บทที่ 6 - ทาแผลให้นะเด็กน้อย
กองพลกัดกรามเดินย่างสามขุมตรงไปหาคนที่ยืนหันหลังหอบผ้าห่มคุยโทรศัพท์ พอเดินมาหยุดข้างหลังคนตัวเล็กก็เสียมารยาทกระชากแย่งโทรศัพท์ที่แนบหูเธอมาคุยทันที
ว้าย!
“สวัสดีครับ คุณเป็นใคร?”
“คุณหินคืนมือถือรุ้งนะคะ” เธอมองเขาด้วยสายตาตำหนิไม่พอใจ เมื่อเขาไร้มารยาทมาแย่งโทรศัพท์ในมือตัวเองไป
“แล้วคุณเป็นใคร น้องรุ้งไปไหนครับ” โอมถามกลับพร้อมขมวดคิ้วย่นสงสัยคนที่อยู่ๆ ก็โผล่มาคุยสายกับตนเอง
“ผัว!” กองพลตอบกลับแล้วก็กดตัดสายทิ้งทันที
“คุณหิน! คุณพูดแบบนั้นกับพี่โอมทำไมคะ และเนี่ยมาแย่งมือถือรุ้งทำไม” เธอถามเขาพร้อมแย่งโทรศัพท์ในมือหนาของเขามากำแน่นอย่างไม่พอใจ
“ก็มันถามฉันว่าฉันเป็นใคร ฉันบอกว่าเป็นผัวเธอแล้วผิดตรงไหน และบอกให้นอนพักทำไมไม่นอน หรือว่าอยากต่ออีกไหม ฉันได้นะ สำหรับฉันแล้วเซ็กซ์คือกิจกรรมหลักที่สำคัญกว่างานที่เหมืองเลยแหละ”
“รุ้งจะกลับค่ะ”
“รอค่ำก่อนค่อยแอบออกจากบ้าน ไปตอนนี้คนก็เห็นกันพอดีว่าเธอมานอนที่ห้องกับฉัน ฉันจะซวย! เพราะฉันไม่เคยพาผู้หญิงคนไหนกลับมานอนที่ห้องด้วย แต่เธอ...ฉันจำเป็นถึงได้อุ้มคนที่อ่อนเพลียจนหลับกลับมาด้วย จะทิ้งข้างทางก็กลัวคนอื่นจะมาข่มขืนต่อ”
เผียะ!
พอได้ฟังจบใกล้รุ้งก็อดทนไม่ไหวกับคำพูดเห็นแก่ตัวของกองพล ไม่เคยคิดมาก่อนว่าเขาจะเป็นคนแบบนี้ เสียใจ เสียแรงที่แอบรักแอบมองมาตั้งแต่เด็ก มือเล็กตวัดใส่แก้มสากอย่างเคืองโกรธ หาได้มีความหวาดกลัวในสายตาที่หันกลับมาจ้องมองเอาเรื่องตัวเองตอนนี้ไม่
กรอด!
สองมือใหญ่กำแน่นเข้าหากันด้วยความขุ่นเคืองเดือดดาลเมื่ออยู่ๆ หญิงสาวตรงหน้าก็ตวัดตบหน้าของเขา เกิดมาไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนกล้าทำแบบนี้กับนายกองพลมาก่อน แต่เด็กนี่เป็นใคร กล้าดียังไงมาทำร้ายเขาเช่นนี้
“เธอเป็นแค่ลูกคนงาน กล้าดียังไงมาตบหน้าฉันรุ้ง! กรอด!” เขาเอ่ยลอดไรฟันออกมาด้วยความเดือดดาลแล้วจับหัวไหล่เปลือยของหล่อนเขย่าถามแรงๆ พร้อมกับผลักร่างน้อยให้ล้มลงไปกับพื้น
ตุ้บ!
โอ๊ย!
“รุ้งเจ็บคุณหิน” เธอแหงนเงยหน้าบอกเขาน้ำตาคลอ
“แล้วที่ตบฉัน ฉันไม่เจ็บรึไงเด็กน้อย” แล้วเขาก็เดินผ่านเธอออกไปทางประตูด้วยความเดือดดาลทันที หากอยู่ในห้องนี้ต่อมีหวังได้ตบหล่อนกลับแน่นอน
ปัง!
เสียงกระแทกประตูห้องนอนปิดเสียงดังทำให้เธอสะดุ้งพร้อมกับเสียงสะอื้นไห้ดังลอดออกมาเป็นระลอก
ฮือๆๆ
“คนสารเลว!”
ฮือๆๆ
ใกล้รุ้งปล่อยให้น้ำตาปลอบโยนตัวเองด้วยความเจ็บปวด หมดแล้วความรักตลอดวัยเด็กที่มีให้ชายหนุ่มใจร้ายที่เพิ่งจากห้องไป ทำไมชีวิตต้องมาเจอกับผู้ชายเห็นแก่ตัวแบบนี้ สำหรับกองพลแล้วผู้หญิงก็เป็นเพียงที่ระบายความใคร่เท่านั้น
“แม่งเอ๊ย!” พอออกมาข้างนอกเขาก็สบถหยาบทันที ไม่เข้าใจทำไมต้องโกรธต้องโมโหด้วย ก็แค่เธอคุยกับคนอื่นเท่านั้น แล้วทำไมต้องรู้สึกไม่พอใจด้วย กองพลเดินไปเปิดประตูตู้เย็นออกแล้วคว้าหยิบขวดน้ำออกมาเปิดฝาขวดกระดกขึ้นดื่มรวดเดียวหมด
“อ่า...ให้มันได้แบบนี้สิวะ! ไอ้หินมึงแม่งเป็นเชี้ยอะไรวะ!” เขามองขวดน้ำที่เพิ่งกระดกดื่มจนหมดในมือแล้วกำแน่นจนมีเสียงดัง
แก๊ก!
“เฮ้! ไอ้พี่หินเป็นห่าอะไรวะ!” เสียงห้าวดังขึ้นที่หน้าห้องครัวทำให้เขาต้องตวัดสายตาหันไปมองตามต้นเสียงที่คุ้นเคยแล้วก็ปาขวดน้ำเปล่าในมือใส่ผู้มาใหม่ทันที
ตุ้บ!
ดีที่กองทัพหลบทันเลยทำให้ขวดน้ำตกกระทบกับพื้นแทนที่จะโดนตัวที่มีค่าของเขา
“รุนแรงจังวะ! แล้วเป็นอะไร ทำไมถึงอยู่บ้านได้ ปกติเวลานี้อยู่เหมืองไม่ใช่เหรอพี่หิน” เขาถามพี่ชายพร้อมเดินเข้าไปหาคนเป็นพี่ที่มองเขาหน้าขรึมเอาเรื่องตอนนี้
“เสือกจังวะ!”
“แม่งพูดไม่เพราะ กูจะฟ้องป้าบู่” กองทัพตอบสวนกลับทันที
“อย่าเอาป้าบู่มาขู่ กูโตแล้วจะทำงานไม่ทำก็เรื่องของกู แล้วมึงเถอะ ทำไมจะมาบ้านไม่เห็นโทรมาบอก”
“ก็เซอร์ไพรส์ไงวะ ว่าไง...ทำไมหงุดหงิด เป็นเชี้ยอะไรไอ้พี่หิน” คนที่จับพิรุธพี่ชายได้ยังคงรอคอยคำตอบ
‘แม่ง! ตอบไงดีวะ! ’ กองพลพึมพำในใจเมื่อมองสายตาจับพิรุธน้องชายออกก่อนจะตอบสวนกลับว่า....
“เสือก! แล้วมึงเถอะไอ้เหิม ว่างเหรอ? ”
“ไม่ว่าง! มีงานกองท่วมหัวแต่พอดีมาคุยงานแถวบ้านเลยแวะมาน่ะ มาดูว่ามึงสบายดีไหม แล้วพ่อไปไหน ทำไมไม่เห็นเลยตั้งแต่มาถึง ส่วนป้าบู่คงนอนอ่านหนังสือนิยายในห้องหนังสือเหมือนเดิมสินะ”
“พ่อไปข้างนอก ป้าบู่คงอย่างที่มึงว่าแหละ”
“แล้วมึงล่ะ ปกติไม่เห็นอยู่ติดบ้าน แล้วทำไมวันนี้ถึงอยู่บ้าน”
“ก็...ก็อยากขี้เกียจบ้างมีไรมากป่ะ แล้วไอ้เหมมันจะกลับมาวันไหน มันได้บอกมึงไหมไอ้เหิม” กองพลถามกองทัพถึงกองบิน น้องชายคนรองตัวเอง เพราะไปฝรั่งเศสติดต่อเรื่องสัมปทานเดินเรือสองอาทิตย์แล้ว
“กูก็ว่าจะมาถามมึงเหมือนกันว่าติดต่อไอ้เหมได้ไหม เพราะมันขาดการติดต่อไปเลยว่ะ ไม่ใช่โดนเจ้าถิ่นอุ้มฆ่าไปแล้วเรอะ!”
“อย่างมันน่ะ อุ้มสาวฆ่าบนเตียงมากกว่า ปล่อยมันเถอะ มันคงยุ่งแหละ งานที่นั่นก็ใช่จะง่าย งานหินเลยนี่หว่า มึงจะค้างบ้านหรือกลับไอ้เหิม” กองพลถามน้องชายคนเล็กกลับ
“ก็ว่าจะกลับ เพราะงานที่สระบุรีใช่จะน้อย เนี่ยแวะมาทักทายเฉยๆ” กองทัพเอ่ยตอบพร้อมกับยกไหล่เล็กน้อย
“งั้นตามสบายนะ เนี่ยก็บ้านมึง กูไปนอนพักผ่อนก่อน วันนี้ขี้เกียจว่ะ!”
กองพลเดินมาตบไหล่น้องชายแล้วเดินผ่านไป ส่วนกองทัพก็ได้แต่ขมวดคิ้วสงสัยพิรุธพี่ชาย แต่ก็ไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไรปิดบัง เขาก็ได้แต่ขบคิดในใจแล้วถอนหายใจเดินไปเปิดตู้เย็นหยิบขวดน้ำออกมาเปิดกระดกดื่มแก้กระหายจนหมดขวด ก่อนจะโยนมันทิ้งลงถังขยะข้างๆ ตู้เย็น
“กลับสระบุรีดีกว่า” เขาบอกกับตัวเองแล้วเดินล้วงกระเป๋ากางเกงออกจากห้องครัวไปทันที แต่ก่อนจะกลับไม่ลืมไปห้องหนังสือ ไปทักทายป้าที่รักก่อนกลับ หากท่านรู้ว่ามาถึงบ้านไม่โผล่หน้าไปให้บ่นมีหวังโดนทุบกระบาลแน่นอนหากท่านรู้ทีหลังว่าเขาแวะมาที่บ้าน