บท
ตั้งค่า

บทที่ 3 ข่าวดีของตระกูล (1/2)

“ซูลี่ บุตรีของเจ้าเล่า นางไม่รู้มารยาทหรืออย่างไร”

ฮูหยินใหญ่เอ่ยขึ้นกลางวง หลังจากนั่งรอสมาชิกของเรือนอยู่นาน แต่นางกลับไม่เห็นหลินลี่ หมิง บุตรีของซูลี่อนุภรรยามารับประทานอาหารเย็นกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาดั่งเช่นทุกวัน

“นั่นสิ หมิงเอ๋อร์ช่างไร้มารยาทเสียจริง” หลินเฟยเทียนเอ่ยขึ้นเพื่อเสริมทัพของอูหยินใหญ่ ก่อนจะหันไปตำหนิซูลี่ภรรยาอีกคนที่ก้มหน้านิ่ง

“หมิงเอ๋อร์คงจะไม่สบายน่ะเจ้าค่ะ”

ซูลี่ออกหน้าแทนบุตรี หลังจากที่ทราบข่าว จากลั่วลั่วว่าหลินลี่หมิงเอาแต่เก็บตัวอยู่ภายในเรือน

“เจ้าเป็นมารดาแต่กลับไม่รู้ความ แบบนี้มันใช้ได้ที่ไหนกัน” ฮูหยินใหญ่ได้ทีก็ตำหนิอนุที่นางเกลียดชังแบบไม่ไว้หน้าอีกต่อไป

“ข้าขออภัยแทนบุตรีเจ้าค่ะ”

“แม่เล็ก ข้าว่าลี่หมิงของท่านคงจะเสแสร้งเสียมากกว่า ก่อนหน้านี้ข้าก็เห็นนางควบอาชาด้วยท่าทางปกติดีมิใช่หรือ มิหนำซ้ำนางยังแกล้งข้าอยู่เลย” หลินเหม่ยลี่ที่นิ่งเงียบอยู่นานเปรยขึ้นกับซูลี่ ที่นางจำใจจะต้องเรียกนางว่าแม่เล็กไปตามมารยาทเท่านั้น

“เฮ้อ ตายจริง เด็กคนนี้ช่างเกเรยิ่งนัก เป็นเพราะเจ้านั่นแหละที่ไม่อบรมสั่งสอนนางให้ดี ถึงได้มีกิริยามารยาทที่แก่นเซียวเช่นนี้”

ฮูหยินใหญ่ถอนหายใจออกมา หลังจากที่สาดถ้อยคำตำหนิเสียยกใหญ่ ดวงตาคมกริบราวกับนางพญาจับจ้องซูลี่ราวกับจะกลืนกิน

“ข้าจะสั่งสอนนางให้ดีกว่านี้เจ้าค่ะ ฮูหยินใหญ่” ซูลี่ก้มศีรษะลงเพื่อเป็นการขอโทษ

“เอาล่ะ ไม่กินก็ไม่กิน งั้นพวกเราก็ไม่ต้องรอนางแล้ว”

หลินเฟยเทียนเอ่ยขึ้นอย่างตัดบท ก่อนจะยกตะเกียบขึ้นพุ้ยข้าวเข้าปากอย่างไม่รั้งรอ ทุกคนที่เหลือจึงทำตามด้วยความเงียบเชียบ

“นายท่าน นายหญิง มีคนมาขอพบเจ้าค่ะ”

บ่าวรับใช้เข้ามาแจ้งข่าวว่ามีคนขอเข้าพบ หลังจากที่หลินเฟยเทียนเพิ่งจะวางตะเกียบได้ไม่นาน

“พาแขกไปเรือนรับรอง ประเดี๋ยวข้ากับฮูหยินใหญ่จะตามไป” หลินเฟยเทียนบอกกับบ่าวรับใช้ และเตรียมตัวออกไปพบแขกที่เรือนรับรอง

เรือนรับรอง…

“ขอพบข้ามีเรื่องอันใดอย่างนั้นหรือ”

หลินเฟยเทียนเอ่ยขึ้นทันทีเมื่อเขาย่างเท้าเข้ามาภายในเรือนรับรอง โดยที่ข้างกายมีฮูหยินใหญ่ภรรยาที่ออกหน้าออกตาอยู่ข้างกาย

“คารวะเสนาบดีหลิน คารวะฮูหยินใหญ่”

สตรีร่างอวบเข้าใกล้วัยชรายอบกายแทนการเคารพเสนาบดีกรมยุติธรรมและฮูหยินของเขาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

“นั่งก่อนเถอะ ๆ ทำตัวตามสบายแล้วค่อยพูดจา”

“ขอบคุณนะเจ้าคะ” สตรีผู้นั้นพาร่างอวบของตัวเองหย่อนกายนั่งลงบนเก้าอี้ที่ทำจากไม้จันทร์ชั้นดี

“ตกลงมาหาข้ามีธุระอันใด รีบว่ามา”

สายตาของฮุ่ยเฟินลุกวาวขึ้นด้วยความคาดหวัง เพียงแค่ปรายดวงตามองนางก็รู้แล้วว่าสตรีที่เข้าใกล้วัยชราผู้นั้นคือแม่สื่อ ด้วยความดีใจทำให้นางตื่นเต้นและอยากรู้ว่าคราวนี้คุณชายบ้านไหนจะมาสู่ขอบุตรีของนาง

“ข้าเป็นแม่สื่อ จวนอ๋องส่งข้ามาเพื่อสู่ขอบุตรีของท่านเจ้าค่ะ” แม่สื่อเริ่มทำหน้าที่ของตัวเองได้เป็นอย่างดี

“จวนอ๋อง! อย่างนั้นหรือ อ๋องไหนกันเล่า” เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฮุ่ยเฟินกลับมีอาการดีใจจนแทบจะลืมวางกิริยาท่าทางให้เรียบร้อยไปเสียสนิท

“อ๋องจ้าวเหว่ยหลงเจ้าค่ะ”

“จริงหรือ”

ฮุ่ยเฟินเอ่ยถามซ้ำ นางดีใจจนเนื้อเต้น เมื่อรู้ว่าผู้ที่มาสู่ขอบุตรีของนางเป็นท่านอ๋องที่รูปงามและเก่งกาจที่สุดในแคว้นจ้าว ช่างเป็นวาสนาของหลินเหม่ยลี่เสียจริง ๆ

“บุตรีของข้ามีตั้งสองคน เป็นคนไหนกันเล่า” หลินเฟยเทียนเอ่ยถาม แต่เขากลับได้สายตาที่กราดเกรี้ยวของฮูหยินแทนคำตอบ

“ต้องเป็นคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลหลิน ใช่หรือไม่” ฮุ่ยเฟินถามออกไป ด้วยน้ำเสียงแห่งความคาดหวัง

“ใช่เจ้าค่ะ ท่านอ๋องให้ข้ามาสู่ขอหลินเหม่ยลี่ คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลหลินเจ้าค่ะ”

“ดี ดีจริง ๆ” ฮุ่ยเฟินยกฝ่ามือขึ้นทาบอก ใบหน้าได้รูปผุดรอยยิ้มอย่างอารมณ์ดี เมื่อทุกอย่างเป็นดั่งที่หวัง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel