บทที่ 2 ปวดใจ (2/2)
“นานเหลือเกิน ที่ข้าไม่ได้พบหน้าของท่าน” หลินลี่หมิงพึมพำพร้อมกับผุดรอยยิ้มราวกับคนสติฟั่นเฟือน
จ้าวเหว่ยหลง หรือจ้าวอ๋อง เป็นน้องชายเพียงคนเดียวของฮ่องเต้ มีความเก่งกาจทั้งบู๊และบุ๋น แข็งแกร่ง ฉลาดเฉลียว มิหนำซ้ำยังรูปงามจนสตรีทั่วทั้งเมืองอยากจะเป็นชายา
หนิงหนิงเป็นสหายที่รู้ใจของนางเป็นยิ่งนัก ห้องรับรองของท่านอ๋องอยู่ไม่ไกลจากที่หลินลี่หมิงนั่งอยู่เท่าไหร่นัก ม่านกั้นบาง ๆ ทำให้นางมองเห็นใบหน้าของจ้าวเหว่ยหลงได้เป็นอย่างดี
ฝ่ามือหนายกถ้วยชาขึ้นจิบด้วยใบหน้าเรียบเฉย มีเพียงมุมปากเท่านั้นที่ยกขึ้นน้อย ๆ ให้กับรสชาติของชาที่เขาได้ดื่ม ริมฝีปากสีสวยขยับขึ้นลงสนทนากับสหายคนสนิทด้วยความเป็นกันเอง
หลินลี่หมิงไม่ได้ตั้งใจที่จะแอบฟัง แต่ด้วยเพราะที่นั่งของนางกับห้องรับรองที่มีเพียงม่านบาง ๆ กั้นเอาไว้ ทำให้ทุกถ้อยคำที่ฝ่ายนั้นสนทนาไหลเข้าสู่ประสาทการได้ยินของนางไปด้วยเสียทุกถ้อยคำ
“ท่านอ๋อง ในฐานะที่ข้าเป็นสหายของท่าน ข้าขอถามได้หรือไม่ว่าท่านกำลังสนใจสตรีนางใดอยู่” คุณชายไป๋ถามขึ้นด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“นั่นมันเรื่องของข้า”
คำถามของคุณชายไป๋ทำให้หลินลี่หมิงใจเต้นตึกตักด้วยความตื่นเต้นและลุ้นในคำตอบของจ้าวอ๋องอยู่ไม่น้อย แต่ทว่าฝ่ายนั้นกลับเบี่ยงเบนประเด็นไป
“บอกข้ามาจะดีกว่า” คุณชายไป๋ยังคงจี้ถามราวกับต้องการเร่งรัดในคำตอบ ที่ทำให้หลินลี่หมิงต้องตั้งใจฟังอีกครั้ง
“หลินเหม่ยลี่” ริมฝีปากสีสวยขยับขึ้นลง เปรยชื่อสตรีที่หมายตาออกมา
ชื่อของสตรีผู้นั้นที่ดังออกมาจากปากของจ้าวเหว่ยหลง ทำให้หลินลี่หมิงนั่งนิ่งตัวชาวาบ อาบไปด้วยความผิดหวังจนเจ็บแน่นภายในอกที่กระเพื่อมขึ้นลงเป็นจังหวะที่รวดเร็ว
“นับว่าท่านอ๋องตาถึง หลินเหม่ยลี่รูปงามและเหมาะสมกับท่านเสียยิ่งนัก” คุณชายไป๋มีท่าทางที่ถูกอกถูกใจในคำตอบของจ้าวอ๋องไม่น้อย
ด้านจ้าวอ๋องยังไม่แสดงอาการเขินอายออกมาแต่อย่างใด
มีเพียงยกถ้วยชาขึ้นจิบอย่างสบายอารมณ์เพียงเท่านั้น
หลินลี่หมิงรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ดวงตากลมโตมีน้ำใสที่คลอดวงตาจนแทบจะเอ่อล้นออกมา สมองของนางขาวโพลนไปหมด มือเล็กสั่นเทาทั้งสองมือ จนรู้สึกว่าไม่อาจที่จะนั่งจิบชาต่อไปได้
นางจึงพาร่างเล็กของตัวเองที่บอบช้ำออกมาจากโรงน้ำชาด้วยความรู้สึกที่แตกสลาย แขนขาของนางในตอนนี้ทั้งอ่อนแรงและอ่อนล้าจนประคับประคองตัวเองต่อไปไม่ได้ โชคดีที่ลั่วลั่วเข้ามารับร่างของนางเอาไว้ได้ทัน
“คุณหนูรอง คุณหนูรอง!”
ลั่วลั่วเอ่ยเรียกคุณหนูของนางด้วยน้ำเสียงที่ตกใจไม่น้อย หลังจากที่นางได้เห็นร่างอรชรเดินโซซัดโซเซออกมาจากโรงน้ำชาราวกับคนไร้วิญญาณ
“ลั่วลั่ว พาข้ากลับจวนที ฮือ”
หยาดน้ำตามากมายไหลพรั่งพรูออกมาจากดวงตาคู่สวย
ท่อนแขนเล็กโอบกอดลั่วลั่วเอาไว้แน่น ซ้ำยังซุกใบหน้าเข้ากับไหล่บางราวกับว่าต้องการที่พึ่งทางใจ จ้าวเหว่ยหลงเอ่ยวาจาที่เจ็บช้ำเสมือนการควักหัวใจนางออกมาแล้วบีบขยำจนแหลกลาญคามือของเขา
“คุณหนูเป็นอันใดไปเจ้าคะ ท่านเป็นแบบนี้ข้าตกใจนะ”
ลั่วลั่วเอ่ยถามคุณหนูรองที่นางเลี้ยงมาตั้งแต่ยังเล็กด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ ยิ่งนางเห็นใบหน้าที่ซีดเผือดกลับยิ่งใจหาย
“ลั่วลั่ว ข้าเจ็บ เจ็บเหลือเกิน เจ็บตรงนี้”
ปึก ปึก
หลินลี่หมิงทุบกำปั้นเล็ก ๆ ลงไปบนหน้าอกข้างซ้ายอย่างแรงสองสามที หยาดน้ำใสเปรอะเปื้อนพวงแก้มจนแทบจะไร้ซึ่งความงาม
ดวงตาหวานแดงก่ำฉายแววความรวดร้าวผ่านนัยน์ตาฉ่ำวาว
“คุณหนูอย่าทำเช่นนี้เจ้าค่ะ ข้าจะพาท่านกลับจวน”
คุณหนูของนางในตอนนี้ดูเจ็บปวดเสียมากกว่าตอนโดนฮูหยินใหญ่กลั่นแกล้งเสียอีก ลั่วลั่วได้แต่สงสัย แต่ก็ประคองร่างบางกลับจวนอย่างทุลักทุเล