3. ไม่ร่วมหอ
การอภิเษกในครั้งนี้ผ่านไปด้วยดี จนถึงเวลาที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวต้องเข้าห้องหอ เหม่ยอิงนั่งอยู่ในห้องหอลำพัง โดยไม่ได้สนใจว่าเจ้าบ่าวของตนนั้นจะเข้ามาในห้องหรือไม่ จึงเปลี่ยนชุดอยู่ในชุดปกติแล้วพร้อมที่จะเข้านอน
ฟู่จินในตอนแรกไม่คิดที่จะเข้ามาในห้องหอเลยด้วยซ้ำ เพราะที่อภิเษกก็เพียงแค่จะแกล้งองค์หญิงน้อยเท่านั้น แต่เมื่อเข้ามาในห้องแล้ว กลับพบว่าอีกคนกำลังจะหลับ
" หึ นี่เจ้าไม่คิดเกรงกลัวข้าเลยสักนิดเชียวหรือ "
" ทำไมล่ะหรือว่าท่านคิดที่จะเข้าหอกับข้าจริงๆ ถ้าเป็นเช่นนั้นข้าก็ขอตายดีกว่า แต่เท่าที่ดูท่านก็แค่อยากจะแกล้งข้าไม่ใช่หรือ"
อ๋องฟู่จินนั่งลงบนเตียงแล้วจึงเอ่ยกับองค์หญิงน้อย
" ข้าชอบในความฉลาดหลักแหลมของเจ้าเสียจริง เอาล่ะข้ามีเรื่องจะต้องบอกกับเจ้า เจ้าจะอยู่ที่นี่ในฐานะพระชายาของข้า แต่ข้าก็ไม่ได้อยู่ที่นี่กับเจ้าหรอกนะ เจ้าอย่าได้กังวล "
“หมายความว่ายังไงท่านจะไม่อยู่ที่นี่จริงๆนะหรือ”
องค์หญิงน้อยรีบลุกขึ้นนั่งทันที พร้อมกับแสดงท่าทีดีใจ
" องค์หญิงไม่ต้องดีใจถึงเพียงนี้ก็ได้ ที่ได้ยินว่าข้าจะไม่อยู่ที่นี่ แต่ทุกคนที่นี่ก็จะปฏิบัติกับองค์หญิงในฐานะพระชายาของข้า ข้าอาจจะไปนานหลายปี องค์หญิงก็ดูแลตัวเองด้วยก็แล้วกัน "
" ข้าอยากจะอวยพรให้เจ้า ไปแล้วไม่ได้กลับมาให้ตายอยู่ในสนามรบนั่นแหละ "
" ขอบคุณองค์หญิงที่ทรงอวยพรให้กับข้า และเป็นห่วงข้า"
อ๋องฟู่จินเดินออกจากห้องไป องค์หญิงเหม่ยอิงมองตามอย่างไม่เข้าใจนัก กับการกระทำของคนตัวโต แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจเพราะคิดว่าเป็นเรื่องที่ดี ที่ตนจะอยู่ที่นี่โดยไม่มีอ๋องฟู่จินอยู่ด้วย องค์หญิงจึงหลับอย่างสบายใจ
ฟู่จินเดินออกมาจากห้องหอ เพื่อไปนอนที่ห้องรับรองอีกห้อง เฉินห้าวมองเจ้านายของตนที่เดินออกมาอย่างอารมณ์ดีก็อดรู้สึกแปลกใจไม่ได้
" ดูท่านอ๋องจะถูกใจองค์หญิงน้อยเป็นอย่างมากนะพะยะค่ะ กระหม่อมไม่เคยเห็นจะสนใจใครเท่านี้มาก่อนเลย "
" เจ้าคิดเช่นนั้นหรือเฉินห้าว ตัวข้ายังไม่เห็นรู้สึก "
อ๋องฟู่จินเอ่ยก่อนจะเดินกลับเข้าห้องนอนไป เหม่ยอิงตื่นขึ้นมาในตอนเช้า นางกำนัลคนสนิทก็เข้ามารายงาน
“องค์หญิงเพคะท่านอ๋องเดินทางไปค่ายที่ชายแดนตั้งแต่เช้าแล้วนะเพคะ พึ่งอภิเษกกับองค์หญิงแท้ๆ"
" พี่เสี่ยวจูก็ดีแล้วไม่ใช่หรือ ข้าจะได้ไม่ต้องคิดหาวิธีสังหารแม่ทัพใหญ่ของแคว้น คงจะมีคนสังหารแทนข้าแล้วล่ะ "
" องค์หญิงทำไมพูดเช่นนั้นเพคะ ถึงอย่างไรท่านอ๋องก็เป็นพระสวามีขององค์หญิงนะเพคะ และการที่ทรงรับเป็นพระชายา ก็ดีกับตัวขององค์หญิงมากนะเพคะ อย่างน้อยอยู่ที่นี่องค์หญิงก็เป็นที่หนึ่ง หากเป็นสนมของฮ่องเต้คงไม่มีความสุขมากกว่าอยู่ที่นี่แน่เพคะ "
" ข้ารู้พี่เสี่ยวจู แต่ข้าก็อดนึกถึงสิ่งที่เขาทำกับบ้านเมืองของเราไม่ได้ หนำซ้ำเสด็จพี่ยังรับสั่งกำชับข้ามาอีก ว่า "
เหม่ยอิงนึกขึ้นได้ว่าไม่ควรเอ่ยเรื่องนี้ในที่ ที่ไม่ใช่บ้านเมืองของตน
" องค์หญิงยังเด็กคงจะยังไม่เข้าใจเพคะ การทำศึกสงครามก็ต้องมีผู้แพ้ผู้ชนะอยู่แล้ว เท่าที่ดูคำร่ำลือที่บอกว่าท่านอ๋องโหดเหี้ยมนั้น คงเป็นเพียงแค่เสียงล่ำลือกันเท่านั้นเพคะ เพราะหากเป็นเช่นนั้นจริงคงจะไม่รับองค์หญิงของหม่อมฉัน
ให้มาอยู่ที่ตำหนักตนอย่างสุขสบายเช่นนี้เป็นแน่ "
องค์หญิงน้อยคิดตามพี่เลี้ยงของตน เมื่อคิดได้ก็เป็นจริงเช่นนั้น แม้จะรู้สึกเสียใจที่ตนนั้นพูดจาไม่ดีกับอ๋องฟู่จินแต่อีกคนก็ไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว จึงปล่อยเลยไปไม่สนใจอีก เพราะตนนั้นยังมีเป้าหมายที่ต้องทำในภายหน้า
แม่ทัพฟู่จินเดินทางมาจนถึงค่ายชายแดนทางเหนือ เพราะมีข่าวว่าชนเผ่าอู่เสียงกำลังรวมพลที่จะทำศึกกับแคว้นชิงเหว่ย จึงรีบมาที่ค่ายแขวงทางเหนือทันที
และไม่นานก็เกิดสงครามกับชนเผ่าอู่เสียงขึ้นจริงๆ การสู้รบเป็นไปอย่างยืดเยื้อ
กว่าจะได้รับชัยชนะและสามารถตีชนเผ่าอู่เสียงให้แตกพ่ายก็ผ่านไปเกือบ 2 ปี เพราะว่าคำสั่งของฮ่องเต้นั้นคือต้องการที่จะยึดเผ่าอู่เสียงคืน
เพราะแต่เดิมก็เป็นของแคว้นชิงเหว่ย แต่เพราะเมื่อ 50 ปีก่อน แคว้นชิงเหว่ยมีแม่ทัพที่ไม่เอาไหน จึงสูญเสียเขตแดนตรงนี้ไป ฮ่องเต้จึงมีคำสั่งให้แม่ทัพฟู่จินเอาแผ่นดินนี้คืน และสั่งให้สังหารตระกูลของหัวหน้าเผ่าให้สิ้นซาก
" สังหารล้างตระกูลหัวหน้าเผ่าซะ อย่าได้ละเว้นไม่เช่นนั้นจะเป็นภายในภายหน้า "
" ขอรับท่านแม่ทัพ "
หัวหน้ากองรับคำสั่งจากแม่ทัพใหญ่ เฉินห้าวเดินเข้ามาพร้อมกับเอ่ยถามออกไป
" ถ้าเป็นเช่นนี้ ท่านอ๋องก็คงจะไม่กลับเมืองหลวงง่ายใช่หรือไม่พะยะค่ะ "
" ที่เมืองหลวงก็ไม่ได้มีอะไรที่น่าสนใจพอที่จะให้ข้าอยากกลับไป ไม่สู้อยู่จัดการปัญหาที่นี่ไม่ดีกว่าหรือ"
" เห็นทีเราคงต้องอยู่ที่นี่อีกนานพะยะค่ะ "
"จัดการเรื่องส่งม้าเร็วไปกราบทูลฮ่องเต้แล้วหรือ"
" พะยะค่ะท่านอ๋อง อีกไม่นานก็คงมีการแต่งตั้งเจ้าเมืองและเดินทางมาประจำอยู่ที่นี่พะยะค่ะ "
" อืม ก็คงต้องรอก่อน จัดการเรื่องทุกอย่างให้เรียบร้อย ข้าจะไปพักก่อนจัดหาผู้หญิงมาให้ข้าด้วย "
" พะยะค่ะท่านอ๋อง "
เฉินห้าวจัดหาหญิงนางโลมมาให้กับท่านอ๋อง ฟู่จินที่ห่างหายจากเรื่องนี้มานานมากตั้งแต่เริ่มทำสงครามกับชนเผ่าอู่เสียง เมื่อมีโอกาสได้ปลดปล่อย ท่านอ๋องจึงจัดการหญิงนางโลมจนถึงเช้า
" เจ้ากลับไปได้แล้ว ไปรับเงินของเจ้าข้างนอก "
" ท่านอ๋องท่านไม่อยากให้ข้าอยู่รับใช้ท่านต่ออีกเช่นนั้นหรือเจ้าคะ "
" หึ สงสัยเจ้าจะไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อสินะ ถึงได้เอ่ยถามข้าเช่นนี้ ข้าบอกให้เจ้าออกไป "
หญิงสาวเมื่อได้ยินคำพูดของท่านอ๋องฟู่จินก็รีบแต่งตัวออกจากห้องทันที ฟู่จินเดินกลับไปที่เตียงแล้วล้มตัวลงนอน เพราะปลดปล่อยหลายครั้งจนรู้สึกเหนื่อยล้า
ตั้งแต่ยึดชนเผ่าอู่เสียงคืนมาได้อ๋องฟู่จินก็ยังไม่สามารถปลีกตัวกลับไปเมืองหลวงได้เลย เพราะทางแคว้นชิงเหว่ยยังหาผู้ที่เหมาะสมที่จะมาปกครองเมืองที่จะถูกตั้งขึ้นมาใหม่
เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของแคว้นชิงเหว่ยไม่ได้ ฮ่องเต้จึงมีรับสั่งให้อ๋องฟู่จินประจำตำแหน่งเจ้าเมืองและดูแลเมืองรอบนอกต่อไป จนกว่าจะสามารถหาผู้ที่เหมาะสมเพื่อมาปกครองเมืองต่างๆได้
5 ปีผ่านไปหลังจากที่แม่ทัพใหญ่ฟู่จินเดินทางไปทำสงครามที่เผ่าอู่เสียง ก็ยังไม่ได้เดินทางกลับมา องค์หญิงน้อยที่ตอนนี้โตเป็นสาว อายุ 18 ปีแล้วแต่ก็ยังคงมีนิสัยเฉกเช่นเดิม เพียงแต่นิ่งมากกว่าเดิมแต่ก็ยังมีนิสัยร่าเริงหากอยู่กับคนที่ตนเองนั้นสนิท
แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปอย่างชัดเจนก็คือความงามที่มีมากขึ้น ผู้ใดที่ได้พบและยลโฉมต่างก็เรียกว่าเทพธิดาแห่งแคว้นชิงเหว่ย ผิวที่ขาวชมพูผุดผ่อง ดวงตาเย้ายวน จมูกสวยได้รูปริมฝีปากอวบอิ่ม รูปกระจับแดงระเรื่อโดยไม่ต้องแต่งแต้ม ยิ่งได้มองก็ยิ่งทำให้ผู้ที่ได้พบเห็นต้องหยุดนิ่งดั่งโดนต้องมนต์
" พี่เสี่ยวจูข้าอยากกินพุทราเราไปเก็บพุทรากัน"
"พระชายาเพคะพระองค์ทรงโตเป็นสาวแล้วนะเพคะ ไม่ใช่เด็กน้อยเหมือนเมื่อก่อน หากมีผู้ใดพบเห็นก็จะเอาไปติฉินนินทาได้นะเพคะ "
" นี่เป็นตำหนักของท่านอ๋องจะมีผู้ใดกล้านำเรื่องราวออกไปพูดกันล่ะ ไปเถอะป่านนี้ลูกพุทราคงจะสุกเต็มต้นแล้วล่ะ "
เหม่ยอิงปีนขึ้นต้นพุทราเหมือนอย่างเช่นทุกวัน เพราะลูกพุทราสดเป็นสิ่งที่เหม่ยอิงนั้นโปรดปรานมาก และมักจะอยู่บนต้นพุทราเป็นเวลานาน วันนี้ก็เช่นกัน
ด้วยความที่ไม่รู้ว่าอ๋องฟู่จินนั้นกลับมาเมืองหลวงแล้ว เหม่ยอิงจึงยังคงมีความสุขอยู่บนต้นพุทรา จนกระทั่งมีเสียงเรียกจากพี่เลี้ยงของตน
" พระชายาเพคะลงมาเร็วเพคะท่านอ๋องฟู่จินเสด็จกลับมาแล้ว "
" มาก็มาสิ ถึงอย่างไรท่านอ๋องก็ไม่ได้กลับมาหาข้าอยู่แล้วข้าจะใสใจไปไย "