ตอนที่ 3 - 1 จากมือที่เคยถือดาบต้องมาปั้นแป้ง
สามวันต่อมา
ร้านขายขนมของซุนฉีในวันนี้นั้นดูจะมีลูกค้ามาอุดหนุนมากกว่าทุกวัน เป็นเพราะเด็กหญิงที่กำลังป่าวร้องเชิญชวนลูกค้าให้เข้ามาเลือกซื้อขนมที่ร้าน ผู้ใดผ่านมาเห็นนางเข้าก็รู้สึกเอ็นดู เด็กที่ขยันขันแข็งเช่นนี้เหตุใดถึงได้มีชีวิตที่อาภัพยิ่งนัก ยิ่งหลังจากที่ได้รับรู้เรื่องที่ว่าเด็กหญิงผู้อาภัพต้องล้มป่วยและนอนหลับไปนานถึงสามคืนทุกคนจึงพร้อมใจกันมาอุดหนุนขนมของซุนฉีเพราะอยากช่วยเหลือนาง ซุนฉีเป็นคนดีและมีน้ำใจ ยามที่นางลำบากจึงไม่มีผู้ใดในตลาดเมินเฉยต่อนาง
ครั้นเห็นว่าซาลาเปากับเกี๊ยวใกล้จะหมด สองยายหลานจึงช่วยกันลงมือปั้นแป้งอย่างเคย แต่สิ่งที่ทำให้ซุนฉีรู้สึกประหลาดใจนั่นก็คือฝีมือการปั้นแป้งของหลานสาวนั้นเปลี่ยนไป ดูเชื่องช้าลงจากที่เคยและดูเละเทะไม่จับก้อนเช่นก่อนหน้า หรือการล้มป่วยลงจะทำให้หลานสาวของนางลืมเลือนการปั้นแป้งไปเสียแล้ว
“เหมยเอ๋อร์… ก่อนหน้านี้ดูเหมือนว่าเจ้าจะช่วยยายปั้นแป้งได้ไวกว่านี้อีกหนา หากเจ้ายังรู้สึกไม่ค่อยดีกลับไปพักผ่อนที่เรือนก่อนดีหรือไม่ อีกไม่นานก็ยามโหย่วแล้ว" ซุนฉีกล่าวออกมา
ชิงเหมยจึงชะงักมือพลางมองก้อนแป้งตรงหน้าของนางกับของท่านยายมันช่างแตกต่างกันยิ่งนัก แต่จะมิให้แตกต่างกันได้เยี่ยงไรกัน ก็สองมือของนางนั้นเคยถือแต่ดาบคอยฟาดฟันข้าศึกศัตรูผู้มารุกรานผืนแผ่นดิน มิใช่มาปั้นแป้งเช่นนี้ แม้นว่าในอดีตที่นางยังเยาว์วัยจะเคยช่วยแม่ทำขนมต้มมาบ้าง แต่ก็มิได้ยุ่งยากเช่นนี้
“ข้าขออภัยท่านยายเจ้าค่ะ ดูเหมือนระหว่างที่ข้าล้มป่วยข้าได้หลงลืมบางสิ่งบางอย่างในชีวิตนี้ไปไม่น้อย”
ในเมื่อท่านยายของชิงเหมยเข้าใจว่าผลของการกระทำในยามนี้ของหลานสาวคือการที่นางล้มป่วยและหลับไปถึงสามคืน ผู้ที่มาเกิดใหม่อย่างคำเอื้อยจึงเลือกใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้เป็นข้ออ้างในการที่นางอาจจะลืมเลือนการกระทำบางอย่างในอดีตของนางไปบ้าง เพราะไม่ใช่ทุกเรื่องที่คำเอื้อยจะสามารถทำได้เช่นเดียวกับที่ชิงเหมยทำ
“มิเป็นอันใดหรอกเหมยเอ๋อร์ เดี๋ยวเจ้าค่อยเรียนรู้เรื่องนี้ใหม่ มันมิใช่เรื่องยากอันใดหรอก แต่ยามนี้เจ้ากลับไปพักผ่อนก่อนเถิด ประเดี๋ยวยายกลับไปจะทำมื้อเย็นให้กิน”
เด็กหญิงจึงละมือจากก้อนแป้งที่เละเทะไม่น่ามอง แล้วลุกขึ้นไปล้างมือก่อนที่จะกลับมาคำนับลาท่านยาย ซุนฉีมองตามร่างเล็กของหลานสาวที่เดินออกจากร้านไปด้วยแววตาเป็นกังวล ตั้งแต่หลานสาวฟื้นมาก็ดูนางจะพูดน้อยกว่าเดิม อีกทั้งยังทำในสิ่งที่เคยทำมาก่อนไม่ได้ หรือนางอาจจะมีปัญหาอันใด เห็นทีก่อนกลับเรือนวันนี้นางคงต้องไปถามหมอสวีเสียหน่อยแล้ว
ร่างเล็กในชุดฮั่นฝูสีฟ้าซีดกำลังเยื้องย่างผ่านร้านค้าแผงลอยไปยังเส้นทางกลับเรือนที่นางจดจำได้จากการระลึกภาพในอดีตของชิงเหมย บัดนี้นางต้องกลายมาเป็นชิงเหมยแทนที่ชิงเหมยที่จากไปแล้ว นางจะพยายามระลึกถึงสิ่งที่เด็กหญิงเคยปฏิบัติเนิ่นนานมา แต่นางจะไม่อ่อนแอหรือยอมให้ผู้ใดมารังแกนางเช่นเดียวกับชิงเหมยในอดีตเป็นอันขาด
“เหมยเอ๋อร์… เจ้าดีขึ้นแล้วหรือ”
เสียงทุ้มของเด็กวัยหนุ่มดังขึ้นขณะที่ชิงเหมยกำลังเดินกลับเรือนของนาง เท้าเล็กหยุดชะงักมองใบหน้าของเด็กหนุ่ม ดูจากหน้าตาและส่วนสูงของเขาแล้วคุณชายน้อยผู้นี้น่าจะแก่กว่านางหลายปี ชิงเหมยหลับตาพลางนึกถึงใบหน้าของเด็กหนุ่มเพื่อดูว่าเขาคือผู้ใด
“เอ่อ… เจ้าค่ะ แล้วคุณชายกำลังจะไปที่ใดหรือเจ้าคะ”
นางตอบกลับเขาอย่างเจียมตน เพราะสถานะของเขาและนางต่างกันลิบลับ เขานั้นคือคุณชายรองสกุลเฉียวที่มีบิดาเป็นถึงขุนนางขั้นสามของเมืองถิงฮวา แต่ทว่าคุณชายหนุ่มผู้นี้มิเคยรังเกียจชิงเหมย ออกจะเอ็นดูเด็กหญิงเสียด้วยซ้ำ
“อืม… ข้ากำลังจะไปซื้อขนมท่านยายของเจ้านั่นแหละ แล้วนี่เจ้ากำลังกลับเรือนหรือ” เฉียวจูจ้านกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่น่าฟัง
“เจ้าค่ะ… ข้าน้อยรู้สึกไม่ค่อยสบาย ท่านยายจึงให้ข้าน้อยกลับเรือนก่อน”
นางตอบเขาออกไปตามความจริง เพราะเท่าที่สัมผัสได้จากความรู้สึกของชิงเหมยนั้น นางไว้ใจคุณชายหนุ่มผู้นี้ เช่นนั้นแล้วเขาคงมิใช่พวกที่เคยมารังแกนางในอดีตเป็นแน่
“ถ้าเช่นนั้นแล้ว… เจ้าก็รีบกลับเรือนไปเสียเถิดเหมยเอ๋อร์… ข้ามิรั้งเจ้าเอาไว้แล้ว” เขารีบเอ่ยออกมาครั้นได้ยินว่านางรู้สึกไม่ค่อยสบาย
ชิงเหมยจึงคำนับลาเขาแล้วเดินจากไป คุณชายรองสกุลเฉียวมองตามเด็กหญิงไปด้วยแววตาเอ็นดู เขากับนางนั้นวัยห่างกันเพียงแค่สี่ปี ปีนี้วัยของเขาก็ย่างเข้าสิบสี่ปีแล้ว ตัวเขานั้นไม่ได้อาศัยอยู่ที่หมู่บ้านฉีซาน เพราะตระกูลของเขามีจวนที่ฮ่องเต้ทรงพระราชทานให้กับท่านตาที่เคยเป็นองครักษ์ประจำพระองค์อยู่ในตัวเมืองถิงฮวา ทำให้เขาไม่ค่อยได้พบเจอเด็กหญิงบ่อยเท่าใดนัก แต่เรื่องราวของนางเขานั้นได้ยินมาไม่น้อย เขาชื่นชมและเอ็นดูนางที่นางเป็นเด็กดี ขยันและกตัญญรู้คุณ
“คุณชายรองขอรับ จะแวะเข้าไปในตลาดอีกหรือไม่ขอรับ”
ฟงชวน บ่าวรับใช้คนสนิทผู้ติดตามดูแลคุณชายรองสกุลเฉียวเอ่ยถามออกมาหลังจากที่เด็กหญิงเดินจากไปแล้ว คุณชายของเขานั้นมีจิตใจดีมาตั้งแต่เยาว์วัย เช่นนั้นแล้วจึงมิใช่เรื่องแปลกที่คุณชายจะใจดีกับเด็กหญิง หลานสาวเพียงคนเดียวของเจ้าของร้านขนมในตลาดซานฉีที่คุณชายชอบไปอุดหนุนทุกคราที่มาเยือนหมู่บ้านฉีซาน
“แวะไปซื้อขนมที่ร้านยายซุนฉีก่อน แล้วค่อยกลับจวน”
เขาตอบแล้วจึงเดินนำหน้าบ่าวรับใช้คนสนิทไปทางตลาด ใบหน้าคมแย้มยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดีที่ได้เห็นว่าเด็กหญิงไม่เป็นอันใดมาก เพียงแค่นางนั้นไม่ร่าเริงเช่นคราก่อนๆ ที่เขาเคยพบเจอ แต่เขาก็พอเข้าใจได้ว่านางเพิ่งจะหายเจ็บป่วยคงจะยังรู้สึกไม่ค่อยดี ความสดใสร่าเริงที่เคยมีเลยหายไป