บทที่ 8 อิสระ
สามเดือนต่อมา
ในห้องขังชั้นล่างสุดเหนือชั้นใต้ดิน สิ่งแวดล้อมดีกว่าห้องเชลย ทว่ามืดมิดพอกัน ร่างสูงบนเตียงเดี่ยวขนาดสามฟุตจุดห้า ไร้ฟูกหนารองนอนผุดลุกนั่ง ด้วยความรู้สึกเบื่อหน่ายเต็มเหนี่ยว กระนั้นยังคงความนิ่งราวกับไม่รู้สึกอะไร
จนกระทั่ง
แสงจากประตูเล็ดลอดเข้ามา คราวนี้ไม่ได้นำอาหารแต่ละมื้อมาให้แค่อย่างเดียว แต่มาบอกข่าวดีกับเขาด้วย
" วันนี้หกโมงเย็น พวกเราจะมาเปิดประตูให้นายน้อยนะครับ "
ซึ่งแน่นอนสิ่งที่ได้คืนมาจากสีหน้าของคนฟังช่างต่างกันกับคนยิ้มแป้นนำข่าวมาบอก พวกเขาดีใจแทนเขา ทว่าเขากลับก้มหน้าก้มตากินอาหารที่เอามาให้ด้วยท่าทีนิ่งเฉย หนวดเคราที่ไม่ได้โกนมานานเป็นเวลาสามเดือนกระตุกไปมาตามแรงเคี้ยวเนื้อย่างชิ้นใหญ่ ความเงียบขรึมจึงทำให้ลูกน้องเพิ่งมาใหม่อีกสองคนถึงกับหุบยิ้มทันควัน หันมองหน้ากันอย่างมึนงง ก่อนจะโค้งศีรษะพากันออกไปอย่างเงียบเชียบ เปิดเพียงหน้าต่างบานเล็กไว้ เพื่อการมองเห็นในตอนรับประทาน
ช่วงเวลาเดียวกันด้านของสการ์เล็ตต์ โคลนี ร่างบางสะลึมสะลือตื่นจากการนอนเพราะเสียงนาฬิกาปลุก เธอมักตื่นเวลานี้เป็นประจำเนื่องจากทำงานกลางคืนแล้วเลิกดึก บางวันพนักงานไม่พอรับงานเพิ่มล่วงเวลาไปถึงเช้า และจะต้องเข้างานในเวลาห้าโมงเย็นเพื่อเตรียมอุปกรณ์ กับความพร้อมทั้งกายและใจในการผสมแอลกอฮอล์ ให้กลายเป็นคอกเทลรสชาติแสนอร่อย ช่วงเวลาหลังเที่ยงจรดบ่ายสามโมงจึงเป็นเวลาของการจัดเตรียมอย่างอื่น อาทิเช่นการเก็บกวาด จัดห้อง ทำงานบ้าน เป็นต้น ส่วนชั่วโมงหลังยกให้การเดินทางทั้งหมด หากวันไหนไม่มีอุปสรรคเกี่ยวกับเรื่องรถติด หรือโชคร้ายไปเจอะเจอแก็งทวงเงินจากการหยิบยืมของพี่ชายหาเรื่องมาให้เธอ วันนั้นจะถือว่าเป็นผลกำไรทำให้เธอถึงก่อน จะได้มีเวลาเตรียมตัวอีกประมาณหนึ่ง ไม่ต้องฉุกละหุกจนลนลานมือไม้สั่น
ทว่า เรื่องแบบนั้น ณ เวลานี้ คงไม่มีอีกแล้ว...
ยิ่งช่วงแขกเยอะจากงานปาร์ตี้สุดสัปดาห์ก็ยิ่งแล้วใหญ่ เปรียบเสมือนนรกของเธอกับเพื่อนร่วมงานที่ชื่อว่า ' กรีน ' ก็ยิ่งต้องทำสมาธิกันมากขึ้น อย่างน้อยภาวนาอย่าให้รีบจนเหล้าหล่นแตกเป็นพอ ไม่อย่างนั้นเงินเดือนทั้งเดือนของพวกเธอ คงต้องประเคนให้บรั่นดียี่ห้อนั้นๆ ที่แพงหูฉี่เสียจนหูอื้อ!
" ฟุ่ว~ "
โคลนีพ่นลมหายใจพรืดใหญ่ หลังสูดลึกเข้าไปถึงปอด ระบายความขี้เกียจ เมื่อเสร็จภารกิจส่วนตัวทุกอย่าง และถึงเวลาจะต้องออกไปล่าเงิน ก่อนหรี่ตาลงต่ำไปยังโต๊ะเครื่องแป้งที่มีเครื่องสามาร์ทโฟนสั่นคลอนอยู่บนนั้น
" ฮัลโหล "
พลางขมวดคิ้วเข้าหากันเป็นปม เมื่อได้ยินข่าวจากปลายสาย
(เธอ วันนี้ใส่ทักซิโด้นะ)
" อ่าวทำไมล่ะ? "
(ผู้จัดการเพิ่งจะแจ้งมา วันนี้มีโชว์)
" ปาร์ตี้เหรอ อะไรกันยังไม่สุดสัปดาห์เลย หรือใครมาขอจัดงานวันเกิด "
(ไม่น่าจะใช่ เห็นว่าฉลองต้อนรับอะไรสักอย่าง ของพวกคนรวยน่ะ เอาน่า..อย่าเพิ่งถาม ยังไม่ออกมาใช่ไหม)
" ยัง เปลี่ยนชุดทันอยู่ "
(โอเค งั้นแค่นี้แหละ ไว้เจอกัน)
" อือ.."
ก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาอีกครั้งด้วยความรู้สึกเซ็ง พร้อมปลดกระดุมเสื้อ
สถานที่บันเทิง xxx
ร่างบางในวัยยี่สิบห้าปีวิ่งลงจากรถประจำทางข้ามถนนมายังอีกฟากด้วยความเร็วสูง ก่อนจะชะลอหยุดอยู่ตรงหน้าคนที่สูงกว่า
กรีน ชายหนุ่มลูกผสมชื่อพยางค์เดียว ยืนยิ้มแฉ่งโชว์ฟันสวย ไม่ได้สนใจเสียงหอบหืดของคนตรงหน้า มากไปกว่าความเท่จากสรีระ
" แมนจัง "
พร้อมกับปล่อยหมัดกระแทกไหล่มนเบาๆ เป็นเชิงแซว ทว่าหญิงสาวกลับทำหน้ามุ่ย แสร้งทำเป็นงอน
" ไอ้บ้า คนกำลังเหนื่อย "
" ผมเร่งเธอเหรอ?"
" ไม่มั้ง "
ส่วนเขากลับเลิกคิ้วสูง ยิ้มยียวนให้กับท่าทีกระฟัดกระเฟียดนั่น ซึ่งดูน่ารักเป็นพิเศษกับทรงผมสีดำของเธอ ที่ถักเปียทั้งสองข้างแล้วนำมามัดรวมกันเป็นหางม้าตรงท้ายท้อย ความยาวของปลายผมม้วนลอนแค่ตะขอบราเซีย เขาไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่าลุคนี้เข้ากันกับเธอมาก ดูทะมัดทะแมงราวกับสาวห้าว แต่ในขณะเดียวกันรูปร่างบอบบางนั้นกลับทำให้ดูน่าทะนุถนอม ก่อนจะหลุดจากภวังค์เพราะเสียงเรียกขาน ที่ดังอยู่ไกลๆ
" กรีน มัวทำอะไรอยู่ ใกล้ถึงเวลาแล้วนะ ของน่ะเตรียมเสร็จแล้วเหรอ?"
พลางกะพริบตาถี่ ด้วยความมึนงง เธอเดินนำเขาไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่อาจรู้
6 โมงตรง
ประตูเหล็กหนาชนิดหากทับใครสักคนคงต้องใช้เครื่องช่วยยก ค่อยๆถูกเปิดออก เผยใบหน้าซังกะตายของคนข้างใน ที่ไม่มีอารมณ์ร่วมเท่ากับคนตรงหน้าซึ่งยืนกอดอกยิ้มแป้น ส่วนอีกคนมือคู่ล้วงกระเป๋ากางเกงยักคิ้วหนา บ่งบอกถึงการต้อนรับกลับเข้าสู่โลกปกติ บอกลาโลกอันมืดมิดไร้สีสันของเขา ทว่าเจ้าของใบหล่อเหลาแต่หน้าเรียบเฉยเต็มไปด้วยเคราหนวด กลับมองเป็นเยาะเย้ยกันซะงั้น
จังหวะกำลังเข้าใกล้ ควรจะหยุดทักทายก่อน เลยกลายเป็นเดินผ่าน แสร้งทำเป็นมองไม่เห็น
แต่แล้ว..
กลับถูกท่อนแขนแกร่งของเรอัสซ์ล็อกคอ กระชากกลับมา
" เฮ้! ในห้องมืดมันทำให้มึงตาบอดด้วยรึไง ถึงมองพวกกูไม่เห็นเนี่ย "
"ฮันแน่~ ทำเป็นขรึม ไม่เอาน่าเฮีย ยิ้มหน่อยดิ วันนี้ครบสามเดือนแล้วนะ ไม่ดีใจหน่อยเรอะ "
พร้อมคำแซวของพาสคาล
บรูโน่หรี่ตามองคนทั้งคู่ สีหน้านิ่งเฉย กว่าจะยกยิ้มมุมปากเล่นเอาเรอัสซ์และพาสคาลหายใจไม่ทั่วท้อง กลายเป็นจุกภายหลังก็ตอนบรูโน่ปล่อยหมัดหนักใส่ท้องเขา เมื่อเขาพูดประโยคนี้จบ
" หรือว่าอยากจะกลับเข้าไป เข้าใจอยู่นานคงคิดถึง"
ส่วนเขากัดฟันกรอด
" สาบานเลย มีโอกาสกูจะระเบิดห้องนี้ทิ้งซะ "
" ฮ่าๆๆ เอางั้นเลย?"
จากนั้นจึงจะพากันกอดคอเดินออกไป ไม่หันกลับมามองอีก สลับกับเสียงหัวเราะเป็นระยะๆ
" คืนนี้ ไปฉลองกันไหมเฮีย "
" ไม่ ต้องไปพบอาก่อน "
" ก็หลังจากเจอลุงไง ไปเถอะ ผมกับเฮียเรสมีที่เด็ดๆ ให้เฮียไป "
" อะไร! มึงคนเดียวเถอะ "
" อ่าว ทำไมกลายเป็นผมคนเดียวอีกแล้วล่ะ ก็เฮีย.."
" นอกจากตาบอด หูกูน่าจะมีปัญหาด้วยนะเนี่ย เริ่มอยากกลับเข้าไปในนั้นแล้วว่ะ กูว่าในนั้นน่าอยู่กว่าข้างนอกเยอะ "
" ถามจริง?"
" อย่างน้อยก็ดีว่าอยู่กับพวกมึงตอนนี้!"
" ฮ่าๆๆ "
" สรุปไปนะเฮีย อยากบอกว่า.. ผู้หญิงเด็ด "
" เฮ้อ! ไอ้นี่.."