ตอนที่ 3 ยอมรับ
ตอนที่ 3 ยอมรับ
#ตะวัน
ในขณะที่รถยนต์ของเฮียพลขับออกไปแล้ว ในใจของฉันก็รู้สึกว่า ฉันกับเขาคงไม่ได้เจอหน้ากันอีก เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นเขาคงรู้สึกซวย ต่อจากนี้ไปเจอหน้ากันเขาคงไม่ทัก
ในขณะเดียวกันสายตาของทุกคนก็จับจ้องมองมาทางฉันเป็นตาเดียว
"เฮียผา เฮียทำเกินไปนะ บอกว่าไม่มีอะไร ทำไมไม่เชื่อกันบ้าง" พูดจบฉันก็เดินไปเอารถมอเตอร์ไซค์แล้วขับกลับบ้าน ได้ยินเสียงเฮียผาโวยวายแต่ฉันไม่สนใจ
กลับมาถึงบ้านเห็นแม่นอนเล่นอยู่กับหลานกลางบ้านที่เดิม ส่วนไอ้มุกน่าจะซักผ้าอยู่หลังบ้าน
"แม่..." ฉันปั้นหน้าเศร้าเดินเข้าไป น้ำเสียงบ่งบอกว่ามีปัญหา
"อ้าว ไม่ได้อยู่ช่วยเฮียเขาเก็บของก่อนเหรอ ทำไมรีบกลับมาล่ะ"
".........." ฉันเดินเข้าไปแล้วนั่งลงข้างแม่ จะเริ่มเล่ายังไงดีนะ
"แล้วทำไมทำหน้าแบบนี้ล่ะ"
"มีเรื่องค่ะ" ยังไงอีกเดี๋ยวแม่ก็ต้องรู้เรื่องอยู่ดี ฉันขอชิงเล่าก่อนเลยแล้วกัน เป็นจังหวะที่ไอ้มุกเดินเข้ามาสมทบด้วยพอดี
"ไอ้มุกนั่งๆ มาฟังพร้อมกันเลยแล้วกันจะได้ไม่ต้องเล่าหลายรอบ"
"มีอะไร" ไอ้มุกเพื่อนฉัน น้ำเสียงของมันก็จะนิ่มๆ น่ารักๆหน่อย ตามสไตล์สาวเหนือ
"คืออย่างนี้แม่...เมื่อวานหนูนั่งดื่มอยู่กับเฮียกล้า เฮียสิงห์ แล้วหนูก็เมา ตื่นเช้ามาหนูกับเฮียพล เพื่อนของเฮียกล้า นอนกอดกันอยู่ในรถ" จบประโยคนี้ แม่กับไอ้มุกร้องอุทานออกมาเสียงดังมาก
"ห๊ะ! ห๊ะ!"
"แง่ๆๆๆ" เสียงอุทานตกใจของแม่กับไอ้มุกทำให้น้องปลายฝนตกใจตาม จนแกร้องไห้ออกมาเสียงดังเช่นกัน
"โอ๋ลูกโอ๋...ย่าไม่ได้ตั้งใจ แล้วไปนอนกอดกันได้ยังไง"
"นั่นสิ ในรถ รถใคร รถเขาเหรอ" แม่กับไอ้มุกรีบยิงคำถามใส่ฉันทันที
"อือ...รถเขา คืออย่างนี้นะแม่ หลังจากที่ไอ้มุกมาตามเฮียกล้ากลับบ้าน ทุกคนก็ทยอยกันลุกไปหาที่นอน เฮียพลบอกหนูว่าจะไปนอนในรถ หนูก็เลยอาสาประคองเขาไปส่ง โดยที่ไม่ได้ดูสภาพของตัวเองเลยว่าเมามากเหมือนกัน เฮียพลเขาเห็นสภาพหนูไม่น่าจะเดินกลับไหว เขาก็เลยชวนให้เข้าไปนั่งในรถด้วยกัน เราก็ปรับเบาะเอนลงนอนตามปกติ ยังไม่ทันไรหนูกับเขาก็หลับตามกันไปไม่ได้คุยอะไรกันสักคำ ตื่นเช้ามาเฮียๆมาปลุก เฮียพลโดนเฮียผาต่อยไปสองทีปากแตกเลย เรื่องมันก็เป็นแบบนี้ค่ะแม่"
ส่วนเรื่องกอดฉันไม่รู้จริงๆ อาจจะเป็นเพราะอากาศช่วงเช้ามืดมันเย็น เราสองคนก็เลยเขยิบเข้าหากันโดยไม่รู้ตัว เอาจริงๆนะถ้าฉันรู้ตัวหรือตั้งใจ ฉันจะทำมากกว่านี้อีก...เสียดาย! สงสารก็แต่คนโดนต่อย คงเจ็บมากน่าดู
"ไม่มีอะไรจริงๆนะแม่ แม่ต้องเชื่อหนูนะคะ" ฉันไม่ใช่คนขี้โกหก อีกทั้งยังเป็นคนเปิดเผย กล้าทำกล้ารับเสมอ
"แล้วตะวันขึ้นไปนั่งในรถกับเขาทำไม ทำไมไม่เดินกลับเข้ามานอนในบ้านล่ะลูก"
"เขาบอกหนูว่าอยากได้เพื่อนคุย เขาเห็นหนูคุยเก่ง แต่พอขึ้นไปนั่งเขาก็หลับไปเลย ส่วนหนูหลับตามไปทีหลังค่ะ"
"มีคนเห็นเยอะมั้ย" ฉันพยักหน้าให้แม่เป็นคำตอบ ในขณะที่ไอ้มุกนั่งฟังเฉยๆอย่างตั้งใจ
"คนจะเอาไปพูดจนลูกสาวแม่เสียหายหรือเปล่า" เรื่องนี้ฉันก็ไม่รู้ แต่ฉันเป็นผู้หญิงยังไงก็คงเสียหายอยู่แล้ว
"แม่...แต่เฮียพลไม่ผิด เขาไม่ได้ทำอะไรหนูจริงๆนะ" ฉันสงสารเขา อยู่ๆก็ซวยเพราะฉัน ตอนนี้ไม่รู้ว่าเขาจะเป็นยังไงบ้าง
"ชอบเขาเหรอ ทำไมแม่ถึงได้รู้สึกว่าลูกสาวแม่ปกป้องเขามากเกินความจำเป็นไปหน่อย" ฉันแสดงออกชัดเจนมากขนาดนั้นเลยเหรอ
".........." ฉันก้มหน้าลงแล้วพยักหน้าให้แม่เป็นคำตอบ
"นี่...แกอย่าบอกนะว่าชอบเขา ก็เลยขึ้นไปนั่งในรถตามคำชวน โดยที่ไม่คิดถึงผลที่จะตามมา" ฉันเงยหน้าขึ้นไปมองไอ้มุกแล้วพยักหน้ารับ แต่กลัวแม่ดุ
"แล้วเขารู้มั้ยว่าลูกสาวแม่ชอบเขา"
"เขาไม่รู้หรอกค่ะ หนูไม่เคยบอก" ฉันตอบคำถามนี้ของแม่ด้วยน้ำเสียงมั่นใจ
"แต่แม่ว่าเขารู้"
#ขุนพล
ในขณะที่ผมกำลังเดินเข้าบ้าน เสียงแม่ของผมก็ดังขึ้น
"ไปไหนมา บ้านช่องไม่ยอมกลับมานอน" ผมกำลังคิดอะไรเพลินๆอยู่ในหัว แอบสะดุ้งขึ้นมาเล็กน้อย
"ไปงานแต่งมาไงครับ"
"ไปงานแต่งแต่กลับมาเอาป่านนี้เนี่ยนะ แม่ก็คิดว่าแกจะไปเป็นเจ้าบ่าวซะเอง"
"แม่...ผมโตแล้วนะครับ" ในขณะที่ผมหันหน้าไปพูดกับท่าน แม่ก็รีบเดินเข้ามาดักหน้าผมทันที แล้วจับจ้องสายตามองมาที่ใบหน้าของผม ผมทำท่าหลบ แต่ก็คงหลบไม่พ้น
"แล้วหน้าแกไปโดนอะไรมา"
"ไม่มีอะไรครับ"
"จะไม่มีอะไรได้ยังไง หน้าแตกมาขนาดนี้ เล่ามาเดี๋ยวนี้เลยนะ ใครมันกล้ามาทำลูกชายแม่" นี่แหละแม่ผม ต่อให้ผมไม่พูด อีกเดี๋ยวท่านก็จะถามจนผมต้องพูดอยู่ดี ในใจของผมยังรู้สึกผิดอยู่เลย ไปกอดน้องสาวเขา หากผมเป็นพี่ชายผมก็คงโกรธ
"มีเรื่องนิดหน่อยครับ"
"ใครผิด!"
"ผมครับ" ผมผิดผมยอมรับ สีหน้าของแม่ดูเบาลงอย่างเห็นได้ชัด
"แกไปทำอะไรมา หน้าถึงได้ยับมาขนาดนี้ เล่ามาเดี๋ยวนี้เลยนะ" ผมกับแม่พากันไปนั่งลงที่โต๊ะหน้าบ้าน
"เรื่องทั้งหมดมันก็เป็นแบบนี้ครับ" ผมจัดการเล่าให้แม่ฟังในแบบคร่าวๆ เท่าที่รู้
"เรานี่นะจริงๆเลย ดีนะที่โดนมาแค่นี้ถือว่าน้อย ว่าแต่ตะวันน้องสาวต้นกล้า...แม่เคยเห็นหน้าเธอมั้ย"
"คิดว่าไม่เคยนะครับ" แม่ผมรู้จักไอ้กล้าแค่คนเดียวเพราะมันเป็นเพื่อนของผม ส่วนคนอื่นๆท่านคงไม่รู้จักหรอก
"น้องน่ารักมั้ย" แม่ผมกำลังคิดอะไรอยู่เนี่ย
"แม่...ผมกำลังเครียดอยู่นะ"
"แล้วแกคิดจะรับผิดชอบยังไงกับเรื่องแบบนี้" นั่นสิ อาจจะต้องถามทางโน้นว่าต้องการให้ขอโทษแบบไหน ซึ่งผมก็ไม่ได้ตั้งใจ แต่ฝ่ายหญิงเขาคงเสียหาย ส่วนพี่ชายคนโตของเธอดูท่าแล้วจะไม่ยอมง่ายๆด้วย
"ขอโทษดีมั้ย หาซื้อกระเช้า..." ผมยังพูดไม่ทันจบ!
"น้อยไป!"
"แล้วแม่จะให้ผมทำยังไง แค่กอดเองนะครับ"
"แม่อยากเห็นแกมีครอบครัว แต่งงานมั้ยเดี๋ยวแม่จัดการให้" แม่!!!
"แต่งงานมันเรื่องใหญ่นะแม่ ทางโน้นเขาจะยอมยกลูกสาวให้เราเหรอ บ้านเขาไม่ธรรมดานะ"
"ฉันก็ไม่ธรรมดาเหมือนกัน" แม่ของผมตอบด้วยน้ำเสียงมั่นใจ ไม่รู้ไปเอาความมั่นใจนี้มาจากไหน
"แต่ผมไม่ได้รักเธอแบบนั้น"
"อยู่ๆกันไปเดี๋ยวก็รักกันไปเองนั่นแหละ"
"หมดสมัยแล้วครับแม่ ความคิดแบบเนี๊ย" ผมไม่ค่อยมั่นใจเลยว่าจะรักเธอแบบนั้นได้
"แล้วพลรู้สึกยังไงกับหนูตะวัน ไหนลองบอกแม่มาซิ" เธอก็น่ารักดี แต่ผมไม่อยากมีความรักอีกแล้ว
"ผมไม่ได้รู้สึกอะไร"
"รังเกียจเธอมั้ย ถ้าแม่อยากให้แต่งงานกันจริงๆ" นี่ขนาดยังไม่เคยเห็นหน้าเธอนะ แม่ยังเป็นเอามากขนาดนี้ ถ้าได้เห็นหน้าเธอ แม่ต้องรักเธอมากกว่าผมกับไอ้หยกแน่ๆ
ตะวันเป็นผู้หญิงเก่ง เธอทำงานช่วยพี่ชายได้ทุกอย่าง กับข้าวก็ทำเป็น ใบหน้าของเธอจัดว่าสวยคม ดวงตากลมโต จมูกโด่ง ขนตายาวเป็นแพ ตัวเล็กๆ แต่สำหรับผมเธออายุน้อยเกินไป
"ผมไม่ได้รังเกียจเธอ แต่ผมไม่อยากมีความรักอีกแล้ว" ซึ่งเรื่องนี้แม่ของผมท่านก็น่าจะรู้ดี
"ทิ้งอดีตไปไม่ได้เหรอลูก แผลใจมันรักษาได้นะ ถึงมันจะกลายเป็นแผลเป็น แต่นั่นก็แสดงให้เห็นว่าแผลนั้นได้ถูกรักษาแล้ว" ผมไม่รู้ว่าผมจะรักเธอได้หรือเปล่า ส่วนแผลเป็นในใจของผมมันยังไม่หายดี เมื่อไหร่ที่ผมคิดถึงมัน ผมยังรู้สึกเจ็บอยู่เลย
"แล้วแต่แม่เลยครับ" ผมมองออกมาตลอดว่าตะวันแอบมีใจให้ผม แต่ที่ผ่านมาผมไม่ได้รู้สึกอะไรกับเธอเลย เห็นเธอเป็นแค่น้องสาวคนหนึ่งเท่านั้น
"ถ้าอย่างนั้นไปอาบน้ำอาบท่าก่อนไป เดี๋ยวค่อยคุยเรื่องนี้กันใหม่"
"ครับ"
หลังจากที่ผมอาบน้ำอาบท่าเสร็จ ผมก็เดินตามหาแม่ แต่ก็หาไม่เจอ
"หยก หยก เห็นย่ามั้ย" ไอ้หยกหลานชายเพียงคนเดียวของผมเองครับ
"เห็นย่าบอกว่าจะไปธนาคารครับอา"
"ไปทำอะไรที่ธนาคาร..." ประโยคนี้ผมพูดคนเดียว
"ย่าบอกว่าอาจะแต่งงาน ย่าไปเบิกเงินมาทำทองครับ"
"ย่าบอกเอ็งแบบนี้เหรอ"
"ครับ"