4
ใช้เวลาเพียงแค่สามวันรถม้าสกุลฉู่ก็มาถึงเมืองหลวงหยางโจวแคว้นต้าเยียน รถม้าจอดหน้าสกุลฉู่ ฉู่หยีหนิงก้าวเท้าลงจากรถม้า ตามด้วยแม่นมหม่า หญิงสาวมองประตูสีแดงขนาดใหญ่ มีรูปปั้นสิงโตอยู่ทั้งสองข้างให้ความน่าเกรงขามยิ่งนัก จากนั้นนางก็พลันเดินตามหลังแม่นมหม่าเข้าไปด้านใน
ในห้องโถงใหญ่เวลานี้ฮูหยินผู้เฒ่านั่งประจำที่ มองฮูหยินใหญ่ ฮูหยินรอง กับฮูหยินสาม ต่างพูดคุยกันอย่างออกรส สาวใช้พลันย่างกรายเข้ามา
“ฮูหยินผู้เฒ่า แม่นมหม่าได้พาคุณหนูรองกลับมาแล้วเจ้าค่ะ” สาวใช้นางนั้นพูดจบ ฮูหยินรองต่างสบตากับฮูหยินสาม พวกนางจะได้เห็นละครงิ้วดี ๆ ในจวนแล้วกระมัง
ฮูหยินใหญ่ ไม่คิดว่า เด็กที่นางไล่ไปเมื่อสิบห้าปี ยังสามารถกลับมาที่จวนฉู่ได้อีก นางลงแรงไปเท่าไรแล้วกว่าจะกำจัดฉินฮุ่ยให้มันตายตอนคลอดลูก ฮูหยินใหญ่ทำให้หน้าให้เป็นปกติ
ไม่นานนักเรือนร่างบางในอาภรณ์สีฟ้า ย่างกรายเข้ามา ฮูหยินผู้เฒ่ามองอย่างตกตะลึง หากบอกว่าหลานสาวคนนี้มิใช่บุตรชายของนาง เมื่อก่อนนางเชื่อ แต่พอใบหน้าของฉู่หวงปรากฏทับซ้อน บนใบหน้างามนั้นทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าฉู่ตกใจไม่น้อย หลายปีมานี้ คือเรื่องเข้าใจผิดอย่างนั้นรึ แม้แต่ฮูหยินใหญ่ ฮูหยินรอง ฮูหยินสาม เมื่อได้เห็นดวงหน้างามนั้นทั้งสามพลันอึ้งงัน นี่มิใช่ใบหน้านายท่านใหญ่เลยรึ
“หลานคารวะท่านย่า” ฉู่หยีหนิงคำนับฮูหยินผู้เฒ่าอย่างนอบน้อม
“เจ้าคือฉู่หยีหนิง หลานข้า ข้าขอโทษ เมื่อสิบห้าปีก่อนไล่เจ้าออกไป บัดนี้ ถึงเวลาที่เจ้าจะได้สุขสบายเสียที ไปคำนับแม่ใหญ่ของเจ้าเถอะ” ฮูหยินผู้เฒ่าฉู่เบนสายตาไปทาง ฮูหยินใหญ่หรงซือ สตรีนางนั้นใบหน้างงดงามแต่งแต้มด้วยสีชาด ม้วยผมประดับด้วยปิ่นอย่างงามล้ำ อาภรณ์ของนางถักทอดด้วยดิ้นทองตั้งแต่หัวจรดเท้า
“คารวะท่านแม่ใหญ่” ฉู่หยีหนิงคำนับอย่างนอบน้อม นางรับรู้ด้วยสายตาแสแสร้งของสตรีวัยกลางคนนี้ได้
หลังจากที่นางคำนับทุกคนเสร็จแล้ว ฮูหยินผู้เฒ่าฉู่ ได้ให้แม่นมหม่า พาฉินหยีหนิงไปที่เรือนพำนัก สกาวใจ ที่จริงเป็นเรือนเก่าของฉินฮุ่ย กระนั้นฮูหยินผู้เฒ่าฉู่ คิดว่าพำนักที่เรือนแห่งนี้ถือว่าสมควรแล้ว
“ท่านแม่ เหตุใดท่านจึงยอมแล้วสตรีนางนี้เป็นหลานสาว ทั้งที่ในอดีตมารดาของนางสวมหมวกเขียวกับคนเลี้ยงม้า” ฮูหยินผู้เฒ่าฉู่มอง หรงซือตาขวางขึ้นมาทันที
“เจ้าอย่าคิดว่า ข้าไม่รู้นะ เจ้าวางแผนอันใดไว้” ฮูหยินผู้เฒ่าฉู่มองสะใภ้คนโตของนาง กล้าสร้างความวุ่นวายในจวนฉู่ สิบห้าปีก่อน อนุฉินตายเพราะโดนวางยา เรื่องนี้ฮูหยินผู้เฒ่าฉู่ตรวจสอบอย่างลับ ๆ อีกทั้งตอนนั้นนางเกรงกลัวครอบครัวของหรงซือ ที่ดำรงตำแหน่งเป็นขุนนางเก่าแก่ ตำแหน่งขุนนางการคลังในตอนนั้น ฮูหยินผู้เฒ่าฉู่คำนึงถึงผลประโยชน์ อีกอย่างแค่อนุคนเดียวตายไปก็แล้ว แต่บุตรชายของนางได้เลื่อนขั้นเพราะพ่อตาจริง ๆ นางจึงเลือกที่จะไม่เปิดโปง ลูกสะใภ้ใหญ่
ฮูหยินใหญ่พลันเงียบขึ้นมาทันที
เรือนร้อยใจ ฮูหยินใหญ่มองบุตรสาวคนโตของนางคือคุณหนูใหญ่ฉู่ชิงชิง ใบหน้างามนั้นแต่งแต้มด้วยเครื่องหอม อาภรณ์ที่สวมใส่คือชุดกระโปรงสีชมพูลายดอกไห่ถัง เรือนผมสยายยาวลงมาราวกับสายธารดำขลับอย่างงดงาม ด้านบนศีรษะประดับด้วยปิ่นมุขอย่างงดงาม ทำให้ดูหรูหรา
“ท่านแม่ ทำไมนังบ้านนอกต้องมาที่จวนเราด้วยเจ้าคะ” ฉู่ชิงชิงที่นั่งกินขนมอยู่นั้น ถึงกับอารมณ์เสียขึ้นมาทันที เมื่อหวนคิดว่าน้องสาวอีกคนโผล่มาจากที่ไหนก็มิรู้
“เดิมที แม่คิดว่า มันจะตายไปแล้ว ในตอนที่ไล่ออกจากจวน ไม่คิดว่าท่านย่าของเจ้า จะหาตัวมันพบ” เรื่องนี้ฮูหยินใหญ่ก็คาดไม่ถึงเช่นกัน
“ข้าไม่มีวันนับนางเป็นน้องสาวเป็นอันขาด”
“แม่รู้ เจ้ามิต้องกังวล นางมิอาจเทียบรัศมีเจ้าได้ดอก อีกหน่อยให้ข้าจะส่งนางไปแต่งงานไกล ๆ ตอนนี้ให้นางอยู่สบายไปก่อน”
“เจ้าค่ะ” นางเป็นคุณหนูใหญ่ แห่งจวนฉู่ที่เฉิดฉายคนเดียวพอ ลำพังมีน้องสามกับน้องสี่ลูกท่านอา มาเทียบความงามกับนาง ฉู่ชิงชิงก็พลันปวดหัวอยู่แล้ว
เรือนสกาวใจในยามนี้ เจ้าของเรือนพลันเดินสำรวจ รอบ ๆ เรือนแห่งนี้ ด้านหน้าปลูกดอกไม้งาม ด้านในกะทัดรัด ดูอบอุ่นไม่คาดคิดว่า ในอดีตมารดาของนางจะอยู่ในเรือนแห่งนี้
“คุณหนู อภัยให้บ่าวด้วยเจ้าค่ะ ที่บ่าวมิได้บอกความจริง”
“แม่นมจ้าวไม่ผิดหรอก อีกอย่าง แม่นมก็คงหวังให้ข้าลืมอดีต ถึงมิได้บอกข้า ผู้ใดจะไปคิดว่า คนพวกนั้นจะตามตัวข้ากลับมาบ้านเดิม เดิมทีข้าคิดว่าท่านเป็นท่านยายของข้าจริง ๆ ข้าเกิดมามีเพียงท่านดูแล ท่านแม่ก็มาตาย” น้ำเสียงเศร้านัก ฉู่หยีหนิงคิดถึงมารดาที่จากไป
“บ่าวเองก็กลัว คุณหนูคลอดมา ไม่มีใครยอมรับท่าน ทุกคนต่างไล่ข้ากับท่านออกจากจวนฉู่ บ่าวว่า ท่านระวังตัวไว้ก็ดีนะเจ้าคะ ฮูหยินใหญ่อันตรายนัก” ถึงแม้ว่าแม่นมจ้าวไม่บอก นางก็ต้องระวังตัวฮูหยินใหญ่ผู้นี้แน่นอน เกรงว่าเรื่องในอดีตของฉินฮุ่ยเป็นชู้กับคนเลี้ยงม้า ฮูหยินใหญ่เป็นคนจัดฉากเสียมากกว่า
นางมาอยู่ที่แห่งนี้ นางจะต้องทำตัวให้แข็งแกร่งสินะ บัดนี้นางกลายเป็นคุณหนูรองตระกูลฉู่แล้ว นางจะต้องรู้จักกิริยามารยาทของคนเมือง
ในค่ำคืนนั้นเองฮูหยินผู้เฒ่าฉู่ได้เชิญทุกคนให้ไปรับสำรับเย็นที่ห้องโถงในเรือนใหญ่ ฉู่หยีหนิงเดินตามสาวใช้นางนั้นไปตามภูเขาจำลอง จวนฉู่ถือว่าใหญ่เหมือนกันจังหวะนั้น สตรีผู้งดงามในอาภรณ์สีม่วง เดินมาจากทางหนึ่ง คาดว่าคงจะมุ่งหน้าไปเรือนใหญ่เช่นกันกระมัง
“คารวะคุณหนูใหญ่” สาวใช้นางนั้นยอบกายคำนับ สตรีนางนั้น ฉู่หยีหนิงเข้าใจเลยทันที ว่านางคือพี่ใหญ่ของนาง
ฉู่หยีหนิงกำลังจะคำนับฉู่ชิงชิง
“ตายแล้ว มาจากบ้านนอก ช่างไม่รู้มารยาทในเมืองเอาเสียเลย” คุณหนูสามบุตรสาวของท่านอารอง ฉู่เจิ้ง ฉู่เจิ้งตอนนี้มิได้อยู่ในจวน แต่เขาเป็นนายอำเภอที่เมืองฮวยเซียน กระนั้นในจวนนี้ ฉู่หงอิงต้องประจบคนบ้านใหญ่อย่างฉู่ชิงชิง ฉู่หงอิงมีความสนิทสนมกับฉู่ชิงชิงมากพอสมควร เพราะที่ผ่านมาบ้านสายตรงได้แบ่งอาภรณ์ของดีให้คุณหนูสามมาตลอด อาหารการกิน เครื่องประดับ เรื่องนี้ทำให้ฉู่หงอิงประจบสอพอฉู่ชิงชิงพอสมควร ยิ่งเห็นฉู่หงอิงเอ่ยตำหนิ ฉู่หยีหนิงเยี่ยงนี้ ทำให้ฉู่ชิงชิงนึกพอในเสียจริง ช่างคุ้มกับสิ่งของให้ไปเสียจริง ๆ
ฉู่หยีหนิงมองสตรีนางนี้ ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นคุณหนูสาม หรือคุณหนูสี่ บังอาจมาว่านาง เข้าจวนไม่ทันไร นางก็มีศัตรูเสียแล้ว
“น้องสาม อย่าว่าน้องรองเลย” ฉู่ชิงชิงแสร้งตำหนิน้องสามของนาง แต่ในใจสาแก่ใจไม่น้อย ฉู่ชิงชิงต้องสร้างภาพลักษณ์สาวงามที่ดีจิตใจโอบอ้อมอารี นางต้องให้คนอื่นมองนางเป็นคนดีตลอด
ฉู่หยีหนิงมิใช่คนโง่ ที่จะมองฉู่ชิงชิงแสดงละครงิ้วเป็นคนดี เพื่อรักษาภาพลักษณ์สาวงาม
พอโดนพี่สาวคนงามตำหนิ ฉู่หงอิงถึงกับหน้าหงิกขึ้นมาแล้วมองค้อนฉู่หยีหนิง
“น้องรองรีบไปเถอะ ข้าในฐานะพี่ใหญ่ ขอโทษเจ้าแทนน้องสามด้วยก็แล้วกัน” คำพูดดูดีเหลือเกิน ฉู่หยีหนิงปั้นหน้ายิ้มรับฉู่ชิงชิง “เจ้าค่ะ” ฉู่หยีหนิงคร้านจะใส่ใจ นางส่งสายตาให้สาวใช้นางนั้นรีบพานางไปที่เรือนใหญ่ คล้อยหลังฉู่หยีหนิง
“พี่ใหญ่ ท่านจะใจดีกับนางเกินไปแล้ว” ฉู่หงอิงเหมือนจะอยากจะให้ฉู่ชิงชิง จงเกลียดจงชังนังบ้านนอกนั่น
“ไปเถอะ ป่านนี้ท่านย่ารอนานแล้วกระมัง” ฉู่ชิงชิงเดินนำหน้าฉู่หงอิง ในใจก็พลอยมีความสุขนัก ดูท่า นางมิต้องออกแรงอันใด ฉู่หงอิงคงจะต้องหาเรื่องให้นังบ้านนอกนั้นอยู่ไม่เป็นสุขในจวนฉู่เป็นแน่แท้