2. ชีวิตที่พลิกผัน
16 ชีวิตที่พลิกผัน
“ทะ...ทนไม่ไหวแล้ว อื้อ”
นางปากสั่นจนต้องเม้มริมฝีปากเอาไว้ ใบหน้าแดงก่ำผ่าวร้อนระเรื่อไปจนถึงใบหู ก่อนที่ร่างเล็กจะกระตุกเกร็งจนตัวงอ ความสุขสวาทแล่นปราดไปทั่วเรือนร่างจนเผลอกอดชายตัวโตเอาไว้แน่น
แอด...
เสียงประตูเปิดเข้ามาพร้อมกับสาวใช้ที่ถือถาดอาหารเข้ามาโดยไม่ได้เคาะ ด้วยไม่รู้ว่าเวลานี้ผู้เป็นนายเหนือหัวกำลังอยู่ในห้องของทาสสาวที่ถูกพาตัวมาจากตระกูลสวี่
“อาห์ อาห์”
เสียงครางกระเส่าของทำให้สาวใช้ตัวแข็งนิ่ง จ้องมองการร่วมรักด้วยความตกใจ ก่อนจะรีบถอยออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว
ชายตัวโตเหลือบมองเพียงหางตาอย่างพึงพอใจ เขาจงใจเข้ามาในห้องนี้โดยไม่บอกใคร จงใจให้สาวใช้มาเห็นและเข้าใจว่าเขากำลังหลับนอนอยู่กับทาสสาวนางนี้
ทุกอย่างเป็นไปตามแผน
นิ้วเรียวที่บดขยี้เกสรสวาทค่อยๆ ชักออกมาช้าๆ น้ำใสไหลติดนิ้วจนฉ่ำแฉะ คนตัวโตจ้องมองร่างเล็กที่อายจนซุกหน้าหนีเข้าไปใต้หมอนแล้วถึงกับผุดยิ้มที่มุมปากด้วยความเอ็นดู
“นอนพักผ่อนเถอะ เจ้าเหนื่อยมามากพอแล้ว”
เขาผุดลุกขึ้นยืนแล้วดึงผ้าห่มแพรเนื้อดีคลุมลงบนเรือนร่างเปลือยเปล่าของทาสสาวอย่างอ่อนโยน ก่อนจะก้าวออกจากห้องไปอย่างเงียบเฉียบ
ซัวหวารอจนแน่ใจว่าเขาไปแล้ว จึงค่อยๆ โผล่หน้าออกมาจากใต้หมอน ใบหน้าของนางแดงฉ่าจนคล้ายเป็นไข้สูง
นางไม่เข้าใจ เหตุใดเขาจึงปฏิบัติต่อนางอย่างอ่อนโยน อีกทั้งยังไม่ได้ล่วงเกินนางอย่างที่ควรจะทำ เขาทำราวกับกำลังทะนุถนอมนางอยู่เสียกระนั้น
ความคิดมากมายวิ่งวุ่นอยู่ในหัว ความอ่อนเพลีย และความสุขสมที่แสนหฤหรรษทำให้นางผล็อยหลับไปในที่สุด
ซัวหวาลืมตาตื่นขึ้นอีกครั้งพบว่าเวลานี้เป็นเวลาใกล้ค่ำแล้ว แสงสุดท้ายจากดวงอาทิตย์กำลังลาลับจากเส้นโค้งฟ้า บรรยากาศภายนอกเงียบสงัดมีเพียงเสียงนกส่งร้องเรียกพวกพ้องกลับรังที่ร้องดังระงมไปทั่วผืนฟ้า
เสียงฝีเท้า!
ทาสสาวหันขวับไปที่ประตูอย่างระวังตัว ทว่าเมื่อเห็นว่าเป็นหญิงสูงวัยเดินเข้ามาพร้อมกับสาวใช้อีกสองนาง หญิงสาวก็ขยับตัวนั่งตัวตรงอย่างไม่รู้จะปฏิบัติตนอย่างไร
“อาหารเจ้าค่ะท่านซัวหวา”
หญิงสูงวัยโค้งกายลงอย่างนอบน้อม ก่อนจะหันไปพยักหน้าให้สาวใช้วางถาดอาหารลงบนโต๊ะ
“ทะ...ท่านหรือ”
ทาสสาวเอ่ยถามพลางใช้นิ้วชี้เข้าหาตนด้วยความงุนงง ไม่เคยมีใครพูดจาสุภาพกับนางมาก่อน และแน่นอนว่าไม่เคยมีใครเรียกนางว่า ‘ท่าน’ อีกเช่นกัน
“เจ้าค่ะท่านซัวหวา”
หญิงสาวถึงกับอ้าปากค้าง ทำตัวไม่ถูก นั่งนิ่งแข็งเป็นหินอย่างไม่เข้าใจ
“ข้ามีนามว่าจี้อิงเป็นแม่บ้านดูแลจวนแห่งนี้เจ้าค่ะ ส่วนสาวใช้ทั้งสองคือเมิ่งหลันและผิงผิง ต่อจากนี้นางทั้งสองจะอยู่ดูแลคอยรับใช้ท่านซัวหวาเจ้าค่ะ”
ซัวหวายังคงนั่งอึ้ง หูอื้อ ตาลาย ไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับนางกันแน่ แต่โดยที่นางยังไม่ทันตั้งตัว สาวใช้ทั้งสองก็ปราดเข้ามาประคองนางให้ลุกขึ้น ผ้าห่มพันกายร่วงหล่นหลุดออกจากเรือนร่างเปลือยเปล่า เผยให้เห็นรอยจูบสีแดงเต็มเรือนร่างนางไปหมด ไม่ว่าจะเป็นที่คอ เนินอก หน้าท้อง หรือแม้แต่ต้นคอขาวนวล
แน่นอนว่ารอยแดงเหล่านั้นล้วนอยู่ในสายตาของแม่บ้านและเหล่าสาวใช้ เป็นดังที่สาวใช้นางหนึ่งเล่าว่าท่านแม่ทัพแอบเข้ามามีสัมผัสสวาทกับทาสสาวนางนี้
เรื่องจริงหรือนี่ไม่อยากจะเชื่อเลย...
ทาสสาวกำลังจะยกมือขึ้นปกปิดร่างกาย ทว่าชุดคลุมสีชมพูหวานกลับคลุมลงบนเรือนร่างของนางเสียก่อน เนื้อผ้าเนียบลื่นแนบไปกับผิวราวกับไม่ได้ใส่
หญิงสาวใช้มือจับเนื้อผ้าแพงระยับบนตัวนางด้วยความงุนงง ตื้อตันจนท่วมท้นหัวใจคล้ายอยากจะร้องไห้
“ขะ...ข้าขอถามได้หรือไม่เจ้าคะ”
“หากข้าตอบได้ ข้ายินดีเจ้าค่ะ”
“ที่นี่ที่ไหนหรือเจ้าคะ”
“จวนจวิ้นอ๋องหรือจวนท่านแม่ทัพฮ่านหลานเจ้าค่ะ”
“จะ...จวิ้นอ๋อง มะ...แม่ทัพ”
ซัวหวารู้สึกราวกับหัวใจจะหยุดเต้นเสียให้ได้ นางเคยได้ยินชื่อเขา ‘แม่ทัพฮ่านหลาน’ แม่ทัพใหญ่ยอดขุนพลผู้ร่วมกอบกู้บัลลังก์ให้แก่ฮ่องเต้จนเป็นปึกแผ่น อีกทั้งเขายังเป็นหลานชายคนโปรดของฮ่องเต้อีกด้วย
ได้ยินว่าแม้จะมีศักดิ์เป็นหลานชาย แต่มีชันษาไล่เลี่ยกัน จึงสนิทสนมราวกับเพื่อนสนิท
“สะ...แสดงว่าชายผู้นั้นคือทะ...ท่านแม่ทัพหรือเจ้าคะ อีกทั้งยังเป็นเชื้อพระวงศ์อีกด้วย”
หญิงสาวมองหน้าหญิงสูงวัยตรงหน้าพร้อมกับละล่ำละลักเอ่ยถาม ใบหน้าของนางซีดเผือดคล้ายจะเป็นลมทุกชั่วขณะ
“เจ้าค่ะ”
“ละ...แล้วท่านแม่ทัพจับข้ามาทำไม”
นางเอ่ยถามออกไปราวกับคนโง่ ใช่! ตอนนี้นางรู้สึกโง่จริงๆ นางไม่เข้าใจอะไรเลยสักอย่างเดียว
“เรื่องนี้ท่านซัวหวาคงต้องไปถามท่านอ๋องเองนะเจ้าคะ ข้าเองก็ยากจะหยั่งรู้ความในใจของท่านอ๋องได้”
“ขะ...ข้าขอถามอีกอย่าง”
“เกิดอะไรขึ้นที่จวนสวี”
ทาสสาวอยากจะเอ่ยถามถึงการตายของขุนนางเฒ่าสวีเย่เผิง แต่ก็เลี่ยงที่จะพูดถึง จึงเอ่ยถามโดยรวมเพราะนางจำได้ว่าก่อนที่นางจะสลบไป นางเห็นคนของท่านแม่ทัพจับกุมคนของขุนนางสวีไปจนหมด
“ท่านอ๋องทำการกวาดล้างขุนนางกังฉินโกงกินบ้านเมืองขูดรีดราษฎรเจ้าค่ะ อีกทั้งตระกูลสวีคือตระกูลที่เคยหนุนหลังการก่อกบฏในครั้งก่อน ฮ่องเต้มีรับสั่งให้ออกกวาดล้างอย่างเงียบเชียบที่สุด คืนนั้นจวิ้นอ๋องจัดการตระกูลผาน ตระกูลเหอ ตระกูลต้า และตระกูลสวีไปในคราเดียว เรียกได้ว่าถอนรากถอนโคนฐานอำนาจเดิมไปจนหมดสิ้น”
ซัวหวาเบิกตากว้างเมื่อได้ยินดังนั้น ไม่คิดเลยว่าฮ่องเต้จะกำจัดเสี้ยนหนามภายในคืนเดียวโดยที่ศัตรูไม่ทันไหวตัว ขุนนางเฒ่าสวียังคงคิดละเลงกามไม่ระวังภัย จึงโดนตัดหัวตายโหงโดยไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ
“คนสนิทถูกคุมขังสอบสวนอย่างเข้มงวด ลูกเมียถูกไล่ไปอยู่ชายแดน บ่าวไพร่บางส่วนอนุญาตให้ตามนายไป เงินทองทรัพย์สินที่ดินหรือแม้กระทั่งทาสถูกยึดเข้าคลังหลวงทั้งหมดเจ้าค่ะ”