บทที่ 5 ไม่ว่าใครก็อย่าคิดให้นางตาย
ตี้เซินรู้สึกเพียงว่าอ่อนแรงไปทั้งตัว เรี่ยวแรงในมือก็หายไปหมดสิ้น
ทารกที่เขาหิ้วไว้ร่วงลงมาอย่างควบคุมไม่ได้ ทารกร้องไห้เสียงดัง “แว้ๆๆ”
ฉู่จิงกั๋วรับเอาไว้แบบหูตาไว อุ้มนางเอาไว้ในอ้อมอกอย่างแม่นยำ รีบตรวจดูสถานการณ์ของนางอย่างรวดเร็ว
แขนสมบูรณ์ดี ไม่มีกระดูกเคลื่อน เพียงแค่บนผิวหนังอันขาวเนียน เต็มไปด้วยรอยฟกช้ำที่บุรุษผู้นั้นบีบ
เด็กผู้หญิงคนนี้ ดวงแข็งมาก
เด็กผู้หญิงยังหยุดร้องไห้ในชั่วพริบตา นัยน์ตาใสแจ๋วหมุนวนอยู่บนตัวฉู่จิงกั๋วอย่างกังวล
ตอนที่มองเห็นฉู่จิงกั๋วไม่ได้เป็นอะไรมาก มุมปากอันอ่อนนุ่มเผยรอยยิ้มหวานๆ ออกมาแล้ว
ตี้เซินรู้สึกเพียงว่าเหตุการณ์ฉากนั้นขัดหูขัดตาเป็นพิเศษ
นี่คือพวกนางกำลังท้าทายความน่าเกรงขามของเขา และขัดขืนคำสั่งของเขา
เขาพยายามออกแรง ทว่าแม้แต่พลังภายในก็ไม่มีทางเคลื่อนย้าย ได้เพียงถามอย่างโกรธเคือง
“ฉู่เซี่ย! เจ้าทำอะไรกับข้าแล้ว!”
“ไม่อาจบอกได้!”
ฉู่จิงกั๋วมองเห็นแผลบนแขนของทารก เสียงเย็นชาแข็งกระด้างไร้ที่เปรียบ
นางรังเกียจคนที่มีแนวโน้มใช้ความรุนแรงและรังแกผู้หญิงกับเด็กมากที่สุด
สีหน้าของตี้เซินแข็งทื่อฉับพลัน
เขาอยากตบหน้าไปอีกสักที แต่เพิ่งยกมือขึ้น ร่างกายก็ซวนเซแล้ว
ฉู่เหลียนเอ๋อยืนเฝ้าอยู่นอกหน้าต่างลายสลักมาตลอด มองดูทุกอย่างนี้เสมือนอยู่ตัวคนเดียวตัดขาดจากโลก
เวลานี้ทนไม่ไหวขมวดคิ้วขึ้นแล้ว
ฉู่เซี่ยทำนางทุกข์ทรมานมาสิบเก้าปีเต็มๆ ปัจจุบันนี้กลับมีชีวิตอยู่ต่อแล้ว ยังทำร้ายตี้เซินอีก?
คาดไม่ถึงตี้เซินยังมัวเสียเวลากับนางนานปานนี้......
นางก้าวใหญ่ๆ เดินเข้าไป ประคองตี้เซินไว้แล้วพูดว่า
“อาเซิน เจ้าอย่าลงมืออีกเลย เจ้าดูตอนนี้พี่หญิงนางเจ็บมากนัก!
ถึงแม้ข้าให้เจ้าฆ่าพี่หญิง แต่ข้าไม่อยากให้เจ้าทรมานนาง
เจ้าให้คนขององครักษ์เงาเข้ามา มอบความสบายให้พี่หญิง ทำให้นางหลุดพ้นโดยเร็วเถิด!”
ภายในเสียงอันไพเราะเต็มไปด้วยการอ้อนวอนด้วยเจตนาดี
หลังจากพูดจบ นางยังจ้องมองเขาอย่างกังวลแล้วพูดว่า
“มิหนำซ้ำร่างกายของเจ้าสำคัญที่สุด ถ้าเกิดพี่หญิงวางยาพิษร้ายแรงใส่เจ้าจะทำอย่างไร? พวกเราไปหาหมอก่อนดีหรือไม่......”
ตี้เซินได้ยินถึงตรงนี้ ความหนาวเหน็บในแววตามากขึ้น
“ข้าจะไปหาหมอ สำหรับนาง......”
สายตาของเขาตกอยู่บนตัวฉู่เซี่ยอย่างน่าสะพรึงกลัว
“ให้นางตายอย่างสบาย ค่อนข้างเสียเปรียบนางเกินไปแล้ว!”
ก่อนหน้านี้เห็นแก่ที่นางสงบเสงี่ยมเจียมตัวมาเจ็ดปี แต่ตอนนี้......
เขาสั่งการแม่นมเซี่ยด้วยเสียงเย็นชา “ขังพวกนางเอาไว้ในห้อง ไม่ได้รับอนุญาตจากข้า ผู้ใดก็ห้ามเปิดประตูเป็นอันขาด! ปล่อยให้พวกนางอดตายทั้งเป็น!”
ในตาลึกอันใสแจ๋วของฉู่เหลียนเอ๋อเผยแววความดีใจผ่านไป
ให้นางไปสบายนางไม่เอา ดันอยากโดนทรมาน เช่นนั้นก็สมน้ำหน้า
ภายนอกนางกลับพูดห้ามอย่างร้อนใจ
“อาเซิน......ไม่......ทำเยี่ยงนี้โหดร้ายเกินไปแล้ว......อย่างไรเสียพี่หญิงนางก็เป็นพระชายาที่แต่งมาของเจ้า......”
“พระชายาของข้ามีเพียงเจ้าคนเดียว! นางฉู่เซี่ยเป็นเพียงสุนัขตัวหนึ่งที่ตำหนักอ๋องเลี้ยงไว้!”
เสียงไร้ความรู้สึกและโหดเหี้ยม
หลังจากพูดออกมา เขาโอบฉู่เหลียนเอ๋อไว้แล้วก้าวใหญ่ๆ ออกไป
หัวใจของฉู่จิงกั๋วที่อยู่ในห้องรู้สึกเจ็บอย่างหนักพักหนึ่ง
ไม่ใช่นางเจ็บ แต่ว่าเป็นร่างกายนี้
หมั้นหมายตั้งแต่เด็ก แต่งงานมาเจ็ดปี อยู่แบบระมัดระวังรอบคอบ ถึงไม่มีคุณงามความดีก็ทุ่มเทความพยายามเต็มที่
แต่ว่าจากที่ตี้เซินพูดมา เป็นเพียงแค่สุนัขตัวหนึ่ง?
น่าเศร้าใจมากเพียงใด น่าเสียใจมากเพียงใด
คนที่ต่ำต้อยกว่าในความรัก ก็แพ้ตั้งแต่เริ่มต้นแล้ว แพ้แบบโดยสิ้นเชิง
พอทั้งสองคนจากไป แม่นมรีบเข้ามาปิดประตูจากด้านนอก ลงกลอนพลางด่าทอ
“อยู่ที่ตำหนักอ๋องแบบหน้าไม่อายมาเจ็ดปีเต็มๆ แล้ว ยังกล้าลงมือต่อท่านอ๋อง? สมน้ำหน้า!”
“หน้าตาอัปลักษณ์ปานนี้ยังอยากเป็นพระชายาจิง? หน้าตาเทียบคุณหนูเหลียนเอ๋อไม่ได้สักนิดเดียว! ฝันกลางวัน!”
“อยู่ด้านในรอความตายไปเถิด! ให้พวกเจ้าอดตายทั้งเป็น!”
ในห้อง ฉู่จิงกั๋วนั่งอยู่บนพื้นอันเย็นเยือก มองประตูสลักลายที่ปิดสนิท สีหน้าเคร่งขรึมเป็นพิเศษ
นี่คือกักบริเวณนางไว้แล้ว?
บาดแผลของนางยังไม่ได้จัดการ เด็กก็เพิ่งคลอดออกมา ดันมาโดนขังไว้ตลอดอย่างนี้ นางกับเด็กต้องตายกันหมดแน่
แต่พวกเขายิ่งคิดอยากให้นางตาย นางยิ่งอยากมีชีวิตอยู่ต่อไปดีๆ
เมื่อนางฉู่จิงกั๋วมาแล้ว นอกจากว่านางไม่อยากมีชีวิตอยู่ มิฉะนั้นใครก็อย่าคิดทำให้นางตาย
ฉู่จิงกั๋วพยายามใจเย็นลงมา วางเด็กไว้บนเตียง จัดการบาดแผลของตัวเอง
เนื่องจากล้มจนเจ็บ แผลผ่าตัดตรงหน้าท้องฉีกขาดรุนแรง เลือดสดไหลออกมา
ต้องเย็บแผลใหม่อีกครั้ง......
ฝนด้านนอกยังตกลงมาซู่ซ่า แสงเทียนในห้องส่ายไหว แสงดูสลัวเป็นพิเศษ
ฉู่จิงกั๋วไม่มีผู้ช่วย ตัวเองถือคีมไว้ควบคุมเข็มเย็บแผล เริ่มเย็บแผลทีละเข็มๆ
เข็มอันแหลมคมทะลุผ่านผิวหนัง ดึงเส้นไหมผ่านผิวหนัง เจ็บจนนางเหงื่อแตกท่วมหน้า สีหน้าซีดเซียว
แต่นางไม่สามารถบ่นว่าเจ็บได้
ตั้งแต่ทะลุมิติมาถึงสถานที่แปลกหน้าแห่งนี้ นางก็ไม่มีเพื่อนร่วมทาง ไม่มีเพื่อนร่วมงาน นางสูญเสียสิทธิ์ที่จะบ่นว่าเจ็บว่าเหนื่อยไปแล้ว
ช่วงเวลาตีห้า ฝนถือว่าหยุดตกแล้ว
ฉู่จิงกั๋วเย็บบาดแผลเรียบร้อย กลับเหนื่อยจนหมดแรงไปทั้งตัว
ไม่มีเครื่องความคุมความปวดด้วยตนเอง บริเวณท้องยิ่งเป็นความเจ็บปวดจากการผ่าคลอดแบบเนื้อหนังฉีกออก
แม้แต่เรี่ยวแรงที่นางจะปีนขึ้นเตียงยังไม่มี ได้เพียงนั่งอยู่บนพื้นอันเย็นเยือก พิงหลังกับเสาเตียงลายสลักพักผ่อนชั่วคราว
ทารกบนเตียงส่งเสียงกรอบแกรบออกมากะทันหัน
ฉู่จิงกั๋วหันหน้ามองเข้าไป ก็เห็นทารกตัวน้อยนอนอยู่บนเตียง สีหน้าซีดเผือด
นัยน์ตาซึ่งเดิมทีใสแจ๋วดูขี้โรค อ่อนแรง ราวกับจะหมดสติไปทุกเมื่อ
บริเวณขอบปากของทารก ยังมีกระดาษฟางที่เปียกชุ่มก้อนหนึ่งติดอยู่