6.กังวล
ฟู่จินเมื่อได้ยินชายาตนพูดเช่นนั้นก็ยิ่งทำให้คิดว่าชายาของตนจะยิ่งรังเกียจตนมากขึ้นไปอีก
" เฉินห้าวเจ้าก็จัดการหากระโจมใหม่ให้พระชายาให้เร็วที่สุด "
" พะยะค่ะท่านอ๋อง "
เฉินห้าวรับคำสั่งก่อนที่จะสั่งให้นายกองเตรียมจัดหากระโจมใหม่สำหรับพระชายา เหม่ยอิงเดินหนีออกไปทางลำธาร และนั่งลงที่ริมลำธาร ฟู่จินยืนมองคนตัวเล็กที่เดินนี้ตนไป ในใจก็อดคิดกังวลไม่ได้
" พี่เสี่ยวจูที่นี่ทิวทัศน์งดงามจริงๆพี่ว่าไหม "
" พระชายาเพคะ ทรงกำลังคิดถึงเรื่องหญิงในกระโจมอยู่ใช่ไหมเพคะ พี่ดูแลพระชายามาตั้งแต่เล็ก จะไม่รู้ได้ยังไงว่าทรงคิดอะไรอยู่ "
" คิดแล้วข้าจะทำอะไรได้ ในเมื่อข้าและท่านอ๋อง ก็เพียงแต่อภิเษกตามรับสั่งของฮ่องเต้เท่านั้น "
" ทรงน้อยใจท่านอ๋องใช่หรือไม่เพคะ "
" ข้าไม่สามารถทำเช่นนั้นได้หรอก แค่ท่านอ๋องเมตตาข้า ยอมอภิเษกกับข้า ให้ข้าอยู่ในตำหนักอย่างสุขสบาย ก็ถือว่าเมตตาข้ามากแล้ว "
เสี่ยวจูมองเจ้านายของตนก็ทำให้รู้สึกสงสาร
" แต่ถึงอย่างไรตอนนี้ ท่านก็กลายมาเป็นพระชายาของท่านอ๋องแล้วนะเพคะ "
" ถึงข้าจะเป็นพระชายา แต่ก็เพราะท่านอ๋องอยากจะช่วยข้า ความสุขของท่านอ๋องข้าคงไปขัดไม่ได้หรอก "
เหม่ยอิงนั่งอยู่ที่ริมลำธารนานจนกระทั่ง เฉินห้าวเดินมาบอกว่ากระโจมเรียบร้อยแล้ว เหม่ยอิงจึงเดินกลับไปที่กระโจมหลังใหม่ ฟู่จินยืนมองชายาของตนโดยที่ไม่กล้าเอ่ยอะไร
หลังจากวันนั้นทั้งสองก็ไม่ได้พูดจากัน จวบจนการเดินทางมาจนถึงเมืองใหม่ อ๋องฟู่จินสั่งให้เฉินห้าวนำทางพระชายาเข้าพักที่เรือนรับรอง ส่วนตนเองนั้นพาเจ้าเมืองคนใหม่ ไปตรวจความเรียบร้อยก่อนที่จะรับราชโองการในวันถัดไป
" ใต้เท้าเฉิงอวี้ ท่านคิดว่าที่นี่เป็นเช่นไร "
" ช่างเป็นเมืองที่อุดมสมบูรณ์และซับซ้อนพะยะค่ะ ท่านอ๋องทรงพระปรีชาสามารถมาก ที่สามารถตีเมืองกลับคืนมาได้ "
" ทหารของแคว้นชิงเหว่ย ต่างก็เข้มแข็งและเก่งกาจ จึงทำให้แคว้นของเราได้รับชัยชนะ "
" แต่หากไม่ใช่ท่านอ๋องเป็นผู้นำทัพ ก็อาจจะไม่ชนะเช่นนี้ก็ได้พะยะค่ะ "
" อย่ามัวแต่เยินยอข้าเลย ท่านเองก็เดินทางมาเหนื่อยไปพักผ่อนเถอะ ข้าเองก็จะไปพักแล้วเหมือนกัน "
" หม่อมฉันมีโอกาสได้เจอกับพระชายาแม้จะห่างไกล แต่ก็ได้เห็นถึงความงดงาม ท่านอ๋องโชคดีมากนะพะยะค่ะ ที่มีพระชายางดงามราวกับเทพธิดาถึงเพียงนี้ "
" หึ นั่นสินะข้าโชคดีที่มีพระชายาที่งดงาม "
อ๋องฟู่จินเอ่ยตอบออกไปพร้อมกับรอยยิ้ม แต่ภายในใจกลับหม่นหมอง
" เจ้างดงามราวกับเทพธิดาจริงๆนั่นแหละ แต่จะมีสักครั้งไหม ที่ข้าจะมีโอกาสได้สัมผัสเจ้าเหม่ยอิง "
ฟู่จินคิดอยู่ในใจ ยิ่งนึกถึงสีหน้าของคนที่เดินออกมาจากกระโจมเมื่อสองวันก่อน ก็ยิ่งทำให้รู้สึกห่างไกลจากคนตัวเล็กมากขึ้นกว่าเดิม
" ท่านอ๋องจะเสด็จกลับเรือนรับรองเลยหรือไม่พะยะค่ะ "
"ยังหรอกข้าอยากจะขี่ม้าออกไปดูรอบๆเมืองเสียหน่อย มาอยู่ครั้งก่อนข้าเห็นอยู่ที่หนึ่งน่าสนใจมาก"
" ท่านอ๋องคงจะหมายถึงน้ำตกใช่หรือไม่ขอรับ คิดที่จะพาพระชายาไปใช่หรือไม่พะยะค่ะ "
อ๋องฟู่จินยิ้มให้กับคนสนิทของตน ที่รู้ใจตนดีมาก เฉินห้าวเดินออกไปเพื่อเตรียมม้าให้กับอ๋องฟู่จิน ภายในเรือนรับรอง เหม่ยอิงและเสี่ยวจู กำลังแอบผู้ติดตามและบ่าวรับใช้ เพื่อหนีออกจากเรือนรับรอง
" พี่เสี่ยวจูเร็วๆหน่อยสิเดี๋ยวพวกบ่าวกับผู้ติดตามก็เห็นเข้าหรอก "
" พระชายาเพคะจะออกไปจริงๆหรือเพคะ ถ้าท่านอ๋องรู้มีหวังต้องโกรธมากแน่ๆ "
“ท่านอ๋องไม่ได้สนใจว่าข้าจะอยู่หรือข้าจะไปที่ไหนอยู่แล้ว และอีกอย่างเราก็แค่จะออกไปสำรวจเมืองเท่านั้น ไม่นานก็กลับมา ท่านอ๋องคงจะยังไม่กลับมาหรอก”
เหม่ยอิงรีบเดินออกจากเรือนและมุ่งตรงไปที่ตลาด ที่ได้ผ่านเข้ามาเมื่อตอนเข้าเมือง เสี่ยวจูถึงกับต้องส่ายหัวกับความดื้อความซนของพระชายาที่แก้ไม่หายตั้งแต่เล็ก
" นี่เจ้าดูหญิงสาวสองคนนั้นสิ ยิ่งอีกคนนึงงดงามเรากับเทพธิดาเลยเจ้าเห็นหรือไม่ "
" นั่นสิบ้านเมืองของเราไม่เคยมีหญิงสาวที่งดงามถึงเพียงนี้ นางเป็นใครกันนะ หรือว่าจะมากับขบวนเสด็จของท่านอ๋องฟู่จินกันแน่ "
" คงไม่หรอกอาจจะเป็นหญิงสาวจากต่างเมือง ที่เดินทางตามพ่อแม่มาในขบวนแลกเปลี่ยนสินค้าก็ได้ เพราะถ้าหากว่ามากับท่านอ๋องฟู่จินจริงๆ ข้าก็เชื่อว่าท่านอ๋องคงจะไม่ปล่อยให้ออกมาเดินเช่นนี้แน่นอน "
" นั่นสินะเจ้านี่ฉลาดจริงๆ"
ชาวเมืองต่างซุบซิบพูดคุยกันถึงหญิงสาวที่มาเดินตลาด เมื่อย่างกลายไปที่ใดก็มีแต่คนเหลียวมอง เพราะความน่ารักสดใสและยังผิวขาวผุดผ่องงดงามหาหญิงใดเทียบไม่ได้
" แม่นางท่านมาจากที่ใดกัน ข้าคิดว่าท่านคงไม่ใช่ชาวเมืองที่นี่หรอกใช่หรือไม่ "
" นี่คือพระ อื้อ "
เสี่ยวจูกำลังจะเอ่ยบอกถึงฐานะของพระชายา แต่ก็ถูกอีกคนเอามือปิดปากไว้เสียก่อน
" ข้าก็เป็นชาวเมืองของเมืองใกล้ๆนี่แหละ พอดีติดสอยห้อยตามท่านพ่อท่านแม่มาเที่ยวที่เมืองนี้ "
" คงจะเป็นลูกของขุนนางใหญ่ ถึงได้ดูมีสง่าราศีเช่นนี้ "
เหม่ยอิงยิ้มให้กับแม่ค้าที่พูดคุยกับตน ก่อนที่จะเดินเที่ยวดูจนทั่วตลาด
" เราควรจะกลับกันได้แล้วนะเพคะพระชายา "
เสี่ยวจูเอ่ยบอกกับเหม่ยอิง แต่เหม่ยอิงกลับยังสนุกกับการเดินเที่ยวเล่น
" ข้ายังไม่อยากกลับไปที่เรือนรับรองเลยพี่เสี่ยวจู เราเดินเที่ยวกันอีกสักหน่อยเถอะนะ ข้าเห็นมีหอน้ำชาอยู่เราไปที่หอน้ำชากันเถอะ "
เหม่ยอิงจูงมือพี่เลี้ยงเข้าหอน้ำชาไป ภายในมีลูกค้ามากมายที่นั่งดื่มกินทั้งชาสุราและอาหาร เนื่องจากเป็นโรงน้ำชาที่มีขนาดใหญ่ ยังมีอีกส่วนที่เป็นสวน มีศาลาขนาดเล็กที่ตั้งเรียงเพื่อสำหรับลูกค้าที่มานั่งดื่มจิบชา และสุราอาหาร
" เรานั่งกันตรงนี้แหละ ดูเงียบสงบดี "
เหม่ยอิงเคยบอกกับพี่เลี้ยงของตน ก่อนที่จะนั่งลง
" แม่นางทั้งสองคงมาจากเมืองอื่นเพราะข้าไม่เคยพบเห็น ท่านทั้งสองจะรับอะไรดีขอรับ "
เหม่ยอิงและเสี่ยวจูสั่งอาหารและสุรา
" พระชายาเพคะจะทรงดื่มสุราจริงๆหรือเพคะ เดี๋ยวก็เมาเอาหรอก "
" ข้าแค่อยากลองชิมเฉยๆพี่เองก็ลองชิมดูนะ ข้าอยากรู้ว่ารสชาติมันเป็นยังไง "
" แค่นิดเดียวนะเพคะเดี๋ยวจะเมา "
" อืม ข้ารู้น่าไม่เมาหรอกเหล้าแค่เหยือกเดียวจะทำให้ข้าเมาได้ยังไง "
ทั้งสองลองชิมเหล้ามักดอกท้อของหอน้ำชาที่ขึ้นชื่อ และดูเหมือนว่ารสชาติจะถูกใจทั้งสองสาวเป็นอย่างมาก เหม่ยอิงเริ่มหน้าแดงก่ำ และเริ่มรู้สึกว่าพี่เลี้ยงของตนนั้นนั่งไม่ตรง
" พี่เสี่ยวจูทำไมพี่ถึงมีสอง หัว เอ๊ะ นั่นท่านอ๋องนี่นา แอบหนีมาที่โรงน้ำชานี่เอง แล้วทำไมถึงมีหญิงอื่นอยู่ด้วย หึ แอบมาทำเรื่องเช่นนี้อีกแล้ว”