บทที่ 2 ปวดใจ (1/2)
หลินลี่หมิงควบอาชาเพื่อสูดดมอากาศที่สดชื่นภายนอกจวนตระกูลหลิน ทุกครั้งที่นางต้องอยู่ภายในเรือนมักจะรู้สึกอึดอัดกับการปั้นหน้าเสเสร้งเสียเต็มทน ในทุกครั้งที่นางต้องยอมให้ผู้อื่นเอาเปรียบ
นั่นเป็นเพราะนางห่วงใยมารดาแต่เพียงเท่านั้น แม้จะรู้สึกขัดใจอยู่ไม่น้อยก็ตามที
นางกลับมายังเรือนและจัดการเจ็บอาชาคู่ใจเข้าเรือนม้าเรียบร้อย แต่หลินลี่หมิงก็ไม่อาจรั้งตัวอยู่ในเรือน นางจึงออกมายังตรอกการค้าเพื่อมุ่งตรงไปยังโรงน้ำชาตระกูลพานของสหายรัก โดยมีลั่วลั่วเป็นผู้ติดตาม ตามคำสั่งของมารดา
โรงน้ำชาตระกูลพาน…
“หลินลี่หมิง ลมอันใดหอบเจ้ามาถึงที่นี่ได้”
สตรีร่างบางสูงระหงเอ่ยทักขึ้นหลังจากมองเห็นหลินลี่หมิง ก้าวเท้าเข้ามายังโรงน้ำชา นางคือพานหนิงหนิงสหายรักนั่นเอง
“เจ้าก็พูดเกินไป ฮ่า”
หลินลี่หมิงขยับริมฝีปากตอบกลับสหายรัก ก่อนจะเดินตามนางไปยังที่นั่งประจำ
“ข้าพูดไปไม่เกินจริง เห็นเจ้าหายไปเสียหลายวัน” หนิงหนิงเอ่ยบอกนางด้วยน้ำเสียงของคนแง่งอน
“เจ้าก็รู้ว่าเรือนข้ามีสถานการณ์เช่นไร ฮ่า”
“เอาล่ะ ๆ เช่นนั้นลืมเรื่องราวที่เรือนของเจ้าไปสักประเดี๋ยวเถอะ ข้ามีชาตัวตัวใหม่มาให้เจ้าชิม”
ใบหน้าของหญิงสาวเบิกบานขึ้นด้วยรอยยิ้มอย่างอารมณ์ดี หนิงหนิงเป็นสหายที่นางอยู่ด้วยแล้วสบายใจที่สุด
“ได้สิ”
หนิงหนิงหายไปพักใหญ่ ก่อนจะกลับมาพร้อมกับกาน้ำชาลวยลายสวยงาม เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของโรงน้ำชาตระกูลพานเพียงหนึ่งเดียวในย่านนี้
“เจ้าลองชิมดูสิ”
หนิงหนิงบรรจงเทชาจากกาน้ำชาลงจอกด้วยท่าทางทะมัดทะแมงและคล่องแคล่วสมตำแหน่งนายหญิงแห่งโรงน้ำชา ทันทีที่น้ำชาถูกเท กลิ่นหอมคล้ายกับดอกไม้ก็ลอยขึ้นเตะจมูกของหลินลี่หมิงในทันที ทั้งที่ยังไม่ได้ถูกกลืนกินลงไปในคอ ไม่อยากจะคิดเลยว่าหาถูกกลืนลงคอไปแล้วจะส่งกลิ่นหอมเพียงใด
“กลิ่นหอมยิ่งนัก”
ไอร้อนระอุลอยขึ้นเป็นควันจาง ๆ เหนือจอกน้ำชา ทำให้หลินลี่หมิงต้องโบกมือไปมาเพื่อเรียกความหอมเข้าโพรงจมูก ก่อนที่นางจะยกถ้วยชาและเป่ารดลมหายใจลงไปสองสามที จึงยกขึ้นจรดริมฝีปากบาง ความหอมของชาทำให้หลินลี่หมิงรู้สึกผ่อนคลายไม่น้อย
“นี่คือชาปี้หลัวชุน เจ้าลองกินคู่กับหมาฮัว นี่ดู”
หนิงหนิงบริการนางเป็นอย่างดี จานขนมน่าตาน่ากลินถูกเลื่อนมาตรงหน้าของนาง จนอดไม่ได้ที่จะหยิบขึ้นมากัดกินพร้อมกับจิบชาที่ส่งกลิ่นหอมกรุ่นไปพร้อม ๆ กัน ทุกอย่างเข้ากันได้เป็นอย่างดีตามคำแนะนำ
“มันอร่อยมากจริง ๆ หนิงหนิง”
ดวงหน้าสวยสดของหลินลี่หมิงผุดรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้าด้วยความจริงใจ ก่อนที่นางจะจัดการขนมและชาเบื้องหน้าด้วยความละเลียดละไม โดยมีสหายรักอย่างหนิงหนิงนั่งเท้าคางมองนางด้วยสายตาพริ้มพราย
“นายหญิงขอรับ มีแขกพิเศษมาเยือนขอรับ” เสียงของเสี่ยวเอ้อทำให้หนิงหนิงออกจากภวังค์
“ผู้ใด…”
“จ้าวอ๋องและสหาย ขอรับ”
“อะไรนะ!” หนิงหนิงหน้าเหวอไปทันที เมื่อได้ยินนามของผู้มาเยือน แต่สำหรับหลินลี่หมิงนั้นนางกลับรู้สึกดีใจและประหม่าไม่น้อย
“จ้าวอ๋องขอรับนายหญิง” เสี่ยวเอ้อทวนประโยคให้นายหญิงของเขาได้ยินอีกครั้ง
“ลี่หมิง ดูท่าแล้วข้าคงจะต้องให้เจ้านั่งจิบชาแต่เพียงผู้เดียวไปก่อน ข้าขอตัวไปรับแขกคนสำคัญสักประเดี๋ยว” หนิงหนิงบอกนางเสียยาวเหยียด ก่อนจะหมุนตัวออกไปโดยที่นางยังไม่ได้เอื้อนเอ่ยคำใดออกไป
ดวงตากลมโตจับจ้องไปยังบุรุษรูปงามที่ย่างกรายเข้ามาภายในโรงน้ำชาพร้อมกับคุณชายไป๋หนิงอันสหายคนสนิท
ร่างสูงแปดฉื่อในอาภรณ์ผ้าไหมปักลวดลายประณีตสีม่วงอ่อนแกมผ้าไหมสีขาวบริสุทธิ์กับใบหน้าคมเข้มได้รูปดูน่าเกรงขาม ทำให้หลินลี่หมิงอมยิ้มออกมาเบา ๆ