4. ลูกท้อแสนหวาน
ลูกท้อแสนหวาน
“กินต่อสิ เจ้าหิวมิใช่หรือ”
นางส่ายหน้างุด ก่อนจะรีบตอบออกไปเพราะเพิ่งนึกได้ว่าการส่ายหน้าแทนคำตอบเป็นการเสียมารยาท
“ขะข้า...อะเอ่อหม่อมฉันอิ่มแล้วเพคะท่านอ๋อง”
เมื่อตอบออกไปแล้วนางก็นั่งนิ่งอยู่หลายอึดใจ ก่อนจะค่อยๆ เงยหน้าขึ้นสบตากับคนตัวโตที่กำลังมองนางอยู่ก่อนแล้ว ชายผู้นี้หาใช่ขุนนางโฉดที่รังแกประชาชน เขาซื่อตรงปราบปรามการทุจริตอย่างยิ่งยวด อีกทั้งยังเมตตาทาสอย่างนางให้ได้อยู่ดีกินดี นางควรสำนึกบุญคุณและแสดงความเป็นห่วงเขาบ้างถึงจะเหมาะสม เมื่อคิดได้ดังนั้นก็รวบรวมความกล้าเอ่ยถามเขาออกไป
“ทะ...ท่านอ๋องระ...รับประทานอะ...อะไรมาหรือยังพะ...เพคะ”
“ยังเลย”
คนตัวโตดูจะชอบอกชอบใจเป็นอย่างมาก เมื่อเห็นความกล้าหาญจากหญิงสาวที่สั่นไปหมดทั้งตัวราวกับลูกนกตกน้ำเสียกระนั้น
“เช่นนั้นรับประทานลูกท้อมั้ยเพคะ”
นางเอ่ยถามอย่างพยายามเอาใจ หากเขาพึงใจเลี้ยงดูนางให้เป็นทาสในเรือน ชีวิตนางคงเหมือนเกิดใหม่อีกครั้ง
“ดีเหมือนกัน ข้าอยากกินลูกท้ออยู่พอดีเลย เห็นว่าฤดูนี้ผลของมันหอมหวานยิ่งนัก”
“เพคะ”
หญิงสาวรับคำอย่างกระตือรือร้นรีบคว้าลูกท้อมาถือไว้อย่างรวดเร็ว ก่อนจะรีบส่งให้จวิ้นอ๋องฮ่านหลาน ทว่าจังหวะที่นางหมุนกายเข้าหาเขา ริมฝีปากของนางกลับถูกฉกฉวยเอาไว้ด้วยริมฝีปากอุ่นร้อนโดยไม่ทันตั้งตัว
“อื้อ”
ตุ๊บ!
ครางแผ่วในลำคอด้วยความตกใจ ลูกท้อในมือกลิ้งตกหลุนๆ ลงไปบนพื้น จูบหวานบดขยี้เรียวปากอิ่มอย่างเรียกร้องจนซัวหวาถึงกับอ่อนระทวยไปทั้งตัว แขนแข็งแกร่งข้างหนึ่งของเขาโอบกระหวัดรัดรอบเอวนางแล้วอุ้มนางขึ้นนั่งบนตักอุ่น จากนั้นจึงโอบกอดด้วยแขนแข็งแกร่งทั้งสองข้างราวกับหวงแหน
ทาสสาวหัวสมองหมุนติ้วทำอะไรไม่ถูก หัวใจของนางเต้นรัวแรงราวกับเสียงกลองรบในสนามศึก คล้ายดั่งภายในท้องมีผีเสื้อนับพันกระพือปีกบินว่อนจนหน่วงหนัก หัวสมองขาวโพลนลืมสิ้นทุกสิ่งอย่าง
จูบเว้าวอนบี้บดเรียวปากแรงขึ้นแรงขึ้นด้วยแรงปรารถนาที่มากล้น จูบเม้มริมฝีปากบนก่อนจะขยับลงมากดจูบริมฝีปากล่าง บังคับให้นางอ้าปากออกครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อแทรกลิ้นร้อนเข้าไปดื่มกินรสชาติผลท้อในโพรงปากของนาง
“อื้อ...”
หญิงสาวครางแผ่วในลำคอ สองแขนเล็กเรียวเผลอไผลยกขึ้นโอบรัดรอบลำคอของชายหนุ่มเอาไว้ หัวใจหวิวโหวงเต้นแรง
‘รู้สึกดีจัง’
ซัวหวารู้สึกชอบจูบของเขา จึงนางแหงนเงยใบหน้ารับรสจูบหวานซ่านอย่างเต็มใจ เปิดเรียวปากให้เขาแทรกลิ้นเข้ามาเกี่ยวกระหวัดลิ้นเล็กของนางได้ตามอำเภอใจ และหลายครั้งที่ลิ้นของนางตอบสนองและดุนดันกลับไปอย่างไร้เดียงสา ส่งผลให้คนตัวโตถึงกับครางแผ่วในลำคออย่างพึงพอใจ
“อ๊ะ...”
นางส่งเสียงร้องเมื่อเขาปล่อยริมฝีปากแล้วเลื่อนไซ้ไปตามซอกคอขาว
“ผลท้อในปากของเจ้าหอมหวานกว่าท้อผลใดๆ ที่ข้าเคยลิ้มชิมรส”
คำชมเช่นนั้นยิ่งทำให้หัวใจดวงน้อยกระโจนแรงเต้นตึกตักจนผ่าวระเรื่อเขินอายไปทั่วทั้งสรรพางค์กาย ซัวหวาเป็นทาสชั้นต่ำทำงานหนักมาทั้งชีวิต นางไม่เคยถูกเกี้ยวพาราสี เมื่อถูกชายรูปงามอีกทั้งยังมียศถาสูงศักดิ์ นางก็ถึงกับทำอะไรไม่ถูก
“ข้าอยากรู้นักว่าตัวเจ้าจะหอมหวานสักเพียงใด”
มือหนาค่อยๆ จับเสื้อคลุมตัวบางของนางให้เลื่อนหลุดออกจากไหล่มนกลมกลึงช้าๆ เผยให้เห็นทรวงอกสล้างอวบอูม ที่เวลานี้ยอดถันได้ชี้ชันบ่งชัดว่านางกำลังปรารถนาในตัวเขาจนถึงขีดสุด
เพล้ง!
ฮ่านหลานกวาดถ้วยชามบนโต๊ะอาหารจนตกกระจัดกระจายเกลื่อนพื้นส่งผลให้สาวใช้และทหารอารักขาที่รออยู่ด้านนอกถึงกับสะดุ้งตกใจไปตามๆ กัน ก่อนที่จวิ้นอ๋องจะอุ้มหญิงสาววางบนโต๊ะแทนอาหารเหล่านั้น
มือหนายื่นไปสัมผัสสองเต้าอย่างเบามือ ซัวหวาใบหน้าแดงก่ำด้วยความเขินอาย นางรู้สึกว่าใบหูร้อนผ่าวและอื้ออึงจนไม่ได้ยินสรรพสำเนียงใดๆ
“อะ...อาห์”
ทาสสาวครางเสียงสั่นเมื่อแม่ทัพหนุ่มใช้นิ้วโป้งบี้บดลงไปยังปลายถันสีชมพูเบาๆ บี้จนบุ๋มลงไปก่อนจะค่อยๆ บดคลึงเนิบช้าจนนางถึงกับต้องเม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรงด้วยความเสียวซ่าน
ฮ่านหลานแลบลิ้นร้อนตวัดเลียไปยังยอดอกอิ่ม แล้วอ้าปากครอบครองความนุ่มละมุนเต็มคำ เสียงดูดดังจ๊วบพร้อมกับปลายลิ้นที่ดุนดันดูดดึงเต้าสล้างทำให้ซัวหวาถึงกับดิ้นเร่า
“อะ...อื้อ ทะ....ท่านอ๋องเพคะ ทะ...ท่านอ๋อง”
นางครางเรียกเขาด้วยน้ำเสียงหวานเสนาะหู เสียงของนางดังพอที่จะทำให้ทั้งทหารและสาวใช้ด้านนอกถึงกับใบหน้าร้อนผ่าว
แน่นอนว่าข่าวนี้จะแพร่ออกไปว่าจวิ้นอ๋องฮ่านหลานหลงใหลในตัวทาสสาวจนคลุกอยู่กับนางตลอดทั้งวัน ซึ่งเขาต้องการให้เป็นเช่นนั้น
มือหนาเลื่อนไปดึงเสื้อคลุมที่รั้งร่นลงไปกองอยู่ที่กึ่งกลางตัวให้หลุดออก เวลานี้ซัวหวาเปลือยเปล่านั่งอยู่บนโต๊ะทรงเตี้ยตั้งพื้น แล้วโดยไม่ทันตั้งตัวเขาก็จับนางโน้มตัวลงนอน โดยที่มือหนายังคงขยี้ขยำทรวงอกอิ่มเอาไว้ไม่ยอมปล่อย
“ทะ...ท่านอ๋อง ยะ...อย่า!”
ซัวหวาตื่นตกใจเมื่อถูกจับเรียวขาให้อ้าออกกว้าง เผยให้เห็นโหนกนูนอวบอูมขาวผ่อง สองกลีบบุปผาบดนุ่มนิ่มน่าสัมผัส ฮ่านหลานใช้ปลายนิ้วสัมผัสกลีบบุปผาอย่างแผ่วเบายังผลให้คนตัวเล็กถึงกับสะดุ้งเฮือก
“อะ...อื้อ”
แม่ทัพหนุ่มแทรกใบหน้าเข้ามาตรงกึ่งกลางแกนกลางกายของนาง แล้วโดยไม่ทันคาดคิดเขาก็โน้มใบหน้ากดลงไปบนโหนกนูนบุปผาของนางอย่างรวดเร็ว
“อะ...อูวส์”
หญิงสาวครางเสียงหลง เบิกตาโพลงเมื่อพบว่าเขากำลังละเลงลิ้นลามเลียร่องชื้นแฉะของนางอย่างเอร็ดอร่อย ยิ่งเขาตวัดลิ้นเลียมากเท่าไหร่หยาดน้ำใสก็ไหลออกจากรูแคบชื้นมากเท่านั้น
แฮกๆ
นางหอบหายใจแรงเมื่อความเสียวซ่านบีบรัดจนร่างผวาเฮือก ดวงตาฉ่ำเยิ้มเต็มไปด้วยแรงสิเน่หา ใบหน้าแดงก่ำยวนเย้า นางเผยอปากครางไม่เป็นภาษา บิดเร่าพยายามจะหลบหนีสัมผัสหวามที่เขามอบให้ ทว่าเขากลับใช้มือข้างหนึ่งช้อนก้นงามงอนของนางเพื่อยกสะโพกของนางให้สูงขึ้นราวกับกำลังยกซดชามน้ำแกง