3
มาถึงอำเภอป้ายเซียง อำเภอป้ายเซียงเป็นอำเภอเล็ก ๆ ของแคว้นต้าเยียน ทั้งสองคนแต่งตัวด้วยผ้าฝ้ายที่หยาบ ๆ
หญิงสาวพลันเดินตามตรอกถนน นางเรียกเสี่ยวซี แต่เขาทำไมไม่ขานรับคำล่ะ นางจึงหันมามองพบว่า เขาหยุดที่หน้าร้านหมั่นโถว
“ไปสิ ไม่มีเบี้ย อย่ามาวุ่นวายที่ร้านข้า เจ้าขอทาน” เถ้าแก่เนี้ย กำลังจะยกไม้มาตีหน้าเสี่ยวซี
“หยุดนะ” นางยื่นเงินห้าอีแปะให้เถ้าแก่เนี้ย เถ้าแก่เนี้ยรีบนำหมั่นโถวให้พวกนางทันที ฉินหยีหนิงมองคนตะกะอย่างเสี่ยวซีที่กินหมั่นโถวอย่างอร่อย
“เจ้านี่มันจริง ๆ เลย”
“พี่สาวอร่อยมากขอรับ”
“เพิ่งกินข้าวไปแท้ ๆ”
“ข้าเดินทางมา มันเริ่มหิวนี่นา” เขารู้สึกว่าตอนลงเขา อาหารมันย่อยไปหมดแล้ว ฉินหยีหนิงไม่สนใจเขา นางมุ่งหน้าไปที่ร้านยา หลังจากที่ขายสมุนไพรเสร็จแล้ว นางมองถุงเงินแล้วยิ้มอย่างพอใจ จากนั้นทั้งสองออกจากอำเภอป้ายเซียง มุ่งหน้าไปทางหมู่บ้านบนหุบเขาของพวกนาง
ใช้เวลาเพียงสองชั่วยาม พวกนางก็ถึงตีนเขาของหมู่บ้านแล้ว แต่ทว่าเหตุใดควันถึงลอยโขมงจำนวนมาก ฉินหยีหนิงคิดว่าที่หมู่บ้านแย่แล้ว พลันเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นมาแน่นอน นางจับมือเสี่ยวซีวิ่งไปที่หมู่บ้าน
ภายในหมู่บ้านบนหุบเขา คนในหมู่บ้านโดนจับมัดมือนั่งรวมกลุ่มกันไว้ ชายหนุ่มชุดดำนับสิบคน พวกมันคือโจรภูเขาค่ายหลุมดำ พวกมันมองเด็กสตรี คนแก่ เหล่าบุรุษ
“เอาของมีค่าของเจ้าออกมา ไม่อย่างนั้น พวกข้าจะเผาเรือนของเจ้าให้หมด” หัวหน้าโจรมันตะโกนขึ้น ผู้คนเหล่านั้นต่างตกใจ บางคนร้องไห้ บางคนถึงกับโขกศีรษะอ้อนวอน
ตุบ !!!
จู่ ๆ ก้อนหินมาแต่ไหนมิรู้กระแทกเข้ากับศีรษะของหัวหน้าโจร จนล้มตึงลงไป
“หัวหน้า” ลูกน้องโจรตกใจไม่น้อยที่หัวหน้าพวกเขาถึงกับสลบลงไป ชายหนุ่มในอาภรณ์หยาบกระด้างพุ่งออกมาจากต้นไม้ใหญ่ เท้าของเขาไม่ถึงพื้นเตะเหล่าบุรุษที่ยืนรายล้อมหัวหน้าโจรกระเด็นไปคนละทิศละทาง เหล่าชาวบ้านอาศัยช่างโกลาหลนั้นหลบไปในที่ที่ปลอดภัย
เหล่าโจรนับสิบต่างนอนร้องโอดโอย เหล่าบุรุษในหุบเขา ต่างช่วยตีเหล่าโจรภูเขาจนพวกมันสลบไปพวกเขาต่างมองบุรุษอาภรณ์หยาบกระด้าง พบว่าเป็นเสี่ยวซี
ฉินหยีหนิงอึ้งงันไม่คิดว่า เสี่ยวซีเป็นวรยุทธ์ นางวิ่งออกมาจากพุ่งไม้ มองหน้าเด็กหนุ่มคนนี้ ชายหนุ่มยิ้มให้พี่สาวคนงาม หลังจากชาวบ้านจัดการส่งเจ้าโจรภูเขาให้ทางการเรียบร้อยแล้ว พวกเขาทุกคนต่างขอบคุณเสี่ยวซี ไม่คิดว่าชายปัญญาอ่อนจะมีประโยชน์ต่อพวกเขามาก
หญิงสาวนั่งมือเท้าคางในเรือนมองเสี่ยวซีไม่กะพริบตาเลยแม้แต่น้อย หวนคิดกระบวนท่าของเขาที่เหินฟ้าถีบเหล่าโจรจนนอนกองกับพื้น ฉินหยีหนิงแทบไม่เชื่อสายตา
“เสี่ยวซี เจ้าเป็นวรยุทธ์” พี่สาวคนงามจ้องเขาตาไม่กะพริบจริง ๆ
“พี่สาวคนงาม ข้าไม่รู้หรอก รู้เพียงว่าต้องต่อสู้” ตอนนั้นเขามิอาจทนเห็นผู้คนบริสุทธิ์โดนทำร้ายได้ จึงต้องช่วยเหลือทุกคน
“น้องชายของข้าเป็นคนดีเสียจริง”
“แม่นางฉิน ข้านำของมามอบให้เสี่ยวซี” เสียงตะโกนหน้าเรือนดังขึ้น นางลุกไปดูพบว่า ป้าจางนำขนมดอกกุ้ยมาหนึ่งจาน อีกทั้งมอบให้เสี่ยวซี เพราะเขาช่วยเหลือคนในหมู่บ้านรอดตาย นับแต่นั้นมาเสี่ยวซีเป็นที่รู้จักของคนในหมู่บ้าน อีกทั้งยังเป็นที่รักของคนพวกนี้อีกด้วย
ฤดูหนาวยังคงมีหิมะตกหนักอย่างต่อเนื่อง ฉินหยีหนิงมองเสื้อขนสัตว์แขนยาวไม่พอตัดให้เสี่ยวซีเป็นแน่แท้ นางคิดว่าวันพรุ่งต้องไปที่อำเภอป้ายเซียงซื้อเสื้อขนสัตว์มาตัดเป็นเสื้อคลุมให้เสี่ยวซีเสียแล้ว
ยามเช้าวันต่อมา อากาศค่อนข้างเย็น นางให้เสี่ยวซีอยู่ในเรือนผิงไฟในเรือนเป็นเพื่อนท่านยาย แต่ชายหนุ่มไม่ยอม เขาต้องการที่จะลงเขาไปกับนางด้วย กระนั้นทำให้นางต้องจำใจให้เขาตามมาด้วย ท้องถนนเต็มไปด้วยหิมะ ทั้งสองเดินผ่าความเย็นไป หญิงสาวแทบจะตัวแข็งแล้ว
“พี่สาวคนงาม ขึ้นหลังข้าเถอะ” เขามิอาจทนเห็นนางเดินลำบากได้
“ก็ได้” กระนั้นนางจึงขี่หลังเขา จากนั้นกอดคออย่างแน่น ใบหน้างามแนบกับใบหูของเขา หญิงสาวสังเกตเขาอย่างใกล้ ๆ ช่างเป็นบุรุษที่หล่อนัก ถ้าเกิดเขาฟื้นความจำได้ นางคงต้องสูญเสียเสี่ยวซีตลอดชีวิต คิดแล้วมันก็ใจหายเหมือนกัน
เสี่ยวซีแม้จะหนัก แต่เขาก็มิเอ่ยปากบ่นสักคำ ในที่สุดเขาก็พานางมาถึงประตูเมือง อำเภอป้ายเซียง โชคดีหน่อยที่หิมะหยุดตกไปแล้ว หญิงสาวลงจากหลังเขา
“ขอบคุณเจ้ามาก”
“ขอรับ”
หญิงสาวเดินมุ่งหน้ามาที่ร้านผ้าของเมืองป้ายเซียง ผ้าแต่ละผืนถูกวางอย่างระเบียบเรียบร้อย นางต้องการผ้าขนสัตว์เพื่อมาตัดเป็นชุดคลุมให้เสี่ยวซี
“พี่สาว ข้ารอข้างนอกนะขอรับ” หญิงสาวพยักหน้าเป็นเชิงว่าได้ ชายหนุ่มก้าวเดินออกไป ข้างในดูวุ่นวายโดยแท้
ในระหว่างที่ชายหนุ่มรอพี่สาวอยู่หน้าร้านผ้านั้น ได้มีคนกลุ่มหนึ่งเดินมาหาเขาพร้อมถือแผ่นกระดาษมาด้วย
“เจ้ารู้จักคนในรูปหรือไม่” เสี่ยวซีมองบุรุษชุดดำทันที
ชายผู้นั้นอึ้งงัน ไม่คิดว่า เขาจะหานายท่านเจอ “นายท่าน จริง ๆ ด้วย พวกเราเจอนายท่านแล้ว” ชายผู้นั้นตะโกนขึ้นมา เสี่ยวซีอึ้งงันมีคนมาจับตัวเขา
“ปล่อยข้านะ ปล่อย” เขาโดนชายชุดดำลากตัวไป ท่ามกลางฝูงชนที่แออัด เสี่ยวซีต่อสู้กับชายพวกนั้น พวกเขางงกับเจ้านาย เหตุใดจึงจำเขาไม่ได้ กระนั้นบุรุษชุดดำจึงใช้ฝ่ามือทุบหลังเสี่ยวซี
ฉินหยีหนิงมัวยุ่งกับการเลือกผ้า นางจ่ายเงินเรียบร้อยแล้วเดินออกมา พบว่าเสี่ยวซีหายตัวไปแล้ว นางจึงถามคนแถวนั้น พบว่ามีบุรุษสี่ห้าคนลากตัวเสี่ยวซีไป ใบหน้างามพลันตกใจไม่น้อย นางวิ่งตามหาเสี่ยวซีทั่วอำเภอป้ายเซียงไม่เจอ จนพลบค่ำกลับหมู่บ้านคนเดียวด้วยท่าทีที่เศร้า
เมื่อมาถึงเล่าเรื่องทุกอย่างให้ท่านยายฟัง เวลาผ่านไปหนึ่งเดือนฉินหยีหนิงกินไม่ได้นอนไม่หลับ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา นางตามหาเสี่ยวซีมาตลอด ได้แต่มองหยกในมือของตัวเอง ของสิ่งนี้คือสิ่งที่เสี่ยวซีติดตัวมา หยกพกสีเขียวสลักคำว่า เยว่ หรือนี่อาจจะเป็นชื่อเขา เสี่ยวซีจะเป็นอย่างไรบ้างนะ
“ยายเฒ่าจ้าว มีคนมาหา” เสียงตะโกนหน้าลานเรือน ทำให้สองยายหลานเปิดประตูเรือน ยายเฒ่าจ้าวตกใจจนตัวสั่น รถม้าที่งามวิจิตรจอดที่หน้าเรือน ฉินหยีหนิงมองสตรีสูงวัยพร้อมกับสาวใช้อีกสองนาง ย่างกรายเข้ามาในเรือนของพวกนาง หญิงสาวมองไปที่ท่านยายของนาง
ท่านยายไปรู้จักคนใหญ่คนโตในเมืองได้อย่างไร
สตรีสูงวัยแต่งกายด้วยผ้าต่วนอย่างดีสีน้ำตาล บนศีรษะของนางนั้นปักด้วยปิ่นอย่างงดงาม การเดินของนางเดินเนิบช้า ฉินหยีหญิงจ้องสตรีนางนั้นอย่างไม่กะพริบตา
“แม่นมจ้าว” น้ำเสียงราบเรียบเอ่ยขึ้น
“แม่นมหม่า” ยายเฒ่าจ้าวเข่าอ่อนทันที สิบห้าปีแล้วที่มิได้เจอกัน
“ท่านยาย นี่มันอะไรกันเจ้าคะ” นางมองท่านยายของนางกับแม่นมหม่าสลับกันไปมา
“คุณหนู ท่านคือคุณหนูรอง ฉู่หยีหนิง ข้าแม่นมหม่าเป็นคนรับใช้ของฮูหยินผู้เฒ่าฉู่ให้มารับท่านกลับไปที่จวนฉู่เจ้าค่ะ”
แม่นมหม่าบอกว่านางคือคุณหนูรองฉู่อย่างนั้นรึ เท่าที่นางจำความได้ ยายเฒ่าจ้าวบอกนางว่า มารดาของนางฉินฮุ่ยนั้น ตายตอนคลอดนางออกมา พวกนางสองแม่ลูกไม่มีที่ไป ยายเฒ่าจ้าวจึงรับเลี้ยงดูนาง แปลว่าที่ผ่านมาแม่นมจ้าวโกหกนางอย่างนั้นรึ
“คุณหนู ข้าจำเป็นต้องโกหกท่าน” แม่นมจ้าวพูดด้วยเสียงอ่อย และเล่าความจริงให้ฟัง ในตอนนั้นหลังจากที่อนุฉินหรือคุณหนูฉินฮุ่ยของแม่นมจ้าว คลอดฉู่หยีหนิงออกมา นายท่านฉู่ไม่ยอมรับ เพราะฮูหยินใหญ่ได้บอกว่าฉินฮุ่ยมีความสัมพันธ์กับบุรุษเลี้ยงม้า กระนั้นจึงทำให้ แม่นมจ้าวกับคุณหนูรองฉู่ถูกขับไล่มาที่มาที่หมู่บ้านบนหุบเขา
ฉู่หยีหนิงงงไปหมดแล้ว แค่คำพูดฮูหยินใหญ่ บิดาของนางถึงกับหูเบา
“ข้าไม่กับไปหรอก”
“คุณหนูกลับไปเถอะเจ้าค่ะ สิบห้าปีที่ผ่านมา ฮูหยินผู้เฒ่าเองก็รู้สึกผิดไม่น้อย” แม่นมหม่าในฐานะคนสนิทของฮูหยินผู้เฒ่าฉู่ รู้ว่าเจ้านายของนางเองก็รู้สึกผิดไม่น้อย
“คุณหนูไปอยู่ในฐานะเดิมของท่านเถอะเจ้าค่ะ” แม่นมจ้าวเอ่ยขึ้น นางเองก็ไม่ต้องการให้เจ้านายมีฐานะต่ำต้อยเยี่ยงนี้
หลายปีผ่านมานี้ แม่นมจ้าวคิดว่าคุณหนูของนางไม่อาจกลับเข้าสู่สกุลเดิมได้อีกแล้ว เพราะวันนี้นางกับคุณหนูโดนขับไล่ออกมานั้น นายท่านฉู่บอกเองว่า คุณหนูฉู่หยีหนิงมิใช่บุตรสาวของเขา
ในรถม้าหญิงสาวนั่งนิ่ง นางไม่รู้ว่าจะดีใจหรือเสียใจดี ที่ได้เป็นคุณหนูรองตระกูลฉู่ อีกทั้งบัดนี้บิดาดำรงตำแหน่งเป็นราชครูของรัชทายาท
“คุณหนูรองท่านมิต้องกังวลไป ฮูหยินผู้เฒ่าจะต้องเอ็นดูท่านเป็นแน่แท้” แม่นมหม่ามองฉู่หยีหนิง ใบหน้าของนางนั้นคล้ายบิดาเจ็ดส่วนก็ว่าได้ ใบหน้าเหมือนบิดาราวกับแกะขนาดนี้ ดูสิว่านายท่านฉู่จะมิยอมรับได้อย่างไร หลายปีมานี้นางคงจะลำบากไม่น้อย