บท
ตั้งค่า

บทที่ 6

เรารับประทานอาหารค่ำกันที่ร้านของมิมี่ มันเป็นร้านเล็กๆ อยู่ฟากตะวันออก ของถนนสาย 53 มิมี่เป็นชาวอิตาเลียน ตัวอ้วนใหญ่ สามารถทะเลาะกับลูกจ้างในร้านได้ต่อหน้าแขกที่เข้ามากินอาหารในร้าน แต่ทั้งลูกค้าทั้งลูกจ้างไม่มีใครให้ความสนใจกับเขาเลยสักคน

ในร้านนั้นยังมีสุภาพบุรุษผิวดำอีกคนหนึ่งชื่อ แจ๊ค เล่นเปียนโนประจำร้านใครๆ ก็เรียกเขาว่า “แจ๊ค-นักเปียนโน” แจ๊คจะเล่นเพลงซ้ำๆ ซากๆ อยู่ 5-6 เพลง ซึ่งก็กระท่อนกระแท่นพิลึกหูอยู่ ระหว่างมิมี่กับแจ๊คนักเปียนโนนั่น ไม่มีใครเบื่อใคร

“ฉันชอบร้านนี้จัง” แซมมี่ว่า

“ผมดีใจนะ”

แซมมี่โน้มร่างข้ามโต๊ะมาจับมือผมไว้ ประสานสายตากับผมพร้อมพูดว่า

“วันนี้เป็นวันที่ฉันใช้เวลาอยู่กับคุณอย่างมีความสุขที่สุด ขอบใจนะที่ช่วยพาฉันเที่ยวนิวยอร์ค ฉันชอบทุกแห่งเลยที่คุณพาฉันไป และที่เหนือกว่าสิ่งอื่นใดก็คือฉันชอบฟังคุณพูด คุณเป็นคนที่มีความกระตือรือร้นมากฉันชอบชีวิตที่เต็มไปด้วยความรักของคุณ ทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณพูดดูมันจะมีชีวิตจิตใจไปเสียทั้งนั้น”

“ผมน่ะหรือมีชีวิตจิตใจ?”

“ใช่ แล้วก็คุณก็ไม่ใช่คนทื่อๆ ด้วย” แซมมี่วิจารณ์

“ผมหล่อไหม?”

“ไม่หล่อ แต่น่ารักดี”

“ผมน่ะเรอะน่ารัก?”

“แล้วก็เป็นคนชนิดที่ใครทายไม่ถูกด้วย” แซมมี่เสริม “ไม่ว่าจะเป็นพี่ชายฉันหรือเพื่อนของเขา หรือจะเป็นผู้ชายคนไหนก็ตามที่ฉันเคยออกเดทด้วยน่ะ เป็นคนประเภทที่ฉันสามารถจะทายเขาได้ล่วงหน้าทุกคน ฉันสามารถจะบอกได้เลยว่าคนพวกนั้นมีอะไรในสมองบ้าง คุณอยากรู้ไหมล่ะ?”

“อยากสิ” ผมตอบ ก็จะให้ผมพูดอะไรที่มันมากไปกว่านั้นได้เล่า?

“โอเค ประการแรกเลยนะ พวกเขาทุกคนพร้อมที่จะเดินตามรอยเท้าพ่อ ทำธุรกิจหรือไม่ก็เป็นนักกฎหมาย จากนั้นก็ต้องเข้าเป็นสมาชิกของสโมสรที่พ่อเป็นสมาชิกอยู่แล้วก็หาผู้หญิงดีๆ สักคนแต่งงานด้วย จากนั้นก็จะต้องนั่งในที่นั่งพิเศษซึ่งพ่อเคยนั่งมาก่อนเวลาเข้าสนามม้า ใช้จ่ายเงินอย่างฟุ่มเฟือย ซึ่งก็เป็นมรดกที่ตกทอดมาจากพ่ออีกนั่นแหละพอตายลงก็ต้องเอาศพไปฝังรวมไว้ในสุสานเดียวกันกับพ่อมันก็จบแต่นั้น”

“แต่ไม่ใช่ผมหรอก” ผมติง

“ฉันรู้” แซมมี่ตอบ จุมพิตหลังมือผมเบาๆ

ขณะที่นั่งรถแท็กซี่ต่อไปยังสถานีรถไฟ ผมก็บอกแซมมี่ว่าผมรักเธอ ซึ่งก็ต้องใช้ความพยายามอยู่มากกว่าจะเค้นคำพูดนั้นออกมาได้ แต่ถึงยังไงผมก็พูดไปแล้วละ แซมมี่ได้แต่ยิ้มประสานสายตาอยู่กับผมตั้งนาน ก่อนที่จะบอกให้ผมรู้ว่าเธอมีโรคหอบหืดประจำกาย

“แล้วมันเป็นอะไรไปเล่า?” ผมถาม

“เป็นมากเชียวละ” เพราะคุณยังไม่เห็นฉันตอนที่อาการมันกำเริบน่ะสิ มันทรมานเหลือแสนเชียวละ ฉันต้องเอาอะโตไมเซอร์ติดกระเป๋าอยู่เสมอ” เธอให้ผมดูอะโตไมเซอร์ที่มีลักษณะคล้ายเครื่องฉีดน้ำฝอยๆ “ฉันต้องคอยเอาไอ้เครื่องนี้ใส่ลงไปในคอหอย แล้วปั้มลมเข้าไป เป็นยังงี้มาตลอดชีวิตเลย ฉันกลัวทุกครั้งที่อาการมันกำเริบ กลัวจะตายไปจริงๆ มันเจ็บปวดเหลือเกิน แต่ก็ไม่รู้จะทำอะไรได้ดีไปกว่านี้

“ช่างมันเถอะน่า” ผมพูดด้วยน้ำเสียงแจ่มใส แต่จริงๆแล้วก็อดกังวลใจเป็นห่วงเธอไม่ได้

เมื่อถึงสถานีรถไฟ ผมก็จุมพิตแซมมี่เป็นการอำลาก่อนจะจับรถประจำทางกลับไปห้องเช่าของตัวเอง

เจ้าหล่อนเป็นผู้หญิงที่ไม่มีค่าแก่ความรักของผมเลย ผมเฝ้าบอกตัวเองอยู่อย่างนั้น เด็กสาวอายุ 19 ขี้เมา แถมยังตาเหล่ และเป็นโรคหอบหืดเสียอีก ผมไม่สนหรอกว่าแซมมี่จะมีเงินมากมายสักแค่ไหน มีผู้ชายคนไหนบ้างที่อยากแต่งงานกับผู้หญิงขี้เมาตาเหล่แถมหอบหืดอีกด้วย? และยิ่งกว่านั้น ผมกลัวจะเป็นอย่างที่เจอรัลดีนว่า คือถ้าคนเราแต่งงานกับเงินเมื่อไหร่ เป็นต้องได้ใช้หนี้กันชั่วชีวิตเมื่อนั้น

คืนนั้นขณะที่ผมนอนกับใครหนึ่งอยู่ในเตียง เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น พอเอื้อมมือไปรับ ก็ได้ยินเสียงแซมมี่ดังมาตามสาย

“ฮัลโหล แซมมี่”

“ที่ฉันโทรมาก็แค่อยากจะบอกให้คุณรู้เท่านั้นว่าวันนี้ฉันมีความสุขจริงๆ”

“ผมดีใจมาก” ผมพยายามแต่งน้ำเสียงให้กระตือรือร้นเท่าที่จะทำได้

“อาทิตย์หน้าเจอกันได้ไหม?” เจ้าหล่อนถาม

“แน่นอน”

“บอกให้ฉันรู้ด้วยก็แล้วกันว่าคุณจะมารถไฟเที่ยวไหน ฉันจะได้ไปรับที่สถานี”

“โอเค”

“คุณยังรักฉันอยู่หรือเปล่าน่ะ?” เธอถามย้ำ

“รักสิ”

“งั้นก็ดีแล้วละ เพราะฉันก็คิดว่าฉันก็รักคุณเหมือนกัน ราตรีสวัสิด์นะ โทมัส”

“ราตรีสวัสดิ์ แซมมี่”

ผมวางหูโทรศัพท์ทิ้งหัวลงบนหมอน

“ใครน่ะ?” บันนี่ วินเตอร์ส สาวสาวยผมแดงใช้ข้อศอกยันตัวไว้ สีหน้าคล้ายจะกำลังชั่งใจอยู่ว่าควรจะโมโหผมหรือไม่

“ไม่ใช่ใครหรอก” ผมตอบ ดึงข้อศอกเธอลง “เพื่อนคนหนึ่งเคยทำงานร่วมกันที่ดับเบิ้ลเดย์สน่ะ ว่าแต่ตอนนี้เราถึงไหนกันแล้วล่ะ?”

“คุณนั่นแหละ รู้ดีว่าเราถึงไหนกันแล้ว” บันนี่ วินเตอร์สตอบงอนๆ

คลื่นความร้อนปกคลุมไปทั่วนครนิวยอร์ค ทุกผู้ทุกคนดูจะหงุดหงิด ไม่ก็เป็นโรคภูมิแพ้กันวุ่นวาย ผมน่ะรับประทานผูกขายเสียทั้งสองอย่างเลย ตอนที่ออกจากห้องเช่าเพื่อไปพบกับพี่สาวและแม่ที่ดาวนี่ย์ เพื่อรับประทานอาหารค่ำตามคำเรียกร้องแถมคุกคามของเจอรัลดีน

“เร่งมือเข้าหน่อยแล้วก็แต่งๆ กับแซมมี่ไปเสียทีเถอะ” พี่สาวผมสั่ง ทันที่ที่เราทรุดตัวลงนั่งเรียบร้อย “ฉันน่ะเบื่อการที่จะต้องมาแบกภาระเรื่องแกสองคนจะตายอยู่แล้ว”

“เป็นความคิดที่ดีน่ะนี่” แม่ผมเสริมทันที “แล้วนี่แกคิดจะแต่งกับแซมมี่เมื่อไหร่ล่ะ?”

“ถามจริงๆ เถอะ ทั้งแม่พี่น่ะรู้ได้ยังไงว่าซาแมนต้า เจน วิลเคอร์สัน เขาอยากจะแต่งงานกับผม?”

“ฟังนะ” พี่สาวผมว่า “คนอย่างแกน่ะ ถ้าอยากทำตัวให้มีเสน่ห์น่ารักขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ย่อมทำได้อยู่แล้วนี่”

“พูดจริงๆ นะ เจอรัลดีน...” แม่ผมเอ่ยขึ้นบ้าง แต่ผมขัดขึ้นเสียก่อน

“จะยังไงก็ตามแต่ ผมอยากจะถามว่าทั้งแม่และพี่แน่ใจแล้วหรือว่าอยากให้ผมแต่งงานกับผู้หญิงขี้เมาที่เป็นโรคหอบหืด?”

“โอ...เห็นแก่พระเจ้าเถอะ” พี่สาวผมร้องลั่น “แซมมี่ไม่ใช่ผู้หญิงขี้เมานะ...ทุเรศ”

“เจอรัลดีน แกช่วยชำระภาษาที่พูดให้มันดีกว่านี้หน่อยเถอะ” แม่ผมปปรามขึ้นทันที “โดบี้ แกช่วยอบรมพี่สาวให้รู้จักพูดภาษาดอกไม้หน่อยได้ไหม?”

“ฟังนะ เจอรัลดีน” ผมได้ที “ก็พี่เองนั่นแหละที่เป็นคนเล่าให้ผมฟังว่า แซมมี่เก็บขวดยีนไว้ในตู้เสื้อผ้า

“แหม...มันก็แต่ข่าวลือเท่านั้นหรอกย่ะ” พี่สาวผมแก้ตัว “ไม่มีอะไรหรอก...ข่าวลือจริงๆ”

“ข่าวลือบ้าน่ะสิ...รู้ไหมว่ามันเป็นความจริงอย่างที่สุด ผมไปเห็นมาแล้วด้วยตาตัวเองเลย เพียงแต่ว่าเขาไม่ได้เก็บไว้ในตู้เสื้อผ้าเท่านั้น เก็บไว้ในลิ้นชักโต๊ะเครื่องแป้ง แล้วก็ไม่ใช่ยีนด้วย เหล้าว้อดก้าเชียวนะ”

“จริงหรือนี่?” พี่สาวผมมีท่าตกอกตกใจ

“ก็จริงน่ะสิ”

พี่สาวผมผงะพิงพนักเก้าอี้ไปเลย

“แล้วมันเป็นอะไรหนักหนาเล่า?” แม่ผมเอ่ยขึ้นบ้าง “มันจะเป็นอะไรไปถ้าเขาจะแค่เก็บขวดว้อดก้าไว้ในลิ้นชักโต๊ะเครื่องแป้งนั่นน่พ์ บางทีแกอาจจะเป็นเด็กที่ไร้ความสุขก็ได้แต่แม่แน่ใจว่าแซมมี่ไม่ใช่คนติดเหล้าแน่ ไม่เคยเห็นเมาสักทีเลย”

“ก็แม่ไม่เคยออกเดทกับเขานี่ครับ”

“ฟังนะ โดบี้ แม่จะพูดอะไรให้แกฟังสักอย่างหนึ่งประการแรก 9 ใน 10 ของผู้ป่วยโรคหอบหืดน่ะเกิดจากสภาพจิตใจไม่ปรกติ และอาการหอบหืดที่เกิดขึ้นกับแซมมี่ก็รู้สึกว่าจะมีสาเหตุมาจากเรื่องนั้น การที่เด็กสาวสวยอายุแค่ 19 เก็บขวดว้อดก้าไว้ในลิ้นชัดโต๊ะเครื่องแป้งน่ะ มันก็ชัดอยู่แล้วว่าเขาเป็นเด็กที่ไม่มีความสุข แกก็รู้นี่โดบี้ว่าถ้าแม่เป็นแกแม่จะต้องทำยังไง?”

“ผมไม่รู้หรอก ก็แล้วแม่จะทำยังไงล่ะ?”

“ก็แต่งงานกับเขาเสียน่ะสิ และถ้าเขาไม่สามารถทำให้ชีวิตแกเป็นสุขได้ ยังทีโรคหอบหืดติดตัวอยู่ ยังดื่มเหล้าเป็นน้ำอยู่อย่างนั้น แม่ก็จะหย่าขาดให้มันสิ้นเรื่องสิ้นราวไปเลย”

“คุณพระช่วย” พี่สาวผมร้องเสียงหลง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel