บทที่ 7 - ฉุดเมีย
ผ่านมาสองวันแล้วที่แอบย่องออกมาจากบ้านหลังใหญ่มาบ้านพักคนงานที่เคยอาศัยอยู่กับพ่อแม่ตั้งแต่จำความได้ หรือตั้งแต่เธออยู่ในท้องของแม่ก็ว่าได้ หญิงสาวมองพ่อกับแม่ที่กำลังนั่งดูโทรทัศน์กันที่ห้องรับแขกขนาดเล็กของบ้านพักคนงาน บ้านพักคนงานหลังนี้เป็นบ้านพักที่คุณเกษม พ่อของกองพลยกให้ เพราะพ่อกับแม่เธอเป็นคนงานเก่าแก่ที่อยู่กับท่านมานานเลยให้แยกออกมาจากคนงานคนอื่น
“สละลอยแก้วมาแล้วค่ะ” คนที่หายไปทำสละลอยแก้วก็เดินเข้าไปหาท่านทั้งสองพร้อมถาดถ้วยสละลอยแก้วในมือสองสามถ้วย มีของตัวเองและของพ่อกับแม่
“เสร็จแล้วเหรอรุ้ง” กำปองถามลูกสาวที่นั่งลงข้างๆ โซฟาตัวเล็กที่นั่งกันสามคนพ่อแม่ลูกได้พอดี ใกล้รุ้งหยิบถ้วยสละลอยแก้วส่งให้แม่เพื่อยกให้พ่อและเธอก็ยกวางตรงหน้าแม่อีกหนึ่งถ้วยพร้อมถ้วยของตัวเองก็หยิบยกขึ้นมาตักทาน
“อื้ม...อร่อยชื่นใจจังเลยค่ะ” เธอตักกินไปหนึ่งคำก็อดเอ่ยชมฝีมือตัวเองไม่ได้
“ไหน...อร่อยชื่นใจเหมือนแม่ปองของเราทำให้พ่อกินไหมฮึ” ตันเอ่ยแล้วยกถ้วยขึ้นมาตักกินบ้าง แล้วก็บอกเป็นเสียงเดียวกับลูกสาว
“อ่า...อร่อยชื่นใจจริงๆ แต่ก็อร่อยน้อยกว่าแม่ปองของพ่ออยู่ดี” ตันเอ่ยเย้าหยอกภรรยาที่นั่งข้างๆ ตัวเองอย่างเอาใจ
“เนี่ยลูกนั่งอยู่ด้วยนะคะ หวานอะไรก็เกรงใจลูกบ้างค่ะ ใครจะทำอร่อยเท่าแม่ปองของพ่อตันล่ะคะ ชิ!” เธอย่นจมูกใส่พ่อกับแม่อย่างน้อยใจ แต่ก็แค่แกล้งทำเท่านั้น
“ว่าไปนั่น รุ้งก็ทำอร่อยไม่แพ้แม่หรอกลูก ว่าแต่ทำเยอะไหม สละลอยแก้วน่ะ” กำปองถามลูกสาว เพราะอยากแบ่งไปให้คุณบู่ที่บ้านใหญ่
“ทำเยอะจ้ะแม่ แม่ถามทำไมคะ” เธอกลอกตาถามทันทีอย่างไม่เข้าใจ
“แม่ว่าจะให้รุ้งเอาไปบ้านใหญ่ไปให้คุณบู่สักหน่อยน่ะ สละลอยแก้วของชอบคุณท่านทั้งสองที่บ้านใหญ่น่ะ” นางบอกลูกสาว
“อ้อ...เหรอคะ งั้นหนูตักให้แม่ปองเอาไปให้คุณท่านที่บ้านใหญ่นะคะ”
“หนูเอาไปให้คุณท่านทั้งสองที่บ้านเถอะลูก เนี่ยก็เพิ่งหกโมงเย็นกว่าเอง อีกอย่างตั้งแต่กลับมาหนูก็ยังไม่ได้ไปไหว้คุณท่านเลยนี่” นางบอกลูกสาว
“แต่...” คนที่ไม่อยากไปเจอกับกองพลก็ได้แต่เม้มปากแน่นเมื่อไม่รู้จะปฏิเสธยังไงดี
“แต่อะไรลูก ก็แค่ไปไหว้คุณท่านเองและเอาสละลอยแก้วไปให้เองลูก” ตันเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นลูกสาวนิ่งเงียบไม่พูดต่อ
“ก็ได้ค่ะ งั้นหนูไปตักสละลอยแก้วใส่กล่องก่อนนะคะ จะได้นำไปให้คุณท่านแล้วรีบกลับมาทานมื้อเย็นกับพ่อและแม่”
“จ้า เดี๋ยวแม่ทำกับข้าวรอ จริงๆ เราควรกินของหวานหลังทานข้าว แต่ก็นะ มันอร่อยอดใจไม่ได้จริงๆ”
กำปองเอ่ยพร้อมตักสละลอยแก้วในถ้วยตัวเองทานอีกคำ ส่วนตันเองก็เช่นกัน และใกล้รุ้งก็ถือถ้วยและถาดเดินจากไปเพื่อจะไปตักสละลอยแก้วที่ทำไว้เยอะในครัวใส่กล่องไปให้คุณท่านที่บ้านใหญ่และถือโอกาสนี้ไปไหว้ท่านทั้งสองด้วย
กองพลที่เพิ่งกลับมาจากดูงานที่เมือง วันนี้มีระเบิดเหมืองรอบสองของเดือนนี้เลยวุ่นวายแต่เช้าจนทำให้เขาลืมความหงุดหงิดที่มีต่อใกล้รุ้ง ทำไมน่ะเหรอ เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกัน เพราะวันที่เธอแอบย่องออกจากบ้านไปนั้น เขาและหญิงสาวแทบไม่ปริปากพูดกันสักคำ หล่อนไม่พูด เขาก็ไม่พูดเช่นกัน ทำไมเขาต้องแคร์ด้วยเล่า
“กลับมาแล้วเหรอไอ้หิน”
เขาเดินผ่านหน้าห้องนั่งเล่นที่อยู่ทางผ่านระหว่างเดินไปยังบันไดบ้านก็ต้องหยุดเท้ากึกเมื่อเสียงของพ่อที่เคารพรักร้องเรียกทักดังออกมาจากด้านในห้องนั่งเล่น เขาหยุดเดินแล้วเอี้ยวตัวหมุนเปลี่ยนทางเดินเข้าไปในห้องที่มีพ่อกับป้านั่งอยู่ข้างในโดยไม่ทันสังเกตว่ามีใครบางคนนั่งอยู่กับท่านทั้งสองด้วย เพราะเธอนั่งที่พื้นพรมโดยมีโต๊ะกลางโซฟาบังอยู่
“กินข้าวมารึยังลูก”
บู่ถามหลานชายที่เดินเข้ามาถึงด้านในห้อง ส่วนพ่อหลานตัวดีก็ถึงกับหยุดนิ่งไม่ขยับเดินไปนั่งโซฟาตัวที่ว่าง เพราะสายตาของเขามันกำลังจดจ้องมองร่างเล็กที่นั่งก้มหน้ามองพื้น ส่วนใกล้รุ้งรู้ว่าเขายืนมองก็เอาแต่นั่งก้มหน้ามองพื้นตรงหน้าไม่กล้าแหงนเงยขึ้นมาสบตาคุณท่านทั้งสองและกองพลที่มาใหม่
“ป้าบู่ถาม แกไม่ได้ยินรึไงไอ้หิน” เกษมเอ่ยขึ้น เมื่อลูกชายเอาแต่ยืนนิ่งจ้องมองใกล้รุ้งที่นั่งกับพื้น คนแก่อย่างเกษมถึงกับแปลกใจที่ลูกชายเอาแต่จ้องมองเด็กสาว ‘มันมีอะไรรึเปล่า สายตาแบบนี้น่ะ หรือว่าจะรู้จักกัน แต่ไม่นะ หนูรุ้งกับมันไม่น่าจะรู้จักกัน หรือเราคิดมากไปเองนะ’ เกษมพึมพำถามตัวเองในใจ
“กินมาจากเหมืองพร้อมคนงานแล้วครับป้าบู่” เขาเบนสายตาออกจากใกล้รุ้งมามองหน้าป้าและพ่อตัวเองสลับกัน ก่อนจะเดินไปทิ้งตัวลงนั่งโซฟาตัวที่ว่างอยู่แล้วเอ่ยต่อ “แล้วเด็กคนนี้ใครครับ?” เขาถามทั้งๆ ที่รู้ว่าคือใครและรู้ดีเสียด้วยซ้ำว่าเธอคือใครและรู้ลึกด้วยแหละ
‘ทำเป็นไม่รู้จัก ชิ! คนสารเลว!’ ใกล้รุ้งพึมพำน้อยใจในใจแล้วก็เงยหน้าเอ่ยกับคุณท่านทั้งสองเพื่อจะขอตัวกลับ เพราะไม่อยากนั่งอยู่ที่นี่นาน
“งั้นหนูกลับก่อนนะคะคุณท่าน”
“อือ...กลับเถอะ ส่วนเรื่องงานถ้าอยากมาทำงานที่เหมืองกับพ่อหินก็ได้นะหนูรุ้ง ฉันรับหนูเข้าทำงานเองถ้ามันไม่รับ” เกษมเอ่ยกับเด็กสาวที่ตนเองเอ็นดู
“ขอบคุณค่ะคุณท่าน” เธอเอ่ยขอบคุณพร้อมกับยกมือไหว้ท่านและหันไปยกมือไหว้พี่สาวของคุณท่าน ก่อนจะหันไปยกมือไหว้กองพลอย่างมีมารยาท
“หนูขอตัวกลับก่อนนะคะ ส่วนสละลอยแก้วก็ทานได้เลยนะคะ หนูเพิ่งทำเสร็จใหม่ๆ เลยค่ะ” เธอบอกก่อนจะคลานออกไปแล้วลุกขึ้นยืนเดินออกจากห้องนั่งเล่น
“หนูรุ้งเนี่ยน่ารักจริงเลยนะพ่อเษม พี่ล่ะอยากมีลูกสาวแบบนี้ แต่ก็นะ พี่แก่หมดเมนส์แล้ว แถมผัวก็หาไม่ได้” นางพูดติดตลกในตอนท้าย
“เอาน่า...รอเลี้ยงลูกของไอ้หิน ไอ้เหม ไอ้เหิม แต่ก็นะ ไม่รู้ชาตินี้จะได้เลี้ยงไหม เราสองคนพี่น้อง” เกษมเอ่ยกลั้วขำ
“งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ วันนี้เหนื่อยมากเลยพ่อเษม ป้าบู่” เขาเอ่ยแทรกขึ้นพร้อมลุกขึ้นเดินก้าวยาวๆ ออกไปจากห้องทันที เพราะจะต้องเร่งสาวเท้าตามคนตัวเล็กที่ออกไปก่อนหน้านี้ให้ทัน
“ปล่อยมัน ให้มันใช้ร่างกายมั่วๆ ของมันไปเถอะไอ้หินน่ะ เราคงไม่มีหวังได้อุ้มหลานจากมันหรอก คงรอจากไอ้เหม ไอ้เหิมแล้วแหละพี่บู่”
“พูดไป หลานยังเด็ก ถึงเวลาก็มีเองแหละน่า” บู่เอ่ยตอบกลับ
“เฮอะ! ยังเด็ก เด็กที่อายุจะสี่สิบปีในอีกไม่กี่เดือนแล้วเนี่ยนะพี่”
“ในสายตาพี่ หลานของพี่ทั้งสามเด็กเสมอ ไปกันเถอะ เด็กๆ คงตั้งโต๊ะทานข้าวเสร็จแล้ว สละลอยแก้วก็คงพร้อมทานแล้วแหละ แม่พวกนั้นคงทำเรียบร้อยแล้วพี่ว่า”
“ครับ งั้นไปกินข้าวกัน สองคนเหมือนเดิม ไอ้หินมันกินมาแล้ว” เกษมเอ่ยพร้อมลุกขึ้นแล้วเดินมาประคองพี่สาวตัวเองที่นั่งโซฟาอีกตัวลุกขึ้นพาเดินออกจากห้องนั่งเล่นไปยังห้องรับประทานอาหารที่อยู่อีกห้อง