บทย่อ
'หลินลี่หมิง' เข้าพิธีแต่งงานกับ 'จ้าวเหว่ยหลง' เพื่อรักษาเกียรติของวงศ์ตระกูล แต่ทว่านางกลับเป็นได้เพียง 'ชายาตัวแทน' ของท่านอ๋องเท่านั้น เพราะสตรีที่ท่านอ๋องพึงใจคือพี่สาวที่หนีไป หาใช่นาง!
บทนำ ตราตรึงใจ (1/2)
สิบปีก่อนหน้า...
เมืองหนานจิง แห่งแคว้นจ้าว...
ในค่ำคืนที่สว่างไสวไปด้วยแสงแห่งโคมไฟนั้น เป็นเพราะว่าภายในเมืองได้จัดเทศกาลหยวนเซียว หรือ เทศกาลแขวนโคมไฟขึ้นทำให้ถนนหนทางคราคร่ำมากมายไปด้วยผู้คนและร้านรวงเต็มสองฝั่งทาง ผู้คนที่พากันออกมาด้วยใบหน้าแจ่มใส เพื่อชื่นชมความงดงามของโคมไฟ และกินขนมหยวนเซียว [1]
ว่ากันว่าเทศกาลหยวนเซียว ถือเป็นวันแห่งความรัก ที่ทำให้บรรดาสตรีต่างพากันออกมาชื่นชมความสวยงามของโคมไฟที่ประดับประดา จนได้พบเจอกับบุรุษมากหน้าหลายตาและก่อเกิดเป็นความรัก
คนมีครอบครัวต่างก็พาเด็ก ๆ ออกมาวิ่งเล่นจนเกิดเป็นรอยยิ้มแห่งความสุขไปทั่วทั้งเมือง
“ท่านแม่ โคมไฟนั่นสวยงามยิ่งนัก”
หลินลี่หมิง ในวัยแปดหนาววิ่งไปตามถนนหนทางที่เต็มไปด้วยผู้คนด้วยความสนุกสนานตามประสา โดยมีมารดาคอยวิ่งตามบุตรีที่รักยิ่งด้วยความเป็นห่วง
“หมิงเอ๋อร์ เจ้าอย่างวิ่งไปทั่ว รอแม่ก่อน”
เสียงหวานใสของมารดาเอ่ยเรียกลูกรัก เพื่อหวังให้บุตรสาวชะลอฝีเท้าลงบ้าง ก่อนที่นางจะออกวิ่งตามบุตรสาวไป แต่ทว่า
“ซูลี่ เจ้าควรจะต้องคอยดูแลฮูหยินใหญ่ จะวิ่งไปทั่วเช่นเด็ก ๆ ได้อย่างไร น่าขายหน้ายิ่งนัก”
เสียงทุ้มเข้มของผู้เป็นสามีทำให้นางหยุดนิ่ง ก่อนจะพยักหน้าให้บ่าวรับใช้ของตนติดตามหลินลี่หมิงไป
“ขออภัยเจ้าค่ะ ท่านพี่”
หลินเฟยเทียน หรือเสนาบดีกรมยุติธรรม พยักหน้ารับก่อนจะผินใบหน้ากลับไปยังฮูหยินใหญ่ด้วยความเอาใจ และดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้มีความยุติธรรมให้กับครอบครัวเท่าไหร่นัก
ร่างบอบบางเอ่ยขอโทษด้วยน้ำเสียงหวานใส พร้อมกับยอบกายให้หลินเฟยเทียนผู้เป็นสามีด้วยใบหน้าเรียบเฉย ทั้งที่ภายในใจนั้น
นางกลับรู้สึกกังวล กลัวว่าหมิงเอ๋อร์จะมีอันตราย
ซูลี่ เป็นอนุภรรยาของหลินเฟยเทียนผู้นั้น แต่ด้วยเพราะร่างกายของนางมักจะอ่อนแอ ป่วยไข้ จึงไม่ค่อยได้รับความรัก ความเมตตาจากสามีเท่าไหร่นัก
“ซูลี่ เจ้าเป็นถึงอนุภรรยาของท่านพี่ หากผู้ใดรู้เข้าว่าเจ้าไร้มารยาทเช่นนี้ ข้าคงขายหน้าไปด้วยเช่นกัน ที่ไม่อาจอบรมเจ้าให้ดี”
ฮุ่ยเฟิน ฮูหยินใหญ่ตระกูลหลิน นางเกิดมาในตระกูลขุนนางทำให้หลินเฟยเทียนมักจะเอาอกเอาใจนางเสมอ แม้ว่านางจะรังแกซูลี่เป็นประจำก็ตามที
“เอาล่ะ ๆ เจ้าดูแลฮูหยินใหญ่ให้ดีก็แล้วกัน ส่วนเรื่องเด็ก ๆ ก็ให้เล่นสนุกกันไปตามประสา”
“เจ้าค่ะ/เจ้าค่ะ”
หลินเฟยเทียนโบกมือเพื่อลดทอนความขัดแย้ง ก่อนที่เขาจะเดินนำเข้าไปยังโรงน้ำชาตระกูลเฉิน เพื่อชื่นชมบรรยากาศของเทศกาลหยวนเซียว โดยมีฮูหยินและอนุภรรยาเดินตามมาไม่ห่างกาย
แม้ว่าซูลี่จะรู้สึกเป็นห่วงบุตรสาวไม่น้อย แต่นางกลับไม่อาจหลบหลีกหน้าที่ของอนุภรรยาไปได้ จึงได้แต่ภาวนาขอให้หมิงเอ๋อร์ไม่เกิดอันตรายใด ก่อนที่นางจะก้มหน้ารินชา คอยปรนนิบัติผู้เป็นสามี
และฮูหยินใหญ่ไม่ให้ขาดตกบกพร่อง...........
หลินลี่หมิงวิ่งไปตามแสงสว่างของโคมไฟที่ประดับประดาอย่างสวยงามรอบ ๆ เมือง รู้ตัวอีกทีนางก็วิ่งมาถึงสะพานใจกลางของหนานจิงเสียแล้ว
เดิมทีหนานจิงแบ่งออกเป็นสองฝั่งโดยมีแม่น้ำสายเล็กขั้นกลางเอาไว้ ทำให้สามารถที่จะนั่งเรือชมบรรยากาศทั้งสองฝั่งก็ได้ หรือจะเป็นการเดินข้ามผ่านสะพานที่ว่าไปยังอีกฝั่งก็ได้
“คุณหนูรอง หยุดก่อนเจ้าค่ะ”
เสียงของลั่วลั่ว บ่าวรับใช้ดังขึ้นจากทางด้านหลังทำให้นางตื่นจากภวังค์และออกวิ่งต่อไป
หากลั่วลั่วจับนางได้ นางคงจะต้องกลับไปนั่งเฝ้าท่านพ่อจิบชาเป็นแน่
พลั่ก
ในระหว่างที่หลินลี่หมิงออกวิ่งและมัวแต่หันมองลั่วลั่ว ทำให้นางไม่ได้ดูทางข้างหน้าจนเผลอชนเข้ากับร่างเล็กร่างหนึ่งจนล้มลงบนสะพานที่แออัดไปด้วยผู้คน
“ลี่หมิง เห็นทีเจ้าจะซุ่มซ่ามเกินไปแล้วกระมัง”