ตอนที่ 3 จากมือที่เคยถือดาบต้องมาปั้นแป้ง
หลังจากหลานสาวตื่นขึ้นมาจากการนอนหลับไปถึงสามคืน ซุนฉีก็ได้ไปตามท่านหมอสวีให้กลับมาช่วยตรวจดูอาการของชิงเหมยอีกครา คำเอื้อยที่เพิ่งได้กลับมาเกิดใหม่ยังคงไม่อาจปรับตนให้เข้ากับชีวิตใหม่ได้ แม้นภาพในอดีตของเด็กหญิงจะวนเวียนเข้ามาภายในห้วงนึกคิดของนาง ราวกับได้รับรู้ทุกเหตุการณ์ที่เจ้าของร่างประสบพบเจอมาตั้งแต่เกิด
เหตุใดเด็กหญิงผู้นี้ถึงช่างอาภัพและน่าสงสารยิ่งนัก เทียบกับชีวิตของนางในชาติภพก่อนแล้ว ชีวิตของเด็กหญิงนั้นช่างโชคร้ายกว่านางยิ่งนัก ทั้งสูญเสียบิดาที่เป็นขุนนางไปในสนามรบ และสูญเสียมารดาไปตั้งแต่นางเยาว์วัย ตระกูลของบิดาก็ทอดทิ้งทำให้นางต้องมาอาศัยอยู่กับท่านยายที่เป็นเพียงแม่ค้าขายขนมในตลาด ถูกเด็กๆ วัยเดียวกันที่เป็นลูกหลานของขุนนางกับพวกเศรษฐีกลั่นแกล้งรังแก
“เหมยเอ๋อร์… ไหนขอลุงตรวจดูอาการของเจ้าเสียหน่อยเถิด…”
เด็กหญิงนอนมองผู้ที่นางรู้มาจากท่านยายว่าเขาเป็นท่านหมอที่รักษาให้แก่นางอีกทั้งยังเป็นสหายเก่าของท่านยาย เรียวแขนเล็กยื่นออกไปให้เขาจับชีพจรที่ข้อมือของนาง ใบหน้าที่มีร่องรอยตามวัยเผยรอยยิ้มออกมา
“อาการของนางเป็นเช่นไรบ้างท่านหมอสวี” ซุนฉีเอ่ยถามอาการของหลานสาวด้วยความร้อนใจ
“ยามนี้อาการของนางดีขึ้นแล้วล่ะซุนฉี เพียงแค่เจ้าให้นางได้กินอาหารบำรุงพละกำลังเสียหน่อย และกินยาตามที่ข้าเขียนให้ ร่างกายของนางก็จะกลับมาแข็งแรงเช่นเดิม” ซุนฉียิ้มออกมาทั้งน้ำตายามที่ได้ยินว่าอาการของหลานสาวดีขึ้นแล้ว
“ประเดี๋ยวเจ้านำเทียบยานี้ไปที่โรงหมอของข้า ข้าจะลดราคาให้ครึ่งหนึ่ง” สวีจิ้นจงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงยินดียามที่ยื่นใบเทียบยาที่เขาเพิ่งเขียนเสร็จให้แก่สหายเก่า
“ได้เยี่ยงไรกัน เพียงแค่ท่านมาตรวจอาการของนางให้แบบไม่คิดเงินเช่นนี้ก็นับว่าเป็นบุญคุณแก่ข้าและนางยิ่งนักแล้ว”
สวีจิ้นจงรู้ดีว่าถ้าซุนฉีกล่าวเช่นนี้แล้วคงจะไม่ยอมรับน้ำใจที่เเขาจะลดค่ายาให้เด็กหญิงเป็นแน่ เขาจึงยินยอมที่จะให้นางจ่ายค่ายาในราคาเต็ม สวีจิ้นจงกล่าวลาสหายเก่าพลางส่งยิ้มให้แก่เด็กหญิง ก่อนที่เขาจะเดินออกจากเรือนของสองยายหลานไป
“เหมยเอ๋อร์… เจ้ารู้สึกเช่นไรบ้าง หากไม่สบายที่ใดให้บอกยาย อย่าได้เก็บความเจ็บปวดเอาไว้ผู้เดียว เข้าใจหรือไม่” ซุนฉีหันกลับมาถามไถ่หลานสาวที่ส่งยิ้มมาให้นาง เด็กหญิงพยักหน้าพลางคิดในใจว่า
‘ท่านยายของชิงเหมยนั้นช่างรักหลานสาวของนางยิ่งนัก จากนี้ไปข้าที่มาเกิดใหม่ในร่างของชิงเหมยนั้น คงจะต้องเป็นตัวแทนของเด็กหญิงดูแลท่านยายของนางให้ดี’
“เดี๋ยวยายจะไปซื้อยากับทำอาหารให้เจ้ากิน เจ้าก็นอนพักอีกสักนิดเถิดเหมยเอ๋อร์ เดี๋ยวยายกลับมา” เด็กหญิงพยักหน้าเป็นคำตอบ ยามนี้นางยังไม่กล้าพูดคุยกับสตรีที่เป็นยายของเด็กหญิงมากนัก แม้นจะเข้าใจทุกคำพูดที่นางกล่าวออกมา
ซุนฉีห่มผ้าให้หลานสาวก่อนที่จะออกจากห้องนอนของหลานสาวไป ผู้ที่นอนนิ่งอยู่ก่อนหน้าผุดกายลุกขึ้นนั่งพลาวสำรวจรอบๆ ห้อง ดูแปลกตายิ่งนัก แต่กลับรู้สึกคุ้นเคย อาจจะเป็นเพราะความรู้สึกของเจ้าของร่าง แม้จะละร่างนี้ไปแล้วแต่ก็ยังคงทิ้งร่องรอยเอาไว้ให้นางได้รับรู้เรื่องราวที่ผ่านมา
ร่างเล็กลุกขึ้นจากที่นอนแล้วเดินสำรวจเรือนหลังเล็กหลังนี้ พื้นที่ของเรือนหลังนี้นั้นไม่กว้างขวางแต่ทว่ามีรั้วรายล้อมเอาไว้กั้นเขตแดนของแต่ละเรือนอย่างชัดเจน ต่างจากบ้านเรือนที่คำเอื้อยเคยอยู่อาศัยมาในอดีตชาติ นางเดินสำรวจเรือนหลังเล็กเพียงไม่นานก็ดูจนทั่วทั้งบริเวณ ครั้นนึกถึงหญิงวัยกลางคนที่ออกไปซื้อยาให้นางได้เกือบหนึ่งก้านธูปแล้ว นางจึงต้องรีบกลับเข้าไปในห้องนอนเพื่อไม่ให้สตรีที่เป็นท่านยายของนางในชาติภพนี้ต้องเป็นกังวล ที่นางลุกขึ้นมาทั้งยังไม่มีเรี่ยวแรง
หลังจากกลับมาจากตลาด ซุนฉีก็รีบเข้าครัวไปทำอาหารและต้มยาให้หลานสาวเพียงคนเดียวของนาง กลิ่นหอมของควันไฟปะทะกับกลิ่นของอาหารที่ลอยเข้ามาภายในห้องที่ชิงเหมยนอนทำให้ท้องของเจ้าของร่างเล็กร้องออกมาเพราะความหิวโหย ก็ร่างกายนี้หลับใหลไปนานถึงสามวันสามคืน
“เหมยเอ๋อร์… ลุกขึ้นมากินข้าวก่อนเถิดจะได้กินยา”
เสียงของท่านยายดังออกมาจากหน้าประตูพร้อม ชิงเหมยจึงค่อยๆ ลุกขึ้นจากที่นอนแล้วลงจากเตียงนอนไปยังโต๊ะที่อยู่ใจกลางของห้อง ซุนฉีมองหลานด้วยความเป็นห่วง นัยน์ตากลมมองอาหารตรงหน้าก็กลืนน้ำลายลงคอ
“ค่อยๆ กินล่ะ เจ้านอนหลับไปถึงสามคืน ยายเกรงว่ากระเพาะของเจ้าจะรับอาหารเหล่านี้มิทัน”
เด็กหญิงพยักหน้าพลางหยิบช้อนขึ้นมาตักข้าวต้มในชามขึ้นมากิน ปลาแห้ง กับเกี๊ยวผัก แม้นจะเป็นอาหารที่แปลกตาแต่ก็รู้สึกคุ้นเคยเป็นอย่างดี นางกินไปเงียบๆ จนหมด ซุนฉีมองหลานด้วยความห่วงใย ก่อนที่จะเดินออกไปรินยาต้มมาให้
“ถึงจะขมหน่อยก็กินให้หมดล่ะเหมยเอ๋อร์ เจ้าจะได้มีเรี่ยวมีแรง ร่างกายก็จะได้กลับมาแข็งแรงเช่นก่อน”
ยาต้มกลิ่นฉุนนัก แต่มีหรือผู้ที่เคยมีชีวิตอยู่จนถึงวัยสิบแปดปีเช่นคำเอื้อยจะกินไม่ลง นางยกถ้วยยาต้มขึ้นมากระดกจนหมดในคราเดียว ซุนฉียิ้มออกมาพลางกล่าวชื่นชม
“เก่งมากหลานยาย เอาล่ะ…ครานี้ก็ไปพักผ่อนเสียเถิด อืม… พรุ่งนี้ยามอิ๋นยายต้องตื่นแต่เช้าเพื่อทำขนมไปขายที่ร้าน เจ้าก็นอนพักผ่อนอยู่ที่เรือนอีกสักสองสามวันแล้วค่อยไปช่วยยายก็ได้”
“เจ้าค่ะท่านยาย”
เหมือนนี่จะเป็นคราแรกที่นางได้ยินเสียงของหลานสาวตั้งแต่นางฟื้นขึ้นมา ซุนฉียิ้มพลางเก็บถ้วยชามเพื่อเอาออกไปล้าง