บทย่อ
ฉู่จิงกั๋วในฐานะผู้นำสูงสุดแพทย์ภาคสนามที่ทะลุมิติมา นางมีฝีมือในการผ่าตัด ทำการผ่าตัดคลอดด้วยตนเอง ราชาสงครามกลับเกลียดชังอย่างสุดขีด:“นังสัตว์ประหลาด!เทียบกับเหลียนเอ๋อไม่ถึงหนึ่งในสิบเลยด้วยซ้ำ!” ฉู่จิงกั๋วยกเท้าเข้าให้:“งั้นข้าก็สมหมายพวกเจ้า ขอให้พวกเจ้า น้องโสฯกับหมาวัด รักกันไปตราบฟ้าจะหาไม่!” นางอุ้มเด็กทารกและจากไปอย่างสง่า นับแต่นี้ไปข้าจะทำให้ใต้หล้าต้องสะเทือนกับความงามและความสามารถอันยิ่งยอด หมอมหัศจรรย์เป็นนางซะได้!เจ้าสัวหญิงวงการค้าอันดับหนึ่งเป็นนางซะได้!นางบรรเลงขิมผู้ลึกลับยังคงเป็นนาง!เทพสงครามหญิงยอดแกร่งก็ยังคงเป็นนางอีก! ราชาสงครามเสียดายสุดๆ:“กลับมาเถิด มาเป็นพระชายาของข้า” ฉู่จิงกั๋วแสยะยิ้ม:“ขออภัยด้วย ตอนนี้ข้าเป็นฮองเฮา!”พอสิ้นเสียง จักรพรรดิก็อุ้มเด็กน่ารักเยื้องกราย:“ยังไม่เคารพพี่สะใภ้เจ้าอีกรึ?”
บทที่ 1 นางกลับมาแล้ว
“อ๊า!”
“เจ็บ!”
ฉู่เซี่ยที่ท้องโตนอนอยู่บนเตียงลายสลัก เจ็บจนเหงื่อไหลเปียกโชก เจ็บจนถึงขั้นสุดแล้ว
แต่ว่ามือทั้งสองของนางจับผ้าปูเตียงไว้แน่น พยายามออกแรงเต็มที่
นี่คือลูกของนางกับตี้เซิน
แต่งงานกันมาเจ็ดปี เพราะใบหน้านางเต็มไปด้วยกระ หน้าตาอัปลักษณ์ ตี้เซินจึงไม่เคยมองนางตรงๆ
ปัจจุบันนี้มีลูกแล้ว เขาจะต้องเปลี่ยนมุมมองต่อนางบ้างแน่......
ทันใดนั้น
มีคนกระแทกเปิดประตูออกเสียงดัง “ตึง”
“ฆ่านางเสีย!”
เสียงอันเย็นเยือกโหดร้ายเสียงหนึ่งลอยมา
แม่นมสามสี่คนก้าวใหญ่ๆ บุกเข้ามา เดินมาถึงหน้าเตียงแล้วผลักจือม่านที่ช่วยคลอดลูกออก จากนั้นยกมืออยากจะลงมือ
ฉู่เซี่ยมองบุรุษชุดผ้าปักลายดอกที่เดินมาจากข้างนอก ไม่อยากเชื่อ
ตี้เซิน!
นี่คือสามีที่นางแต่งงานด้วยเจ็ดปี และปรนนิบัติมาเจ็ดปี
คาดไม่ถึงระหว่างที่นางกำลังคลอดลูก เขากลับพาคนบุกเข้ามา
ฉู่เซี่ยปกป้องท้องของตนเองเอาไว้ ถามแบบตกใจและหวาดกลัว
“ท่านอ๋อง......ท่าน ท่านกำลังพูดอะไร......ท่านอยากทำอะไร......”
ในสายตาที่ตี้เซินมองนางไม่มีอุณหภูมิแม้แต่น้อย ขยับริมฝีปากบางเบาๆ
“นางจะกลับมาแล้ว”
ร่างกายของฉู่เซี่ยแข็งทื่ออย่างแรง
นาง?
หญิงงามและรักแรกที่เขาเก็บซ่อนเอาไว้มาตลอดหรือ?
นางรู้ว่า ตี้เซินเลี้ยงดูสตรีผู้หนึ่งไว้ข้างนอกมาตลอด
แต่สตรีผู้นั้นเพียงยอมอยู่อย่างเงียบๆ ไม่ยอมแต่งเข้าตำหนักอ๋อง
ในวันพิธีมงคลสมรส ตี้เซินบอกกับนางด้วยตนเอง
“ฉู่เซี่ย ข้าจะไม่รักเจ้าตลอดกาล! เมื่อนางยินยอมแต่งเข้าตำหนักอ๋อง ก็คือเวลาที่พวกเราหย่ากัน!”
แต่......
“ท่านอ๋องพวกเราแต่งงานกันมาเจ็ดปีเต็มๆ ลูกในท้องของข้า ก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของท่านนะ
ท่านดูนางสิ นางพยายามดิ้นรนอยากออกมามาก ต่อไปยังจะเรียกท่านอย่างอ่อนโยนว่าท่านพ่อ......”
ตี้เซินกวาดสายตามองนางแวบหนึ่ง สีหน้าไม่ได้รู้สึกประทับใจแม้แต่น้อย ยังเผยความเกลียดชังและรังเกียจออกมาอีก
“มีเพียงเหลียนเอ๋อถึงมีสิทธิ์ให้กำเนิดทายาทของข้า เจ้ากับทารกในท้องเจ้า เป็นแค่ส่วนเกิน!”
ร่างกายฉู่เซี่ยแข็งทื่ออย่างแรง
แต่งงานมาเจ็ดปี ถึงแม้ว่าเขาจะกลับมาตำหนักน้อยมาก และมอบความรักกับการอยู่เคียงข้างทั้งหมดให้สตรีผู้นั้น
แต่นางไม่เคยตำหนิสักนิดเดียว จัดการทั้งตำหนักอ๋องแทนเขาอย่างระมัดระวังรอบคอบและอดทนต่อความยากลำบาก ดูแลบิดามารดาวัยเจ็ดสิบปีของเขาด้วย
แม้กระทั่งอาหารในแต่ละวันล้วนเป็นนางทำด้วยตนเองทั้งหมด เสื้อผ้าของแต่ละวันก็เป็นนางที่ซักด้วยตนเองเช่นกัน
นางคิดว่าขอแค่ตนเองทำเพิ่มอีกหน่อย คงมีสักวันหนึ่งจะสามารถได้รับความประทับใจจากเขามาได้สักนิด
แต่จนท้ายที่สุด ความรักอันลึกซึ้งและการทุ่มเทสุดใจในเจ็ดปีนี้ กลับแลกมาได้เพียงคำว่า “ส่วนเกิน”
เพียงเพราะคนผู้นั้นอยากแต่งเข้าตำหนักอ๋อง นางกับลูกในครรภ์จึงต้องตาย?
ในเวลานี้ เสียงที่ละมุนชวนปวดใจเสียงหนึ่งดังขึ้น
“พี่หญิง ท่านก็จากไปอย่างสบายใจเถิด ข้าจะดูแลอาเซินแทนท่านอย่างดีแน่นอน”
สิ่งที่มาพร้อมกับเสียงคือ สตรีรูปร่างอ้อนแอ้นก้าวเท้าเข้ามา
นางสวมกระโปรงผ้าโปร่งสีขาว ทำผมมวยมัดขึ้นครึ่งหนึ่งและปล่อยลงครึ่งหนึ่งคล้ายทรงผมของหลินไต้อวี้(ตัวเอกของนิยายความฝันในหอแดง) ทั่วทั้งตัวเผยความบริสุทธิ์ผุดผ่องและสูงส่ง ดูงดงามอ่อนหวาน
ชั่วขณะนั้นฉู่เซี่ยรู้สึกเกินความคาดหมาย
เหลียนเอ๋อ!
ฉู่เหลียนเอ๋อ!
น้องสาวที่ตอนนางสามขวบช่วยกลับมาจากกองหิมะและปฏิบัติเหมือนเป็นน้องแท้ๆ คนนั้น
ทว่าตอนนี้กลับควงแขนของตี้เซินไว้ และพูดจาอย่างนั้นออกมา......
ฉู่เซี่ยตระหนักถึงอะไรขึ้นได้ ริมฝีปากสั่นเทาไปหมด
“เหตุใดถึง......เหตุใดถึงเป็นเจ้า......”
ต่อให้นางคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึง ว่าหญิงงามที่สามีนางเลี้ยงดูอยู่ข้างนอก สตรีที่ทำให้นางต้องอยู่ในตำหนักมาโดดเดี่ยวเจ็ดปีเต็มๆ จะเป็นน้องสาวแท้ๆ ของนางอย่างคาดไม่ถึง
“เหตุใดจึงเป็นข้าไม่ได้เล่า? ข้ากับอาเซินต่างรักกันและกัน
เจ็ดปีมานี้ช่วงเวลาที่อาเซินไม่อยู่ที่ตำหนักอ๋อง ล้วนอยู่ด้วยกันกับข้าทั้งนั้น
มิหนำซ้ำ......”
ฉู่เหลียนเอ๋อเดินมาด้านหน้านางด้วยหน้าตาสง่างามใจดี โน้มตัวไปกระซิบข้างหูนาง ใช้เสียงที่มีเพียงสองคนจะได้ยินพูดว่า
“นี่คือเจ้าฉู่เซี่ยติดค้างข้า!
เจ้าเก็บข้ามาจากในกองหิมะ ก็สมควรมอบชีวิตที่หรูหราแก่ข้า!
แต่เจ้ากลับทำให้ชีวิตข้ายากจนขัดสน ทำให้ข้าแบกชื่อเสียงเหม็นเน่าที่ว่าเป็นลูกเลี้ยง เด็กกำพร้า ลูกไม่มีพ่อพวกนี้มาสิบเก้าปีเต็มๆ!
ทุกคนต่างบอกว่าข้าควรรู้สึกขอบคุณที่เจ้าช่วยข้าไว้ แต่ข้ายอมตายอยู่ในกองหิมะ ดีกว่ามีชีวิตแบบโดนคนเยาะเย้ย!”
ฉู่เซี่ยรู้สึกจุกตรงหน้าอกอย่างแรง
คาดไม่ถึงว่าฉู่เหลียนเอ๋อคิดอย่างนี้
เด็กผู้หญิงที่นางเลี้ยงดูมาสิบเก้าปีเต็มๆ ซึ่งติดตามนางมาตั้งแต่เด็กและเรียกนางว่าพี่หญิง คาดไม่ถึงจะเกลียดนางเช่นนี้