2
ยามเช้าของวันถัดมา ฉินหยีหนิงตื่นขึ้นมาว่าบุรุษผู้นั้นตื่นแต่เช้า เขาไปไหนของเขา วันนี้จะให้เขาพักผ่อนอยู่เรือนกับท่านยาย เพราะบาดแผลของเขายังไม่หายดี
“พี่สาวคนงามช่วยด้วย” เสียงดังขึ้นที่หน้าเรือน
หน้าเรือนยามนี้ ชายหนุ่มในชุดสีน้ำตาลหยาบ ๆ วิ่งหนีไก่ตัวไม่ใหญ่ ราว ๆ ห้าตัว เป็นภาพที่หน้าขันเสียจริง เสี่ยวซีไปทำอะไร ไก่ถึงได้จิกเข้าให้
หญิงสาวรีบไปห้ามทัพศึกสงครามระหว่างไก่กับคน
“เสี่ยวซี ทำไมไก่ถึงไล่เจ้าล่ะ” เมื่อเข้ามานั่งในเรือนนางจึงเอ่ยถามเขา
“ข้าตื่นมา เดินเล่นที่หน้าเรือน เห็นข้าวเปลือก เลยให้อาหารมัน พอข้าวเปลือกหมดมันวิ่งไล่ข้า อย่างที่พี่สาวคนงามเห็น” หญิงสาวมองมือหนาใหญ่ขาวเนียนละเอียดประดุจหยกพันปี
“เอาล่ะข้าจะทำแผลให้เจ้า” หลังจากทำแผลเสร็จ หญิงสาวจะขึ้นเขาเพื่อไปเก็บสมุนไพร ให้เสี่ยวซีพักผ่อนที่เรือนกับยายเฒ่าจ้าว
แต่ชายหนุ่มดื้อไม่ยอมอยู่ที่เรือน ยังไงเขาก็จะต้องตามนางไปขึ้นเขาให้จนได้ หญิงสาวกลัวว่าอาการบาดเจ็บของเขาจะหนัก เลยให้เขาพัก แต่ชายหนุ่มบอกว่า ขอแค่ได้ขึ้นเขากับนาง เขาก็หายป่วยแล้ว ฉินหยีหนิงพลันใจอ่อนขึ้นมาทันที
ถ้าบุรุษผู้นี้ความจำกลับมา เขายังหน้ารักเหมือนเสี่ยวซีหรือไม่
ทั้งสองจึงเดินขึ้นเขา หญิงสาวมองร่างหนาที่เดินตามหลังนางมาอย่างไม่รู้สึกเหนื่อยเลยแม้แต่น้อย นางเด็ดสมุนไพรที่เต็มป่า สมุนไพรนี้ชื่อว่าหญ้าหวานสามารถรักษาได้ทุกโรค เสี่ยวซีเองก็เด็ดใส่ตะกร้าด้านหลังของเขา ชายหนุ่มมองใบหน้างามอย่างเพลิดเพลิน เขาพลันรู้สึกว่ามีตัวอะไรไต่ที่มือของเขาก็ไม่รู้
“อ๊ากกกก” หญิงสาวพลันมองชายหนุ่มกระโดดกอดนาง
“เสี่ยวซีเป็นอะไร”
“หนอน ข้ากลัวหนอนพี่สาว” เขาชี้ไปที่ต้นหญ้าหวาน ฉินหยีหนิงมองเจ้าหนอนสีเขียวที่กินหญ้าหวานพลันไต่กระดืบ กระดืบ ทำให้นางนั้นขำพรวดออกมา
“ปล่อยข้าก่อน เสี่ยวซี” ใครจะไปคิดว่าบุรุษตัวใหญ่จะกลัวหนอนได้เพียงนี้ น่าขันสิ้นดี
มืองามจับหนอนสีเขียวใหญ่ขึ้นมา ชายหนุ่มมองหนอนบนฝ่ามือพี่สาวคนงาม เขาทำท่าหวาดกลัว ราวกับหนอนยักษ์เป็นผีอย่างนั้นล่ะ
“พี่สาวอย่ามาใกล้ข้านะ” เขาวิ่งหนีนาง
นางวิ่งตามเขา นานแค่ไหนแล้วที่นางมิได้หัวเราะเยี่ยงนี้ ทั้งสองวิ่งป่านแมวไล่จับหนู วันนั้นทั้งวันได้สมุนไพรเพียงแค่ตะกร้าเดียว พวกนางก็พลันกลับหมู่บ้านทันที
เวลาผ่านไปหนึ่งเดือนช่างรวดเร็วยิ่งนักเข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว ยายเฒ่าจ้าวมองหน้าหลานสาวคนงาม พลางคิดว่าเมื่อไรบุรุษผู้นั้นจะฟื้นความจำเสียที
“นี่ก็ผ่านมาหนึ่งเดือนแล้วนะ บุรุษผู้นั้นเมื่อไรจะฟื้นความจำเสียที” ยายเฒ่าจ้าวหวั่นอันตรายจะเกิดขึ้นกับพวกนาง
ฉินหยีหนิงมองไปที่นอกหน้าต่างพบว่าหิมะกำลังตกอย่างโปรยปราย บุรุษผู้นั้นยืนเล่นหิมะราวกับเด็กน้อยเจ็ดขวบจริง ๆ
“ท่านยาย ข้าคิดว่าคงอีกนานเลยล่ะ ดูเขาสิ เล่นหิมะเยี่ยงเด็กน้อย” สองยายหลานพลางมองบุรุษผู้นั้นปั้นตุ๊กตาหิมะอย่างมีความสุข
คนโดนนินทาเยี่ยงเสี่ยวซีไม่รู้อันใดเลย เขาปั้นตุ๊กตาหิมะขนาดใหญ่เสร็จ เรียกพี่สาวคนงามออกมาดู ด้วยความภาคภูมิใจ
ฉินหยีหนิงสาวเท้าออกมาหน้าลานเรือน บอกชายหนุ่มเข้ามาในเรือน เพราะเดี๋ยวจะโดนไอเย็นเป็นหวัดเอาได้ เสี่ยวซีมองหน้าพี่สาวคนงาม ทันใดนั้นหิมะก็โดนที่หน้าอกนาง
นางไม่คิดเลยว่า เจ้าบุรุษผู้นี้จะหยอกล้อนาง กระนั้นฉินหยีหนิงจึงเล่นปาหิมะกับเขา อย่างสนุกสนาน ยายเฒ่าจ้าวมองมาด้านนอก นางมิได้เห็นหลานสาวหัวเราะเยี่ยงนี้มานานแล้ว การที่บุรุษผู้นี้ปัญญาอ่อนก็ดีเหมือนกัน แต่ถ้าหากเป็นเยี่ยงนี้ต่อไป คนร้ายอาจจะสืบความเจอพวกนางสองยายหลานไม่แย่เอารึ ยายเฒ่าจ้าวได้แต่ภาวนาให้เสี่ยวซีฟื้นความจำโดยเร็วที่สุด
ผลของการเล่นหิมะเมื่อยามพลบค่ำวันต่อมาทำให้เสี่ยวซีป่วยกะทันหัน ฉินหยีหนิงนั่งด้านข้างจับชีพจรชายหนุ่มพบว่า เขาเป็นไข้ นางได้เคี่ยวยาให้เขาดื่ม
หญิงสาววางชามยาที่โต๊ะไม้เตี้ย ปรายตามองใบหน้าหล่อเหลาที่ขาวซีดไร้เลือดฝาด เห็นทีวันนี้นางจะออกไปหาสมุนไพรมิได้เสียแล้ว เพราะต้องดูแลคนป่วยไข้เยี่ยงเสี่ยวซี
“เสี่ยวซี ลุกขึ้นมาดื่มยาได้แล้ว” ชายหนุ่มลืมตาขึ้นมองพี่สาวคนงามของเขาเรียกเขา ร่างหนาอิงหมอนแล้วมองพี่สาวคนงาม กลิ่นของยานั้นทำให้เขาแทบจะอาเจียน เขาไม่อยากจะดื่มมันเข้าไปเลย
“พี่สาวคนงาม ข้าไม่อยากดื่มยาขอรับ” เสี่ยวซีแค่ได้กลิ่นก็ชวนจะอาเจียนอยู่แล้ว
ฉินหยีหนิงใช้ตามองเขาอย่างแรง มิได้เขามิดื่มยา มิหายเป็นแน่แท้
“เสี่ยวซี คนดีของข้า เจ้าดื่มยาเถอะ ถ้าเจ้าดื่ม พี่สาวคนงามจะทำว่าวให้เจ้าเล่น ดีหรือไหม” เพียงแค่เอ่ยว่าว ดวงตาดอกท้อที่งดงามทอประกายความดีใจขึ้นมา ที่นึกถึงของเล่นชิ้นใหม่
“ขอรับ ข้าจะดื่ม” เสี่ยวซีฝืนใจยกชามยาขึ้นกรอกปาก ฉินหยีหนิงเผยอยิ้มออกมา ในที่สุดเขาก็พลันดื่มยาจนได้ ทำให้นางหายห่วง
แต่เรื่องไม่คาดคิดก็พลันเกิดขึ้น
พรวด!!!!
ยาพ่นออกจากปากเสี่ยวซีพุ่งตรงใบหน้างามของฉินหยีหนิงอย่างแรง หญิงสาวไม่คิดว่า บุรุษผู้นี้จะกล้าพ่นยาใส่นาง
“เสี่ยวซี!!!”
“พี่สาวคนงามข้าขอโทษ ขอรับ” จากนั้นเสี่ยวซีก็พลันหาผ้ามาเช็ดหน้าให้พี่สาวคนงามของเขา นางไม่สนใจเขา หญิงสาวย่างกรายเข้าไปในห้องนอนแล้วอาบน้ำผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ทันที เสี่ยวซีมองตามด้วยแววตาสำนึกผิด
ใครจะไปคิดว่ายามันขมขนาดนี้เล่า
ชายหนุ่มมองพี่สาวคนงงามออกมาจากห้องของนาง เขานั้นแทบจะลุกไม่ไหวเสียด้วยซ้ำ แค่พี่สาวคนงามเมินเขา เสี่ยวซีรู้สึกเจ็บปวดหัวใจขึ้นมาทันที
นางรับรู้สายตาเสี่ยวซีมองนาง เจ้าคนบ้า กล้าพ่นยาใส่หน้านาง
“พี่สาวคนงาม ข้าขอโทษขอรับ ท่านไปเคี่ยวยามาให้ข้าใหม่ด้วยเถอะขอรับ” ฉินหยีหนิงเห็นแววตาอ้อนวอนของเขาแล้วทำให้นางอดใจอ่อนมิได้ กระนั้นนางจึงไปเคี่ยวยาให้เขา เวลาผ่านไปหนึ่งถ้วยชา นางเดินมาพร้อมชามยา ชายหนุ่มรับชามยาจากนางแล้วกลืนลงไปอย่างง่ายดาย
“ท่านสัญญาแล้วนะ ว่าจะทำว่าวให้ข้าเล่น”
“อือ เจ้ารีบหายแล้วกัน” หญิงสาวยิ้มให้เขา
ค่ำคืนนั้นผ่านไป อาการป่วยของเสี่ยวซีพลันดีขึ้น เขาเร่งให้ฉินหยีหนิงทำว่าวให้เขาเล่น ยายเฒ่าจ้าวจะบอกว่าชังบุรุษผู้นี้ ก็ว่าได้ ชอบมาอ้อนหลานสาวของนาง ฉินหยีหนิงไม่คิดอะไรมาก นางบอกยายเฒ่าจ้าว เกิดเป็นคนต้องมีเมตตาให้ผู้อ่อนแอกว่า
ยามบ่ายของวันนั้นฉินหยีหนิงพาเสี่ยซีไปเล่นว่าวที่เนินเขา หญิงสาวมองเสี่ยวซีถือว่าวิ่งไปตามลม มุมปากงามผลิยิ้ม นานแค่ไหนแล้วที่นางไม่ได้มีความสุข ชายหนุ่มไม่มีที่มาที่ไปคนนี้ ทำให้นางยิ้มได้หัวเราะได้
“พี่สาวว่าวไปแล้ว” เสี่ยวซีพลันปล่อยว่าวไปตามลม ว่าวรูปผีเสื้อแล่นไปตามลม หญิงสาวมองค้อนเขา กว่านางจะทำว่าวได้ ใช้เวลาสองชั่วยามเชียวนะ เจ้าคนบ้าดันทำว่าวของหายไปกับสายลมเสียแล้ว
“ไปเถอะ กลับเรือนกัน วันพรุ่งพวกเราต้องไปหายามาขาย”
“ขอรับ”
ชายหนุ่มเดินตามหลังพี่สาวคนงาม
พลบค่ำยายเฒ่าจ้าวได้เตรียมสำรับเย็นไว้ให้ หญิงสาวเพิ่งอาบน้ำแต่งตัวเสร็จนางเดินออกมาจากห้องของนาง มองยายเฒ่าจ้าวนั่งที่เก้าอี้ อีกคนหนึ่งหายไปไหนเล่า
“เสี่ยวซีเล่าท่านยาย”
“เห็นว่าออกไปอาบน้ำที่ลำธาร”
“ยามนี้ ยังจะไปอาบที่ลำธารอีก ข้าบอกรอข้าใช้ห้องอาบน้ำเสร็จก่อนก็มิยอมรอ นี่ก็ค่ำมืดแล้ว ถ้าอย่างนั้น ข้าไปตามเขาก่อนแล้วกัน”
“ระวังตัวด้วยนะ”
“เจ้าค่ะ” ยายเฒ่าจ้าวมองหลานสาวก้าวเท้าออกจากเรือนไป
ฉินหยีหนิงถือโคมไฟกระดาษส่องทาง ไปลำธาร ลำธารอยู่หลังหมู่บ้าน ใช้เวลาหนึ่งถ้วยชานางก็พลันมาถึงแล้ว
ชายหนุ่มอย่างเสี่ยวซี เล่นน้ำอย่างสนุกผ่อนคลายเหลือเกินยามนี้ ยิ่งแสงจันทร์พลันกระจ่างลงมา ยิ่งทำให้เขาไม่อยากขึ้นฝั่งเลย สายตาเขาเห็นคนส่องไฟมาทางนี้ ชายหนุ่มรีบหลบข้างโขดหินทันที
ฉินหยีหนิงมองไปโดยรอบพบเพียงความว่างเปล่า เสี่ยวซีของนางหายไปไหนนะ หญิงสาวหมุนเรือนกายกลับไปหมายจะมุ่งหน้าไปที่เรือน
“พี่สาวคนงาม” เสี่ยวซีปรากฏเรือนร่างเปลือยเปล่าต่อหน้าฉินหยีหนิง ดวงตางามแทบจะถลนออกมา โคมไฟในมือล่วงหล่นกับพื้น มืองามปิดหน้าไว้เพื่อจะมิให้เห็นเจ้าสิ่งนั้น
“เจ้าบ้า รีบไปใส่อาภรณ์เดี๋ยวนี้” น้ำเสียงสั่นด้วยความตกใจเอ่ยขึ้นบอกชายหนุ่ม เกิดมานางไม่เคยเห็นอะไรเยี่ยงนี้เลย บัดสีลูกนัยน์ตาเสียจริง
เสี่ยวซีกะว่าจะแกล้งพี่สาวคนงามเสียหน่อย เขารีบสวมอาภรณ์ทันที
“เสร็จแล้วขอรับ”
หญิงสาวจึงลืมตาขึ้นมาพบว่าชายหนุ่มอยู่ในสภาพที่ปกติแล้ว “เสี่ยวซี เจ้าโตแล้ว คราวหลังอย่าเปลือยเปล่าเยี่ยงนี้อีก ห้ามทำเป็นอันขาด”
“ขอรับ เสี่ยวซีจะจำไว้” ชายหนุ่มรับรู้ว่าพี่สาวคนงามโกรธเขาแล้ว มือหนาใหญ่กุมมือพี่สาวคนงามไว้
“พี่สาวอย่าโกรธ เสี่ยวซีเลยนะขอรับ”
“กลับเรือนเถอะ”
ค่ำคืนนั้นฉินหยีหนิงนอนไม่หลับ เพราะต้องเห็นภาพนั้น นางสะดุ้งตอนกลางคืน จะบ้าตาย นางเป็นอันใดไปเนี่ย เอาเจ้าสิ่งนั้นออกจากหัวนางเดี๋ยวนี้
ยามเช้าที่โต๊ะกินข้าว ยายเฒ่าจ้าวทำข้ามต้มปลาให้ทั้งสองกิน คนเป็นยายมองหลานสาวที่ขอบตาคล้ำ ราวกับคนไม่ได้นอนมาทั้งคืน
“อาหนิง เจ้าไม่ได้นอนรึ” คำถามนี้ทำให้นางมองไปที่บุรุษปัญญาอ่อนอย่างเสี่ยวซี ที่กินข้าวต้มอย่างก้มหน้าก้มตา
“ข้านอนไม่หลับเจ้าค่ะ”
“ออ ถ้าอย่างนั้น เจ้ารีบไปส่งยาที่อำเภอป้ายเซียง แล้วรีบมาพักผ่อนเถอะ” หลายวันมานี้ยายเฒ่าจ้าวเตรียมยาสมุนไพรหลายชนิดให้ร้านยาในอำเภอป้ายเซียง ทุกหนึ่งเดือน ฉินหยีหนิงต่อไปส่งยาให้ทางร้าน
“เจ้าค่ะ”
หลังจากกินข้าวอิ่มทั้งสองได้เดินลงเขา ฉินหยีหนิงกับเสี่ยวซีแบกตะกร้ายาคนละอัน ใช้เวลาสองชั่วยามทั้งสองก็พลัน