4. พบกันอีกครั้ง
ฟู่จินยืนอยู่ใต้ต้นพุทราพร้อมกับยกยิ้มที่มุมปากทันทีเมื่อได้ยินเสียงของคนตัวเล็กตอบออกมาเช่นนั้น เหม่ยอิงเมื่อเห็นว่าเสียงของพี่เลี้ยงของตนนั้นเงียบไป จึงได้ปีนลงจากต้นพุทรา ก่อนจะกระโดดลงมาแต่ก็พลาด เพราะมือที่เกาะกิ่งอยู่นั้นหักลงมาทำให้ตกลงจากต้นพุทราทันที
ยังโชคดีที่ท่านอ๋องนั้นรับไว้ได้ แต่ก็เสียหลักทำให้ล้มลงจนคนตัวเล็กนอนทับเขา ใบหน้าของทั้งสองเกือบจะสัมผัสกัน ปากอวบอิ่มยังคงคาบพุทราเอาไว้ ฟู่จินมองจ้องตากับคนที่ทับอยู่บนตัว ก่อนจะใช้อ้อมแขนของตนก่อนรัดคนตัวเล็กไว้เพราะอยากแกล้งอีกฝ่าย ใจดวงน้อยเต้นรัวในทันที แก้มเนียนก็เริ่มแดงระเรื่อเพราะรู้ดีว่าคนที่กอดตนอยู่นี้ คือพระสวามีของนางเอง
“ข้าเองก็อยากกินพุทราเช่นกัน ขอข้าชิมหน่อยนะ”
ฟู่จินใช้มือเรียวของตนกดหัวชายาตัวน้อยลง เพื่อส่งพุทราในปากอวบอิ่มมายังปากของตน นั้นยิ่งทำให้อีกฝ่ายหน้าแดงมากกว่าเดิม มือเล็กจึงหยิบพุทราออกจากปากของตนทันที พร้อมกับตำหนิคนโตกว่า
" อ่ะ ท่านอ๋องปล่อยข้าได้แล้ว มิเห็นหรือว่าบ่าวอยู่เต็มตำหนักไปหมด ท่านมิอายแต่ข้าอายนะ"
"แล้วยังไงข้ากับเจ้าจะกอดกันที่ไหนก็ไม่มีใครกล้ามาต่อว่าหรอก อย่าลืมว่าเจ้ากับข้าเป็นอะไรกัน "
มือเรียวยังคงกดที่หัวของคนตัวเล็กลงอีกครั้ง แต่ในครานี้กลับซบลงบนไหล่แกร่งแทน
" ถ้าข้ารู้ว่าเจ้าโตมาแล้วงดงามถึงเพียงนี้ ข้าจะรีบกลับมาเมืองหลวงในทันที "
“แต่ข้ากลับคิดว่าท่านควรจะตายในสนามรบเสีย”
“เจ้ายังอยากให้ข้าตายอยู่อีกหรือ "
"ข้าก็แค่สงสัยไม่เห็นท่านกลับมาเมืองหลวงเสียตั้งนาน เลยคิดว่าท่านคงถูกข้าศึกสังหารตายแล้วเป็นแน่ "
" ปากของเจ้ายังเก่งเหมือนเดิม "
ฟู่จินเอ่ยจบก็พลิกตัวขึ้นอยู่ด้านบนของคนตัวเล็ก ทำให้คนที่อยู่ใต้ร่างรู้สึกประหม่าทันที ซึ่งเขาก็เอาแต่จ้องนางเนิ่นนานจึงมีเสียงทุ้มเปล่งออกมา
"ปากเก่งเช่นนี้มันจะหวานด้วยหรือไม่ "
ฟู่จินเอ่ยจบก็หมายจะจูบลงบนปากอิ่ม แต่เหม่ยอิงก็เร็วกว่า ยัดพุทราใส่เข้าไปเสียก่อน แล้วรีบผลักให้คนตัวโตให้หลุดพ้นตน และลุกเดินหนีกลับห้องไป ฟู่จินลุกขึ้นนั่งจ้องมองคนตัวเล็กเดินจากไป พร้อมกับกัดกินพุทราด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม จนคนสิทอดที่จะเอ่ยเย้ามิได้
"กระหม่อมเห็นเช่นนี้แล้ว ก็อดคิดมิได้ว่าท่านอ๋อง จะยังอยากเสด็จกลับไปที่เมืองใหม่หรือไม่พะยะค่ะ "
" หึ แล้วเจ้าคิดว่าอย่างไรล่ะ"
“พระชายาทรงงดงามมากนะพะยะค่ะ และกระหม่อมก็ได้ยินมาว่า องค์ชายซีกวนเองก็มักจะมาที่ตำหนักของท่านอ๋องอยู่บ่อยๆ ทั้งที่ท่านอ๋องก็มิได้อยู่ที่ตำหนัก แต่ไยถึงมาโดยมิคำนึงถึงความเหมาะสม "
เมื่อได้ยินเช่นนั้นอ๋องฟู่จินก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมา เพราะถึงอย่างไรองค์หญิงก็ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นพระชายาของตนแล้ว แต่กลับมีชายอื่นไปมาหาสู่ถึงตำหนักของตน แม้จะเป็นหลานชายก็เถอะ อย่างไรก็มิควร
"มีเรื่องแบบนี้ด้วยหรือ แต่ถึงอย่างไรข้าก็ต้องกลับไป เพราะต้องจัดการเรื่องเจ้าเมืองคนใหม่ให้เรียบร้อย"
ฟู่จินเอ่ยออกไปเช่นนั้นแต่ก็ยังมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้า เฉินห้าวยืนมองและคิดว่านายของตนคงมีแผนไว้ในใจอยู่แล้ว จึงได้ดูใจเย็นถึงเพียงนี้
" ท่านอ๋องจะพักอยู่ที่นี่กี่คืนพะยะค่ะ แล้วจะพักที่ห้องรับรองเช่นเคยหรือว่า "
" ข้าก็ต้องพักอยู่กับพระชายาของข้าสิ ที่นี่เป็นตำหนักของข้านะเจ้าอย่าลืม "
ฟู่จินเอ่ยพร้อมกับยิ้มกริ่ม เมื่อนึกถึงใบหน้าของชายาตนที่บัดนี้โตเป็นสาวแล้วและยังเป็นหญิงงามเหนือสตรีใด
"แต่ดูเหมือนจะมีคนมาหาท่านอ๋องแล้วนะพะยะค่ะ "
เฉินห้าวเอ่ยบอกกับเจ้านายของตนเมื่อเห็นองค์ชายซีกวนกำลังเดินตรงมาหา
"เสด็จอากลับมาแล้วหรือพะยะค่ะ กลับมาคราวนี้จะอยู่นานแค่ไหนพะยะค่ะ "
"ข้ากลับมาแล้ว ทำไมเจ้าถึงอยากรู้ว่าข้าจะมานานแค่ไหนล่ะ หรือเจ้ามีสิ่งใดอยากให้ข้าช่วย"
"หลานก็แค่ได้ยินว่าเสด็จอา ยังต้องกลับไปจัดการแต่งตั้งเจ้าเมืองอีกหลายเมือง หลานเพียงสงสัยเท่านั้น"
องค์ชายซีกวนเอ่ยถามผู้เป็นอาเพราะอยากจะรู้ว่า อาของตนนั้นจะอยู่นานเพียงใด
เพราะเขานั้นจะได้มาหาองค์หญิงเหม่ยอิงได้สะดวก แม้จะรู้ว่านางอภิเษกกับอาของตนไปแล้ว แต่พอได้ยินว่าอาของตนนั้นมิได้ใส่ใจองค์หญิงเลย หนำซ้ำยังปล่อยให้อยู่ที่ตำหนักผู้เดียวมาหลายปี เช่นนี้แล้วตนจึงคิดจะสานสัมพันธ์กับเหม่ยอิง
"ข้าคงจะอยู่ที่เมืองหลวงไม่นาน ก็ต้องเดินทางกลับไปที่เมืองใหม่อีกเช่นเคย หากตั้งชื่อเมืองและแต่งตั้งเจ้าเมืองเสร็จสิ้นแล้ว ข้าจึงจะสามารถกลับมาได้อีกครั้ง"
องค์ชายซีกวนยิ้มอย่างพอใจเมื่อได้ยินในคำตอบนั้น แต่ในขณะเดียวกันอ๋องฟู่จินก็ยกยิ้มที่มุมปากเช่นกัน
"ถ้าเช่นนั้นหลานขอไปหาน้องหญิงก่อนนะพะยะค่ะ"
"ช้าก่อนซีกวน เมื่อครู่เจ้าเอ่ยเรียกผู้ใดกัน ถ้าเจ้าหมายถึงพระชายาของข้า เจ้าก็ควรจะเรียกให้ถูก เพราะองค์หญิงเหม่ยอิงคือพระชายาของข้า ซึ่งนั้นหมายถึงนางเป็นเสด็จอาหญิงของเจ้าเช่นกัน"
องค์ชายซีกวนเมื่อได้ยินเช่นนั้น ก็ถึงกับเงียบไปพร้อมกล่าวขออภัยกับเสด็จอาของตนทันที
"หลานขออภัยพะยะค่ะเสด็จอา ต่อไปหลานจะเรียกให้ถูกพะยะค่ะ "
“นอกจากเรียกให้ถูกแล้วต่อไปถ้าข้าไม่อยู่ที่ตำหนักเจ้าก็มิต้องมาที่นี่อีก เพราะมันเป็นการไม่สมควร”
องค์ชายซีกวนถึงกับหน้าถอดสีทันที เมื่อได้ยินคำพูดของอ๋องฟู่จิน เฉินห้าวยืนมองนายของตนที่พูดจากับหลานชายที่เคยรักใคร่เอ็นดู ต้องการสิ่งใดก็มักจะหาให้ทุกครั้ง แต่บัดนี้ดูเหมือนว่าอ๋องฟู่จินจะหวงบางสิ่งที่มีชีวิต ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นของตนแล้วเป็นอย่างมาก อย่างที่ไม่เคยแสดงอาการเช่นนี้มาก่อนเลย
" ถ้าเช่นนั้นหลานขอทูลลาเสด็จอาพะยะค่ะ"
องค์ชายซีกวนเอ่ยจบก็ออกไปจากตำหนักทันที อ๋องฟู่จินมองตามอย่างรู้สึกขัดใจ
เฉินห้าวได้แต่มองพร้อมกับยิ้มที่เห็นนายของตนนั้น ไม่รู้ว่าตนเองกำลังแสดงท่าทีหวงแหนพระชายาของตน
" เจ้าไปพักเถอะข้าก็จะไปพักแล้วเหมือนกัน "
เอ่ยจบอ๋องฟู่จินก็เดินกลับเข้าห้องของตนไป ในนั้นมีเสี่ยวจูกำลังช่วยพระชายาใส่เสื้อผ้าหลังจากอาบน้ำเสร็จ เมื่อเห็นเช่นนั้นฟู่จินก็สะกิดให้เสี่ยวจูออกจากห้องไป เมื่อนางออกจากห้องก็ปิดประตูให้กับนายทั้งสอง เพื่อจะได้มีเวลาอยู่ร่วมกัน
"พี่เสี่ยวจูทำอะไรอยู่ข้าหนาวขอเสื้อคลุมหน่อย "
"หนาวงั้นหรือถ้าเช่นนั้นข้าก็จะกอดเจ้าให้หายหนาว "
ฟู่จินเอ่ยจบก็กอดคนตัวเล็กไว้ในอ้อมแขนทันที
"อ่ะ ท่านอ๋องจะทำอะไรเพคะ ปล่อยเถอะเพคะหม่อมฉันจะใส่เสื้อผ้า "
"ก็เจ้าบอกเองว่าหนาวข้าก็จะกอดให้ความอบอุ่นแก่เจ้ายังไงล่ะมิดีหรือฮึ"
เหม่ยอิงหัวใจเต้นรัว ยืนนิ่งไม่พูดอะไรอีก ฟู่จินเมื่อเห็นคนตัวเล็กยืนนิ่ง ก็รู้ได้ทันทีว่าอีกคนนั้นป่านนี้คงจะแก้มแดงไปแล้ว
"ตัวเจ้าหอมมากเลยรู้หรือไม่ อย่ากลัวข้านะเหม่ยอิง ข้าจะไม่หักหาญน้ำใจเจ้า หากเจ้ามิเต็มใจ "
"ถะ ถ้าเช่นนั้นก็ปล่อยหม่อมฉันเถอะเพคะ หม่อมฉันจะได้ใส่เสื้อคลุม "
เหม่อยอิงบอกเสียงสั่น นางไม่แม้แต่จะเงยหน้าสบตากับอีกฝ่าย เพราะยามนี้มันมิคุ้นชินเลยสักนิด เมื่อถูกคนโตกว่าสัมผัสแม้มันจะอ่อนโยนก็เถอะ
ฟู่จินปล่อยอ้อมแขนออกพร้อมกับหยิบเสื้อคลุมมาสวมให้คนตัวเล็ก นางมองการกระทำของคนตัวโตนิ่ง ซึ่งเขาเองก็มิละสายตาจากชายาตัวน้อยเช่นกัน และยังมองต่ำลงยังอกอวบซึ่งมันล้นชุดที่ผูกคาดอกอยู่ ทำให้เหม่ยอิงยิ่งรู้สึกอายจนแก้มแดงระเรื่อมากกว่าเดิม
" ข้าเพิ่งจะรู้ว่าพระชายาข้างดงามถึงเพียงนี้ "
ฟู่จินเอ่ยออกไปแล้ว แต่เมื่อรู้สึกว่าตนอาจจะควบคุมตนเองมิได้หากยังอยู่ใกล้คนตรงหน้าอีก จึงได้ถอยห่างออกมา จนเหม่ยอิงเองก็อดแปลกใจมิได้
"เจ้านอนเถอะข้าไม่กวนแล้ว อ่อ ข้าจะพาเจ้าไปที่เมืองใหม่ด้วยอีกสามวันเจ้าก็เตรียมตัวไว้แล้วกัน "
เมื่อเอ่ยกับพระชายาของตนเสร็จแล้วอ๋องฟู่จินก็เดินออกจากห้องไปทันที เหม่ยอิงยังคงยืนนิ่งเพราะสับสนกับคนตัวโต ที่ทำท่าเหมือนจะจูบ แต่ก็ถอยหนีแล้วก็ออกคำสั่งพร้อมกับเดินออกจากห้องไป
" ท่านเป็นอะไรของท่านกัน ท่านทำให้ข้าตกใจรู้หรือไม่อ๋องฟู่จิน "
แม้จะรู้สึกว่าคนตัวโตทำให้รู้สึกตกใจ แต่ก็อดแปลกใจที่ตนเองนั้นไม่ได้รู้สึกรังเกียจสัมผัสจากเขาเลยแม้แต่น้อย กลับรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยเมื่ออีกฝ่ายสัมผัส