บทย่อ
ยิ่งเขาเดินไปใกล้ ๆ นาง กลิ่นกายของนางช่างหอมยิ่งนัก ฉู่หยีหนิงพลันมองเขา ในหัวใจของนางเกิดการตีกันรัวรัว บุรุษผู้นี้ ริมฝีปากแดงงามราวกับอิสตรี นี่เขามิได้เป็นปัญญาอ่อน เขาหลอกคนอื่นอย่างนั้นรึ ใบหน้าของเขานั้นคล้ายเสี่ยวซีจริง ๆ หรือว่าเสี่ยวซีกับรุ่ยอ๋องจะมีความเกี่ยวข้องกัน
1
ยามบ่ายของวันนั้น บรรยากาศค่อนข้างแจ่มใสไร้เมฆหมอก ร่างบางในชุดผ้าฝ้ายหยาบ ๆ แบกตะกร้าไว้ด้านหลัง โฉมสะคราญใบหน้างามล้ำ ทอดสายตามองสมุนไพรที่ชูชันอยู่ปลายหน้าผา มืองามหยิบต้นสมุนไพรดึงมันมาอย่างแรง
เกือบไปไหมเล่า นางเกือบจะร่วงลงไปในหน้าผาแล้ว หญิงสาวโนมันลงไปในตะกร้าด้านหลัง นางก็ออกมาจากหมู่บ้านได้หนึ่งชั่วยามแล้ว ได้สมุนไพรไม่กี่ต้นเอง สองเท้าพลันเดินออกจากหน้าผา เสียงต่อสู้ดังขึ้นมาเรื่อย ๆ ด้านหน้าต้องมีคนต่อสู้กันเป็นแน่แท้
ด้วยสัญชาติญาณการเอาตัวรอดของนาง ทำให้หญิงสาวพลันหลบเข้าไปในโพรงหญ้า ดวงตางามสอดส่องออกมาด้านนอก
“พวกเจ้าต้องการอะไร” ใบหน้าที่อาบไปด้วยโลหิตเอ่ยถามบุรุษชุดดำที่ล้อมเขาไว้ ชายหนุ่มไม่คิดเลยว่า เขาแค่มาส่งเงินคลังหลวงให้นายอำเภอป้ายเซียง จะโดนลอบทำร้ายเยี่ยงนี้
“พวกข้าต้องการชีวิตท่านอย่างไรเล่า” พวกมันเอ่ยขึ้น พร้อมกับง้างธนูขึ้นมา ชายหนุ่มคิดว่าถึงอย่างไรเขาก็คงไม่รอดแล้ว สู้กระโดดลงหน้าผาดีกว่า ชั่วพริบตาเดียวร่างหนากระโดดลงไป พร้อมกับลูกธนูนับสิบตามลงไปด้วย
“ไม่น่าจะรอด งานนี้พวกเราต้องได้รางวัลอย่างงามเป็นแน่แท้” พวกมันเอ่ยขึ้นแล้วถอยออกไปจากหน้าผา ฉินหยีหนิงเมื่อแน่ใจแล้วว่าพวกมันออกไปจนหมด ร่างบางมุดเข้าโพรงหญ้าออกมาแล้วเดินไปที่หน้าผา พบว่าด้านล่างทะเลสาบซีหูน้ำจากสีฟ้ากลายเป็นสีแดงก่ำ หรือว่าบุรุษผู้นั้นจะตายไปแล้ว
ไม่ได้ ในฐานะที่นางเป็นหมอ นางจะปล่อยให้เขาตายไม่ได้ คิดได้กระนั้นร่างบางรีบวางตะกร้าไว้แล้วกระโดดลงไปทะเลสาบซีหูอย่างไม่คิดชีวิต
ดวงตางามภายใต้ผิวน้ำที่เย็นเฉียบนางมองหาบุรุษผู้นั้น ร่างหนาค่อย ๆ จมลงก้นทะเล ร่างบางแหวกว่ายไปคว้าเอวหนาของเขาไว้ นางดึงตัวเขาขึ้นมาที่ชายฝั่งอย่างทุลักทุเล
ใบหน้าของเขาช่างหล่อเหลายิ่งนั้นแม้จะชุ่มไปด้วยหยดน้ำ นี่มันเวลาหน้าสิ่วหน้าขวาน นางยังมีอารมณ์ชมความหล่ออีกรึ ฉินหยีหนิงสลัดเรื่องบ้า ๆ ออกจากหัวสมอง ดูเหมือนว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บตรงศีรษะไม่น้อย รอยแผลลึกมาก คงจะเจ็บน่าดู
“ท่าน ท่าน” นางตบหน้าเขาเพื่อให้เขาฟื้น เอามือไปอังที่ใต้จมูกพบว่าเขาหายใจอยู่ ค่อยยังชั่ว กระนั้นนางจึงแบกเขาขึ้นหลัง นางตัวเล็กจะตายต้องมาแบกบุรุษ ท่านยายเห็นคนจะดุนางเป็นแน่แท้ ที่พาคนแปลกหน้ากลับมาด้วย
เรือนไม้ไม่เล็กไม่ใหญ่มาก สองยายหลานอาศัยอยู่ด้วยกัน ยายเฒ่าจ้าวที่ให้อาหารไก่อยู่หน้าเรือน ต้องมองตาค้างเมื่อหลานสาวตัวดี แบกบุรุษแปลกหน้ากลับมา
“อาหนิง เจ้าเอาใครกลับมาด้วย” ยายเฒ่าจ้าวทิ้งข้าวเปลือกลงกับพื้นแล้วตามหลานสาวเข้ามาในเรือน
“ท่านยายปิดประตูด้วยเจ้าค่ะ” หลานสาวตัวดีวางบุรุษรูปงามนั้นที่เตียง เรือนร่างของทั้งสองเปียกโชก เกิดอะไรขึ้นกันแน่
“นี่มันเกิดอันใดขึ้น” ยายเฒ่าจ้าวถามหลานสาวด้วยความอยากรู้
ฉินหยีหนิงได้เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ผู้เป็นยายฟัง ยายเฒ่าจ้าวพลันนึกหวาดกลัวขึ้นมาทันที บุรุษที่ไม่รู้ที่มาที่ไปถูกตามฆ่าจนตกหน้าผา แต่หลานสาวดันไปช่วยไว้ พูดง่าย ๆ หลานสาวของนางเอามือสอดเรื่องของคนอื่นเสียแล้ว ใบหน้าของยายเฒ่าจ้าวมีเหงื่อผุดขึ้นมา
“อาหนิง เจ้าไปช่วยใคร เผื่อนักฆ่ามันจับได้เล่า พวกเราสองยายหลานจะทำอย่างไรดี” นี่คือสิ่งที่ผู้เป็นยายกังวลเป็นที่สุด
“ท่านยาย ข้าเป็นหมอ ข้าทนเห็นคนตายต่อหน้าต่อตามิได้หรอกเจ้าค่ะ” นางเป็นหมอนี่นา จะเห็นคนตายแล้วมิช่วยได้อย่างไร
“ท่านยายพวกมันตามหาเราไม่เจอหรอกเจ้าค่ะ”
ยายเฒ่าจ้าวได้แต่ถอนหายใจให้หลานสาวคนนี้ หลานสาวของนางจะตายเพราะความจิตใจดีโดยแท้
“ถ้าบุรุษผู้นี้ฟื้นเล่า เจ้าจะทำอย่างไร”
“ถ้าฟื้นแล้ว ข้าก็ต้องให้เขาไปจากเรือนของเรา สิ่งสำคัญคือข้าจะต้องรักษาเขาให้หายก่อน ท่านยายท่านเปลี่ยนผ้าให้เขาเถอะเจ้าค่ะ”
ยายเฒ่าจ้าวจำใจทำอย่างหลีกเลี่ยงมิได้ หญิงสาวพลันทำบาดแผลที่หน้าผาก จากนั้นที่แขนของเขาจนเสร็จ ดูจากการแต่งกายของบุรุษผู้นี้ เป็นคนจากเมืองหลวงเป็นแน่แท้ อาภรณ์ของเขายายเฒ่าจ้าวนำไปตากไว้ ฉินหยีหนิงมองใบหน้าหล่อเหลา คิ้วประดุจกระบี่ เรียวปากหนางดงามราวกับอิสตรี ช่างเป็นบุรุษคล้ายสตรีเสียจริง
“แม่นางฉิน อยู่หรือไม่” หน้าเรือนยามนี้ชาวบ้านคนหนึ่งมาตะโกนเพื่อขอความช่วยเหลือ
ฉินหยีหนิงไม่รอช้ารีบเดินไปที่หน้าเรือน ยายเฒ่าจ้าวมองหลานสาวคนงามเดินไปที่หน้าเรือน นางช่างเป็นคนจิตใจดีเหมือนมารดานางเหลือเกิน เพราะฉินฮุ่ยเป็นคนดีเกินไปถึงได้โดนรังแก ยิ่งคิดถึงฉินฮุ่ยยายเฒ่าจ้าวใบหน้าเศร้ามาทันที…
หลังจากที่นางออกไปหน้าป้าสวีที่หน้าเรือน นางก็กลับมาบดยาสมุนไพรต่อ คนในหุบเขาต่างรู้ว่านางเป็นศิษย์ท่านหมอซู พวกเขาจึงมาขอเทียบยาจากนางไปกิน หญิงสาวช่วยเหลือผู้คนโดยไม่คิดเบี้ยหวัดเลยแม้แต่น้อย ชาวบ้านที่นี่ล้วนมอบข้าวปลาอาหารให้พวกนางสองยายหลานเพื่อตอบแทนน้ำใจ ฉินหยีหนิงคิดว่าการช่วยเหลือคนได้บุญกว่าสร้างวิหารเจดีย์ มากกว่าสิบเท่า อีกทั้งนางยังสัญญากับท่านหมอซูว่าจะรักษาคนไข้ยากไร้ด้วย
ดวงตาดอกท้อพลันลืมขึ้นมา พบหญิงงามในอาภรณ์สีขาวที่หยาบกระด้าง ใบหน้านางเกลี้ยงเกลานัก มือของนางถือขวดกระเบื้องอยู่ เขามาอยู่ในเรือนไม้ไม่เก่ามากนัก
“โอ๊ย!!!” หญิงสาวทิ้งขวดกระเบื้องสาวเท้าไปหาเขาที่เตียง มองชายหนุ่มกุมศีรษะ
“ท่านเป็นอย่างไรบ้าง” ดวงตากระจ่างใสของเขามองสตรีตรงหน้า แม้จะมิได้สวมใส่อาภรณ์ที่งดงาม แต่นางก็งามนัก
“พี่สาวคนงาม ที่นี่ที่ไหน” บุรุษผู้นี้เรียกนางว่าพี่สาวคนงาม ฉินหยีหนิงอึ้งงัน อย่าบอกนะบุรุษผู้นี้เป็นปัญญาอ่อนไปเสียแล้ว
ตกเย็นของวันนั้น
ยายเฒ่าจ้าวมองบุรุษรูปงามนั่งน้ำลายไหลเล่นตุ๊กตาปั้นดินเผาของฉินหยีหนิง ตุ๊กตาตัวนั้นเป็นของนางเองล่ะ นางชอบเก็บสะสม คิดไม่ถึงว่าจะได้ให้คนแปลกหน้าที่ช่วยไว้กลายเป็นปัญญาอ่อน ได้นำมันมาเล่น
“แล้วจะทำอย่างไรดีเล่า เขากลายเป็นปัญญาอ่อนเสียแล้ว” ยายเฒ่าจ้าวเอามือเท้าคางอย่างเหนื่อยใจ
ฉินหยีหนิงคิดว่าคงจะไล่เขาไปยามนี้ คงจะไม่ดีกระมัง ดูสิน้ำลายยืดออกขนาดนั้น อีกอย่างหันมายิ้มให้นาง
“ท่านยาย ข้าว่า รอให้สมองเขากลับมาเป็นปกติแล้วค่อยไล่เขาไปเถอะเจ้าค่ะ” ดูสิยามนี้ แค่เดินออกจากเรือน นางยังไม่กล้าจะให้เขาไปไหนเลย เพราะกลัวเขาจะหลง สมองยิ่งไม่ปกติอยู่ด้วย
“เอาล่ะ ตามใจเจ้าแล้วกัน ข้าไปจัดสำรับเย็นก่อน” ยายเฒ่าจ้าวเดินไปที่หลังเรือนแล้วนำสำรับเย็นสามอย่างมาวางไว้ที่โต๊ะกลม ฉินหยีหนิงพาบุรุษผู้นั้นไปล้างมือที่หลังเรือน ชายหนุ่มมองพี่สาวคนงามของเขา เขาอดที่จะยิ้มมิได้
“พี่สาว ข้าชื่ออะไรรึ” หญิงสาวมองดวงตาของเขาเพื่อจะตรวจสอบว่า เขาแกล้งความจำเสื่อมจริง ๆ หรือ เป็นจริง ๆกันแน่ แววตาสีดำสนิท เขาสบตานาง แววตานั้นมีแต่ความใสซื่อ นางละสายตาจากเขา
จะเรียกเขาว่าอะไรดี นางเจอเขาที่ทะเลสาบ
“เสี่ยวซี เจ้าคือเสี่ยวซี”
ทั้งสามคนมาที่โต๊ะกินข้าว หญิงสาวคีบอาหารให้เขา ชายหนุ่มทำตัวเป็นเด็กน้อยเจ็ดขวบจริง ๆ ให้ฉินหยีหนิงป้อนข้าว ชายหนุ่มตัวโตทำตัวราวกับเด็กน้อย นางอดขำมิได้ ถ้าเขาหายดี เขาคงจะโกรธนางกระมัง ดูท่าเขาอายุมากกว่านางสิบปีด้วยซ้ำ นางอายุเพียงสิบห้าปีเท่านั้น