไม่ตื่น
“แล้วแม่เจ้าประคุณก็อาเจียนออกมา บอกให้ผมจอดรถ ลงไปอาเจียนโอ้กอ้ากเป็นการใหญ่ ผมละหน่ายเลยไม่รู้จะทำยังไงดี แซมมี่เองก็ไม่สบายใจ มันแย่จริงๆ”
พี่สาวผมได้แต่ส่ายหัวอยู่ไปมา
“เพราะฉะนั้นผมจึงได้มานี่ไงเล่า พอส่งผมเสร็จแซมมี่ก็ขับรถกลับไปบ้าน ที่จริงผมไม่อยากให้เขาขับรถเองหรอก แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไงดีกว่านั้น มันเป็นคืนที่แย่ที่สุด”
“ฉันก็พอจะมองเห็นอยู่หรอก” เจอรันดีลว่า“แล้วตอนนี้แกรู้สึกยังไงบ้างล่ะ?” พี่สาวรินกาแฟเติมให้ผมอีกถ้วย
“ก็โอเคแล้วละ แต่ถ้าให้พูดจริงๆ ก็เห็นจะต้องบอกว่ากลัว”
“กลัว...งั้นรึ?”
“ใช่...ก็กลัวน่ะสิ เพราะมันอาจจะเป็นไปได้นี่ว่าเรื่องผมกับแซมมี่ อาจจะต้องจบลงด้วยการแต่งงาน เพราะฉะนั้นผมถึงได้กลัวไงล่ะ”
“เอ๊ะ ทำไมแกถึงต้องกลัวด้วยล่ะ?”
“ก็เพราะว่าเขามีเรื่องเดือดร้อนอยู่ตลอดเวลา มันไม่ง่ายเลยที่เราจะซุกหัวลงไปในเรื่องเดือดร้อนของคนอื่น นั่นแหละที่ผมกลัว”
“บลูชิท” เจอรัลดีนสรุป “ถ้าแกไม่รักเขา แกก็อย่าไปแต่งงานกับเขาเสียก็สิ้นเรื่อง ของมันง่ายๆ อยู่แล้ว แม่ก็เคยพูดแล้วว่าชีวิตแต่งงานน่ะ มันเหมือนกับการจับปูใส่กระด้ง แกไม่จำเป็นต้องแต่งงานก็ได้ ถ้าคิดว่าจะหย่าในวันข้างหน้าแล้วมันจะมีเรื่องยุ่งอะไรล่ะ?”
วันต่อมา แซมมี่โทรศัพท์มาหาผมเพื่อนจะบอกว่า เธอจะไม่ประณามเลยถ้าผมจะไม่อยากพบกับเธออีก”
“ฉันเสียใจจริงๆ นะโดบี้ เสียใจเหลือเกิน” เจ้าหล่อนพูดมาตามสาย “อับอายขายหน้าคุณจนบอกไม่ถูก”
“อย่าโงไปหน่อยเลยน่า มันไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรสักหน่อย”
“แล้วคุณยังรักฉันอยู่หรือเปล่า?” ซาแมนต้า เจน วิลเคอร์สันถาม
“เอ๊ะ พูดอะไรยังงั้นเล่า? ผมก็ยังเหมือนเดิมน่ะสิ” พูดไปแล้วก็ให้สงสัยว่า แซมมี่จะจับได้หรือเปล่าว่าผมโกหก
“แกจะขอผู้หญิงแต่งงานกับแกได้ยังไง ถ้าแกไม่รักเขา?” ผมถามเพื่อที่ดีที่สุดในโลกซึ่งมีอยู่เพียง 2 คน
“มันไม่ง่ายนักหรอก” จิล แม๊ค เพื่อนหนุ่มอายุ 28 เป็นแกะดำของครอบครัวซึ่งเป็นเจ้าของโรงงานผลิตลูกกวาดขนาดใหญ่ตอบ ตั้งแต่เกิดมาในชีวิต จิลไม่เคยทำงานอะไรทั้งสิ้น “แต่ถ้าเป็นฉัน ก็ต้องใช้ความพยายามค้นหน่อยล่ะ”
“เพราะอะไรล่ะ?”
“ก็เพราะว่าแซมมี่เป็นคนดีน่ะสิ” จิลว่า
“แกพูดถูกจริงๆ ให้ตายห่าสิ” ไมค์ มัลลอย เจ้าเพื่อนร่างอ้วนอายุ 32 ไอริช หน้าแดงกล่ำอยู่ตลอดเวลาเสริมไมค์มีความดีประการหนึ่ง คือ รักเมีย รักเหล้า แล้วก็เสียงดังฟังชัด นอกจากนั้นยังรักผู้หญิง รักชีวิต และอะไรต่อมิอะไรอีกแยะ “จิลมันพูดถูก แซมมี่เป็นคนดีจริงๆ ดีจนไม่สมกับแกเลยด้วยซ้ำ ที่ฉันพูดนี่ไม่เกี่ยวกับเรื่องเงินของเขานะ ฉันพูดด้วยใจจริง ต่อให้จนแสนจนก็ไม่สำคัญอะไรเพราะแซมมี่เป็นคนดีแค่นั้นก็พอแล้วนี่หว่า”
“เป็นคนแจ่มใสแล้วก็จริงใจด้วย” จิลว่า
“พูดถูกเป็นบ้าเลยว่ะ” ไมค์ มัลลอยพูดเสียงขรึม “ดีเกินไปสำหรับแกจริงๆ ไอ้ฉิบ...เอ๊ย...ว่ากันอีกสักรอบเถอะ”
เรานั่งอยู่ที่บาร์ในร้านของมิมี่ คืนนั้นเป็นคืนวันศุกร์แจ๊คนักเปียโนก็นั่งเล่นเปียโนไป ทั้งเพื่อนทั้งผมก็เมากันจนลมออกหู จิล แม๊ค กับ ไมค์ มัลลอย นั้นปรกติก็ออกจะฟุ้งซ่านอยู่แล้ว พอเมาเข้าไปยิ่งบ้าหนักกว่าเดิม
“ฉันต้องการความช่วยเหลือจริงๆ ว่ะ” ผมพูดอย่างโศกสลด
“ชั่งเถอะน่า โดบี้” ไมค์ มัลลอยสั่ง “ไอ้สิ่งที่ฉันพูดให้แกฟังน่ะมันสำคัญกว่าตั้งแยะ”
สิ่งที่ไมค์กำลังพูดอยู่ก็คือเรื่องปล้นเมืองมิดเดิ้ลทาวน์ นิว เจอร์ซีย์
“ฉันไม่ได้พูดเล่นๆ นะ รับรองว่าสำเร็จแน่” มัลลอยยืนยัน แผนการของเขาคือการปล้นธนาคารในมิดเดิ้ลทาวน์ “ไอ้ธนาคารนั่นอย่างน้อยมันก็มีเงินอัดกันอยู่สัก 2 ล้านเหรียญละวะ รู้สึกว่ามันออกจะมีเงินมากเกินไปสักหน่อยแล้วสำหรับในอาณาเขตเล็กๆ อย่างเมืองนี้” เขาเลื่อนแก้วเหล้าออก ลงมือสเก๊ตภาพเมืองมิดเดิ้ลทาวน์ลงบนกระดาษเช็ดปาก “90 เปอร์เซ็นต์ของเงินในเมืองนี้ไปรวมอยู่ในธนาคาร 2 แห่งกับในซุปเปอร์มาร์เก็ตอีก 2 แห่ง แล้วไอ้ทั้ง 4 แห่งนั้นมันก็รวมอยู่ในรัศมีห่างจากที่นี่แค่ 2 บล็อกเท่านั้น”
“ไอ้เรื่องปล้นมิดเดิ้ลทาว์นน่ะชั่งหะมันเถอะ” ผมว่า “ว่าแต่ฉันจะทำยังไงดีว่ะเรื่องแซมมี่?”
“เฉยเหอะน่าฟังข้าพูดสิโว้ย” มัลลอยตะโกนใส่ ทุบกำปั้นโครม เจอกับแก้วเหล้าเข้าเต็มเปา
“โอเคน่า...โอเคน่า...เย็นเข้าไว้ ไมค์...เย็นเข้าไว้” มิมี่ตวาดเข้าให้
“ก็แล้วข้าไปกวนตีนใครล่ะ มิมี่? ก็เห็นมีแค่เรา 3 คนนี่เท่านั้นในร้าน”
“ก็กวนตีนผมไงล่ะครับ” มิมี่ตอบ “ผมกำลังฟังแจ๊คเล่นเปียนโนอยู่ แต่ไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยนอกจากเสียงคุณ”
“มิมี่...ช่วยบอกหน่อยสิว่าฉันจะทำยังไงดีกับเรื่องแซมมี่?”
“ก็แล้วผมจะไปรู้หะอะไรว่าคุณจะทำยังไงกับเรื่องแซมมี่? ก็ถามเพื่อนคุณดูสิ คนเราเขามีเพื่อนไว้ทำอะไรล่ะ?”
“ฉันก็พยายามอยู่” ผมครวญ
“ก็อย่างว่านั้นแหละ ฉันว่าความคิดของฉันน่ะเข้าทีดีที่สุดแล้ว” จิลว่า “เป็นธุรกิจที่ดี แล้วก็ปลอดภัยด้วย ถ้าเราฝีมือดีพอ สามารถสร้างหนังที่มีคุณภาพได้อย่างที่ฉันเล่าให้แกฟังเมื่อกี้ รับรองว่าเมืองทั้งเมืองจะต้องดิ้นกันพล่านแน่
“โอ้...พระเจ้าผู้ทรงมหิธานุภาพ” ผมตะโกน
“อะไรนะ?” แจ๊ะนักเปียนโนหันขวับมาทันที มือแข็งค้างอยู่กลางอากาศ
“ฉันไม่รู้จะทำยังไงกับเรื่องแซมมี่น่ะสิ” ผมตอบ จะมีใครช่วยบอกฉันหน่อยได้ไม๊ ว่าฉันจะทำยังไงกับแซมมี่ดี?”