บท
ตั้งค่า

บทที่6

ครอบครัวหลี่หลิวมาถึงตลาดยามเช้าได้จองพื้นที่เพื่อที่จะขายอาหาร พวกเขาจุดเตาตั้งกระทะ และจัดข้าวของวางเรียงกันอย่างเป็นระเบียบตรงพื้นริมถนนถัดจากร้านขายผักป่า ซึ่งน้ำมัน ซอสถั่วเหลือง กระเทียม ต้นหอมพร้อมกับเกลือได้ถูกเตรียมพร้อมมาอย่างดี ท่านพ่อนำกระบองคบเพลิงมาจุดแล้วตั้งไว้ไม่ห่างจากกระทะ เพื่อที่จะให้หลี่หลิวมองเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้น เขาถึงกับลงทุนเดินไปซื้อคบเพลิงนี้มา หลี่หลิวกล่าวขอบคุณท่านพ่อพร้อมด้วยรอยยิ้มอันแสนสดใส

นางตักน้ำมันหนึ่งกระบวยใส่กระทะเหล็กขนาดใหญ่ พอเริ่มร้อนก็ใส่กระเทียมที่พึ่งทุบเจียวจนหอมได้ที่ ตามด้วยหน่อไม้ลงไปผัดให้เข้ากัน ทำให้เกิดเสียง ฉ่า ฉ่า ฉ่า กลิ่นหอมของกระเทียมกระตุ้นความหิวของผู้คนได้เป็นอย่างดี แม้แต่ครอบครัวของหลี่หลิวเองยังต้องกลืนน้ำลายไปตาม ๆ กัน เมื่อหน่อไม้เริ่มสุกได้ที่นางเติมน้ำลงเล็กน้อยใส่ซอสและเกลือ ก่อนจะผัดอีกครั้งชิมรสชาติแล้วใส่ต้นหอมซอยลงปิดท้าย

กลิ่นหอมคั่วกระทะในยามเช้ามืดดึงดูดให้ผู้คนมายืนออกันอยู่หน้าร้านของหลี่หลิวมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อทำอาหารเสร็จก็เป็นหน้าที่ท่านพ่อที่ต้องยกเทใส่หม้อเหล็กเป็นอันเสร็จสิ้น หลี่หลิวปาดเหงื่อที่ผุดจากการอยู่หน้าเตาไฟออก โดยใช้แขนเสื้อซับไปมาเบา ๆ แล้วยิ้มปริ่มมุมปาก เป็นไปตามคาดผู้คนจะต้องให้ความสนใจในรูปแบบการค้าของนาง

"เจ้าขายอันใดหรือ" แม่นางร่างท้วมน้ำเสียงทุ้มผิวขาวเหลืองแต่งตัวสะอาดสะอ้านด้วยชุดสีชมพูซีดแต่ทว่าดูดี นางเดินเข้ามาถามไถ่เพราะทนกลิ่นหอมเย้ายวนนี้ไม่ไหว นางยืนดูอยู่พักหนึ่งจนกระทั่งสาวน้อยทำเสร็จถึงได้รีบเดินปรี่เข้ามาถามไถ่ก่อนใคร

"นี่คือผัดหน่อไม้ขอรับ" หลี่จงทำตามที่น้องสาวบอกไม่ขาดตกบกพร่อง เขาตักผัดหน่อไม้ใส่จานที่เตรียมมา พร้อมกับยื่นไม้ที่เหลาคล้ายไม้เสียบลูกชิ้นให้แม่นางร่างท้วมแล้วบอกนางว่า

"ให้ท่านลองชิมก่อน หากไม่อร่อยท่านก็ไม่ต้องเสียเงินซื้อ แต่หากว่าอร่อยถูกปากท่านค่อยซื้อกับข้า" ฝูงชนนับสิบได้ยินเช่นนั้นจึงทยอยกันเข้ามาชิม และซื้อไปคนล่ะกระบอกสองกระบอก ซึ่งราคาขายก็เพียงหนึ่งอีแปะแถมได้อาหารไม่น้อย จึงกลายเป็นว่าขายดีมาก หลี่หลิวที่ผัดได้สองกระทะก็ต้องปล่อยให้ท่านแม่เป็นคนทำต่อ ส่วนตนเป็นคนคอยบอก และชิมรสชาติให้ท่านอีกที ท่านพ่อและน้องเล็ก กลายเป็นเถ้าแก่คอยรับเงินจากลูกค้า ส่วนพี่รองคอยตักผัดหน่อไม้ใส่กระบอกไม้ไผ่ไม่ขาดมือ ด้วยความสุภาพของพี่รองและท่านพ่อ ทุกคนที่แวะเวียนมาชิมต่างพากันซื้อติดไม้ติดมือกลับไปแทบทุกราย กระบอกที่หลี่หลิวออกแบบค่อนข้างใหญ่ และกว้างจึงใส่หน่อไม้ได้มาก เชือกที่นำมาผูกติดกับกระบอกทำให้ผู้คนถือได้อย่างสะดวก ใครผ่านไปมาต่างชมว่าเป็นอาหารที่อร่อย และสามารถนำกลับบ้านได้ไม่หกหรือหล่นกลางทาง กระบอกที่เตรียมมานับร้อยหมดลงท่านแม่ก็ได้พักหายใจคายคอ พระอาทิตย์สาดแสงลงมาตลาดก็เริ่มวายพ่อค้าแม่ขายพากันเก็บข้าวของเตรียมกลับบ้าน หลี่หลิวขอเงินท่านพ่อแล้วเดินไปซื้อเนื้อหมูเนื้อไก่กลับมาสองสามห่อแล้วเอาไปวางบนรถลาก ท่านพ่อและพี่ใหญ่ช่วยกันเก็บของขึ้นรถลาก หลี่หลิวไม่ลืมที่จะซื้อเครื่องปรุง และผักกลับบ้านไปด้วย

"พี่ใหญ่ พี่รอง ท่านเห็นท่านแม่ผัดหน่อไม้หรือไม่ ท่านแม่ผัดได้เร็วมากส่วนพี่ใหญ่ก็ตักจนมือพันกัน ท่านพ่อยิ้มรับเงินจนหน้าบานเชียวล่ะ" หลี่เฉินนั่งบนรถลากพร้อมแม่ และพี่สาวเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างเมามัน

"ทุกคนที่ได้ชิมอาหารของพี่ข้ากว่าครึ่ง ต่างซื้อกลับบ้านทุกคน หากว่ามีกระบอกมากพอแล้วละก็ หน่อไม้ที่เหลือนี่คงหมดแล้วจริง ๆ ข้าเกือบไม่ได้กินเสียแล้ว" พูดไปพูดมากลายเป็นว่าเจ้าตัวเล็กกลัวของหมดแล้วตนจะอดกิน ทุกคนต่างพากันหัวเราะลั่น ทั้งดีใจทั้งขบขันจนน้ำตาเล็ด

หลี่หงเป็นคนที่ภูมิใจเป็นที่สุด เขาลงแรงไปมากในการทำกระบอกให้กับลูกสาว แถมนางยังเคยบอกว่าสามเดือนก็สามารถหาเงินคืนได้แล้ว แต่มาวันนี้แค่วันเดียวเขาก็คืนทุนทั้งหมดมาได้ หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไปอีกหน่อยเขาก็จะมีเงินเก็บ และคืนเงินที่ท่านปู่มอบให้กลับคืนไปได้แล้ว

หลี่หลิวผัดเนื้อไก่ใส่หอมหัวใหญ่ นางนำเอากระดูกไก่ที่เหลือมาทำน้ำซุบถ้าได้ซดร้อน ๆ คงจะรู้สึกโล่งคอ และสดชื่นยิ่งนัก

เมื่อทานอาหารเสร็จแล้วการขุดบ่อก็ได้เริ่มขึ้นมันทั้งเหนื่อย และสนุก โดยเฉพาะน้องเล็กที่มีเพื่อนอีกสองคนมาเล่นปั้นดินด้วยสร้างเสียงเจื้อยแจ้วตลอดทั้งตอนเช้า หลี่หลิววางตำแหน่งบ่อที่ขุดไว้หลังบ้านห่างจากตัวจากตัวบ้านไปทางซ้ายยี่สิบเมตรเห็นจะได้ หลี่หลิวบอกให้ขุดลึกประมาณเอวท่านพ่อยาวสิบห้าเมตรกว้างห้าเมตรแบบนี้นอกจากเลี้ยงปลาก็ยังสามารถปลูกบัวไว้กินเม็ดและรากได้อีกด้วย ทั้งครอบช่วยกันขุดบ่อปลาจนพระอาทิตย์เกือบตรงหัวจึงพาหยุดพัก และไปล้างเนื้อตัว หลี่หลิวนำเนื้อหมูมาหั่นสไลด์ไม่บางนักหั่นผักกะหล่ำปลีหัวใหญ่อย่างคล่องมือ นางก่อไฟวางกระทะเทน้ำมันทุบกระเทียมสองสามกลีบแล้วโยนลงไปผัด จากนั้นใส่เนื้อหมูติดมันที่หั่นไว้ พอหมูเริ่มสุกใส่ผักลงไปผัดต่อปรุงรสด้วยเกลือและซอส เสียงตะหลิวเคาะกระทะดังมาเป็นระยะพร้อมกลิ่นโชยมาตามลม นั่นยิ่งช่วยกระตุ้นความยากอาหารได้เป็นอย่างดี แน่นอนว่ากระทะที่นางใช้ค่อนข้างใหญ่เวลาผัดจึงเหลือบ่ากว่าแรงของร่างกายอยู่มาก ส่วนผู้เป็นแม่อุ่นน้ำซุปไก่ที่เหลือประมาณหนึ่งถ้วยใหญ่เห็นจะได้ แล้วค่อยอุ่นไก่ผัดหัวหอมที่หลัง

"เจ้าจะกลับแล้วรึ ไม่อยู่เล่นกับข้าก่อนล่ะตอนเย็นค่อยให้ท่านลุงมารับกลับไม่ได้หรือ?"

หลี่เฉินมองหน้าท่านพ่ออย่างอ้อนวอน ถ้าเพื่อน ๆ กลับกันไปหมดช่วงบ่ายเขาคงต้องเล่นกับลมกับดิน เพราะทุกคนต่างมีหน้าที่กันหมดแล้ว ท่านพ่อกับพี่ใหญ่ต่างก็พากันขุดบ่อ ท่านแม่และพี่รองหั่นผักเตรียมของไปขายตอนในตอนเช้ามืด ส่วนตัวเขายังอยากเล่นปั้นดินกับเพื่อนต่ออีกหน่อย มือน้อย ๆ ได้แต่จับมือใหญ่สาก ๆ ของท่านพ่อแล้วมองตาท่านพ่อปริบ ๆ

"หากวันนี้งานไร่นาพวกท่านเสร็จแล้วก็อยู่กินข้าวเที่ยงกับพวกเราก่อนเถิด ข้ายังมิได้ขอบคุณที่พวกท่านคอยดูแลที่นาให้ข้าเลย"

หลี่หงจนปัญญาจึงเรียกคู่สามีภรรยาอยู่ทานข้าวสักหน่อยเผื่อพวกเขาจะให้เด็ก ๆ ได้อยู่เล่นด้วยกันต่อ สองสามีภรรยามองหน้ากัน จะว่าไปแล้วกลิ่นอาหารหอม ๆ นั่นก็คอยชักชวน และล่อลวงพวกเขาทำให้พวกเขาอยากอยู่ต่อเช่นกัน

"ท่านลุง ข้าหิวแล้ว" เด็กชายที่เริ่มสนิทกับหลี่เฉินกล่าว ไม่ทันที่ผู้ใหญ่จะได้พูดอะไร หลี่เฉินรีบดึงมือเพื่อนทั้งสองพาไปนั่งที่ระเบียงกว้างข้างบ้าน ตรงที่ท่านพ่อทำโต๊ะอาหารใหม่ มันมีขนาดกว้างมากเหมาะสำหรับรองรับแขกได้พอดี

"มาเถอะ ฮ่า ๆ ๆ" หลี่หงเห็นบุตรชายพาเพื่อนไปนั่งรอแล้ว เขาจึงชวนสองสามีภรรยาเข้ามาแล้วบอกให้ล้างไม้ล้างมือนั่งรอมื้ออาหาร ส่วนตัวเขาเดินไปบอกภรรยา และบุตรสาวว่ามื้อนี้ให้ทำอาหารเผื่อครอบครัวท่านลุงท่านป้า และหลาน ๆ ของพวกเขาด้วย หลี่หลิวมองซ้ายแลขวาดูสุดท้ายก็จับปลามาทอดอีกสองสามตัวอย่างจนใจ นางทั้งเหนื่อยและหิว ทำให้นางแทบบ้าเลยทีเดียว หวังลู่เห็นบุตรสาวโมโหหิวจึงรีบเอากับข้าวกับปลาออกไปจัดวางที่โต๊ะจนเต็ม นางกลับเข้ามาห้องครัวแล้วผัดหน่อไม้ไปเพิ่มอีกสองจานจนวางเกือบเต็มโต๊ะ

"ทานกันเถอะ" หลี่หงนั่งหัวโต๊ะบอกให้ทุกคนกินข้าว โดยมีสองสามีภรรยากับหลาน ๆ นั่งปิดท้ายทั้งสองฝั่ง

"เจ้าลองอันนี้นะอร่อยมากเลยล่ะ" หลี่เฉินเห็นเพื่อนเก้ง ๆ กัง ๆ จึงคีบผัดหน่อไม้ให้เพื่อน ๆ ได้ลองชิมดู เด็กทั้งสองต่างมองหน้ากันอย่างมึนงงเพราะไม่เคยเห็นและไม่เคยได้กินสิ่งนี้มาก่อน หลี่จงจึงอธิบายอาหารแต่ล่ะอย่างแล้วบอกให้พวกเขาลองชิม พอทั้งสี่คนลุงหลานได้ชิมต้องกล่าวชมเป็นยกใหญ่และบอกว่ามันอร่อยไม่ขาดคำ ทุกเมนูวันนี้ทำให้สองสามีภรรยาตื้นตันเป็นอย่างมาก เพราะการต้อนรับแบบนี้ไม่ค่อยมีมากนักในชนบทเช่นนี้ จะมีครอบครัวไหนบ้างที่ยอมตักไก่ และหมูอีกทั้งข้าวปลาที่แสนแพงมาแบ่งปันให้เช่นนี้

เมื่อกินเสร็จก็คุยเรื่องนาข้าวแลกเปลี่ยนความรู้กันไป จนพวกเขาหันไปเห็นร่องรอยการขุดจึงได้ไถ่ถาม พอรู้ว่าเด็กสาวคนนี้อยากขุดสระเลี้ยงปลา อาหารก็กินของเขาไปแล้วจึงรีบออกปากช่วยงานด้วยความเต็มใจ ส่วนน้องเล็กร้องไชโยเพราะเขาจะมีเพื่อนเล่นถึงยามค่ำเลยทีเดียว

"พวกเจ้าหั่นหน่อไม้ และผักมากมายถึงเพียงนี้คงจะเหนื่อยแย่เลย มา ๆ ให้ข้าช่วยเถอะจะได้เสร็จเร็ว ๆ"

ท่านป้าที่เช่าที่ดินอยู่ก่อนหน้าเห็นเด็กสาว และแม่ช่วยกันหั่นผักหลังจากที่เก็บถ้วยชามไปล้างจึงอยากจะช่วยเหลือ หลี่หลิวก็เลยไม่เกรงใจท่านป้าอีกต่อไป นางจึงขอให้ท่านป้าช่วยหั่นผัก เช่น หัวหอม กะหล่ำ ต้นหอม ทั้งสามสาวนั่งคุยกันเรื่อยเปื่อยพร้อมมือที่หั่นข้าวของไปด้วย ส่วนท่านพ่อพี่ชาย และท่านลุงก็ช่วยกันขุดสระ โดยมีเสียงเด็กชายทั้งสามเล่นกันหัวเราะสนุกสนานจนถึงบ่ายแก่ ๆ หลี่หลิวพึ่งนึกขึ้นมาได้ว่ากระบอกใส่อาหารของนางนั้นหมดแล้ว นางตกใจรีบลุกพรวดพราดไปบอกท่านพ่อที่กำลังขุดบ่อเลี้ยงปลาอย่างร้อนรน

"ท่านพ่อ แย่แล้วเจ้าค่ะแย่แล้ว"

"มีอันใดเจ้าค่อย ๆ พูดมาพ่อของเจ้าอยู่นี่แล้ว" เขาเห็นบุตรสาวเร่งรีบวิ่งมา กลัวนางจะหกล้มเอาจึงบอกนางไปเช่นนั้น

"กระบอกเจ้าค่ะ"

"กระบอกรึ?"

เมื่อหลี่หลิวพูดถึงกระบอกเท่านั้นแหละ หลี่หงก็เข้าใจทันทีว่าเช้ามืดนี้ยังต้องใช้กระบอกใส่อาหารเขารีบวางมือจากจอบ ก่อนจะกล่าวขอบคุณท่านลุง และบอกให้ท่านกลับบ้านไปพัก เพราะตนนั้นต้องไปตัดไม้ไผ่มาทำกระบอกไว้ใส่อาหารให้บุตรสาว เมื่อเห็นหลี่หงและหลี่จงดูเร่งรีบ เขาจึงอาสาไปช่วยตัดไม้ไผ่ด้วย

"ขอบคุณท่านลุงฉวี และท่านป้าฉวีมาก ๆ นะขอรับ ที่คอยช่วยงานจนตะวันเกือบตกดินเช่นนี้ ข้าไม่รู้จะตอบแทนเช่นไรดี เอาเป็นว่าพรุ่งนี้ข้า และครอบครัวจะขอเลี้ยงมื้อเที่ยงเป็นการตอบแทนพวกท่านนะขอรับ"

หลี่หงละอายใจที่สองสามีภรรยาคอยช่วยงานตั้งแต่หลังเที่ยงมาจนถึงช่วงเย็น จึงเชิญชวนทานอาหารในวันพรุ่งเป็นการตอบแทน เมื่อได้ท่านลุงฉวีมาช่วยการทำกระบอกก็รวดเร็วขึ้น พวกเขาพากันตัดอย่างคล่องมือส่วนหลี่จงก็คอยขัดล้างกระบอก แล้วนำไปต้มก่อนจะเอาออกมาคว่ำตากลมไว้ ใช้เวลาไม่นานนักก็ได้กระบอกมากกว่าร้อยอัน หลี่หลิวกับท่านแม่ช่วยกันร้อยเชือกมัดกระบอกไม้ไผ่หลังจากที่ท่านลุงฉวี และครอบครัวกลับไปแล้ว เพื่อที่ลูกค้าจะได้ถือกลับได้ง่าย ๆ พวกเขาจึงต้องลงแรงกันมากหน่อย คบเพลิงถูกจุดขึ้นเพื่อให้แสงสว่างจนงานทำกระบอกจบลงถึงได้กินข้าว และล้างเนื้อตัวกันก่อนที่จะเข้านอน

"เสร็จเสียที" หลี่จงพี่ใหญ่บิดขี้เกียจไปมาหลังจากที่มาช่วยนั่งมัดกระบอกได้พักใหญ่

"เอาล่ะ ๆ นี่ก็ดึกมากแล้ว แยกย้ายกันไปพักพรุ่งนี้จะต้องไปที่ตลาดแต่เช้าเราจะได้จองที่ดี ๆ หน่อย" หลี่หงอดยิ้มไม่ได้เมื่อคิดว่าพรุ่งนี้จะได้รับเงินตรามาอีกมาก เขาจึงดูกระชุ่มกระชวยไม่น้อย

"ท่านพ่อเจ้าคะ พรุ่งนี้ท่านต้องเอามีดแล้วก็เขียงไม้ไปด้วยนะเจ้าคะ"

"ได้ เจ้าต้องการอะไรบอกพ่อมาได้เลย"

"เจ้าค่ะ งั้นลูกไปนอนก่อนนะเจ้าคะ"

ว่าจบทุกคนก็แยกย้ายกันไปหลับนอน เมื่อทุกคนหลับแล้วหลี่หลิวก็แอบเข้ามิติไป ผักกาดขาวที่ปลูกไว้มันโตเต็มที่โดยใช้เวลาเพียงแค่สองวันเท่านั้น หลี่หลิวหยิบเมล็ดพันธุ์ผักออกมาก่อนจะใช้เสียมที่แอบเอาเข้ามาไว้ก่อนหน้าขุดหลุมปลูกฟักทอง แตงโม พริก มะเขือเทศ แตงกวา รวมทั้งถั่วลันเตากับต้นหอม จากนั้นรดน้ำด้วยขันเหล็กที่ซื้อมาใหม่ที่ใส่ไว้ในตุ่ม พอเสร็จแล้วค่อยออกจากมิติห่มผ้าแล้วหลับตาพักผ่อน

เช้ามืดวันถัดมา...

"โอ้ยยย แขนฉ้านนน" หลี่หลิวเห็นน้องเล็กนอนหนุนแขนตนด้วยลมหายใจสม่ำเสมอ นางจึงค่อย ๆ ดันน้องชายออกเบา ๆ เมื่อครู่นางเสียงดังไปหน่อยพี่ใหญ่จึงตื่นขึ้น และช่วยน้องรองขยับน้องเล็กออกจากแขนที่เขานอนทับอยู่ หลี่หลิวรู้สึกเหมือนว่าแขนขวานางไม่อยู่แล้ว และชาจนไม่รู้สึกอะไรเลยสักนิด พี่สามจึงนวดเบา ๆ ที่แขนนางจนรับรู้ถึงการไหลเวียนของเลือด หลี่หลิวรีบห้ามปรามพี่ใหญ่ไม่ให้นวดต่อ นี่ไม่ต่างจากเข็มนับล้านที่มันทิ่มแทงจนนางน้ำตาเล็ด

"เจ้าเป็นอันใด ร้องไห้ทำไมกัน มาเถอะพี่ใหญ่นวดให้เจ้าจะได้หายไว ๆ นะ"

"ได้โปรด หากท่านห่วงใยข้าอย่าได้แตะต้องตัวข้าเชียว ตอนนี้ตะคริวกินแขนข้าแล้ว"

หลี่หลิวทำหน้าทรมานจนน่าสงสาร พี่ใหญ่ที่ช่วยอะไรไม่ได้จึงขอตัวไปล้างหน้าล้างตา แล้วปล่อยให้นางหายเจ็บอีกสักพักนางก็คงตามลงมา พอออกจากห้องได้เจ้าใหญ่กลั้นขำจนตัวงอที่แท้น้องสาวเราก็มีมุมนี้กับเขาด้วย หลี่จงเดินผ่านห้องโถงออกประตูหน้าบ้านเห็นท่านพ่อยกของที่จำเป็นจัดวางอย่างระมัดระวัง ไหเครื่องปรุงถูกรัดกุมด้วยฟางที่มัดรวมกันไว้อย่างดี ครั้งนี้ดูท่านพ่อจะกระปรี้กระเปร่ามากกว่าเมื่อวานเสียอีก หรือเป็นอย่างที่น้องรองว่าไว้หากท่านพ่อได้นอนกับท่านแม่แล้วท่านพ่อจะแข็งแรง

"อ้าว!! เจ้าตื่นแล้ว? เหตุใดวันนี้น้องสาวเจ้าตื่นช้าได้เสียล่ะ"

หลี่จงได้ยินเช่นนั้นจึงหัวเราะในลำคอ แล้วตอบไปว่าน้องเล็กนอนทับแขนนางจนตะคริวกินนางจึงยังขยับตัวไม่ได้

"เป็นเช่นนั้นหรือ ต่อไปเจ้าก็นอนกั้นกลางเสีย น้องสาวเจ้าจะได้ไม่ทรมานมากนัก"

"ขอรับท่านพ่อ" เมื่อตกปากรับคำแล้วหลี่จงก็ไปล้างหน้าล้างตา ก่อนที่จะไปช่วยท่านแม่ยกผักที่หั่นใส่กะละมังไม้ออกมาขึ้นรถลาก เมื่อยกของขึ้นเสร็จหลี่หลิวก็เดินอ้อยอิ่งออกมาอย่างท้อใจ ไม่รู้ว่าคืนนี้จะนอนหลบมุมไหนถึงจะรอดพ้นจากน้องเล็กได้

"ลูกคนนี้นี่ เหตุใดทำหน้าไม่รับแขกแต่เช้าเลยล่ะ" หวังลู่เห็นบุตรสาวเดินเหมือนคนไร้วิญญาณจึงเอ็ดนางไปที แต่พอรู้ว่านางถูกน้องเล็กนอนทับแขนตอนที่นางหลับ พอตื่นมาตะคริวกินจึงได้ถามไถ่ว่าดีขึ้นแล้วหรือยัง จากนั้นก็หลี่หลิวก็ไปปลุกเจ้าตัวต้นเหตุที่ทำให้นางระบมทนทุกข์อยู่ครู่ใหญ่

"ท่านพ่อขอรับพี่รองเป็นอันใดถึงมองหน้าข้าด้วยสายตาแบบนั้น" น้องเล็กเมื่อล้างหน้าล้างตาเสร็จ ก็เห็นพี่สาวอารมณ์เหวี่ยง ๆ จึงถามผู้เป็นบิดา พอรู้ว่าตนทับแขนนางทั้งคืนจึงรีบไปขอโทษพี่รอง และแน่นอนว่านางก็ต้องให้อภัย

เช้านี้มีหมอกหนาทั้งห้าคนพ่อแม่ลูกจึงสวมใส่หมวกสานและเสื้อลม กว่าจะถึงตลาดเช้าท่านพ่อกับพี่ใหญ่ก็เหนื่อยหอบกันเสียแล้ว ด้วยหมอกที่หนาทำให้การมองเห็นค่อนข้างจะลำบาก หลี่หลิวก็ได้มีความคิดที่จะซื้อลามาสักสองตัว เพื่อที่ให้การเดินทางสะดวกมากยิ่งขึ้น หากเป็นม้าก็จะดีมาก ๆ เพราะจะเพิ่มความเร็วในการเดินทางได้อย่างดี

วันนี้คนที่เดินผ่านตลาดไปมาเห็นครอบครัวของหลี่หลิวต่างก็พากันมายืนอ้อมล้อม พวกเขาหวังจะรอซื้อผัดหน่อไม้แต่ทว่าวันนี้หลี่หลิวเลือกที่จะทำเมนูใหม่ก่อน พอถึงตลาดนางพาท่านแม่ตรงดิ่งไปร้านขายเนื้อหมู และซื้อเนื้อหมูมาสิบกว่าโล นางให้ท่านพ่อที่เตรียมเขียงมาด้วยปูเสื่อนั่งหั่นแบบสด ๆ นางหวังก่อเตาไฟเสร็จจึงเรียกบุตรสาวมา หลี่หลิวเอากระทะตั้งไฟใส่น้ำมันตามด้วยกระเทียม ก่อนจะผัดกระเทียมให้หอมแล้วใส่เนื้อหมูที่ท่านพ่อหั่นส่วนหนึ่งลงไปผัดจนสุกจึงใส่หอมหัวใหญ่ กะหล่ำปลี รอจนกระทั่งผักสุกกำลังดีจะได้รสหวานและกรอบ จากนั้นก็ปรุงรสแล้วท่านพ่อก็ทำหน้าที่ยกเทใส่หม้อเหล็ก นางทำเช่นนั้นไปเรื่อย ๆ ส่วนคนที่เดินมาเมื่อรู้ว่าชิมฟรีอยู่แล้วจึงแวะเวียนเข้ามาชิมทั้งผัดหมู และผัดหน่อไม้ พอได้ลิ้มลองสุดท้ายก็พากันซื้อกลับไปอีกตามเคย ถึงคราวนี้หมูผัดผักจะราคาถึงสามอีแปะแต่ก็ไม่มีใครบ่นเลย หลี่หงหั่นหมูเสร็จมาช่วยลูกชายคนโตรับทรัพย์ และตักอาหารขาย วันนี้เขายิ้มหน้าบานกว่าเมื่อวานเสียอีก ทั้งหมู และผักต่างก็หมดลง หลี่หลิวเดินไปสั่งเครื่องปรุงมาเก็บไว้อย่างล่ะสามไห ซื้อเนื้อวัวกับเนื้อหมูมาอย่างล่ะสามโล โครงไก่อีกสามสี่โครง รวมทั้งขิง ข่า ตะไคร้ และผักอีสามสี่อย่าง นางบอกให้เถ้าแก่เอาของที่สั่งมาส่งที่รถลาก และเก็บเงินกับท่านพ่อ เมื่อเก็บของขึ้นรถ และได้รับของที่บุตรสาวสั่งมาใส่รถลากแล้ว ทั้งหมดจึงพากันออกเดินทางกลับบ้าน

หลี่หลิวพูดกับครอบครัวระหว่างทางกลับบ้านว่านางต้องการม้าเพื่อที่จะมาลากรถลาก ท่านพ่อก็ต้องยอมรับความจริงว่าการเดินทางไปไหนมาไหนมันเหนื่อย จึงรับปากนางว่าวันพรุ่งนี้จะพานางไปเลือกดูทำให้หลี่หลิวยิ้มกริ่มอย่างพอใจ กลับถึงบ้านหลี่หลิวทำโจ๊กหมูสับเต็มหม้อใหญ่ให้ทุกคนได้กิน ส่วนท่านพ่อที่รับเงินเป็นกอบเป็นกำยังคงอารมณ์ดี และยิ้มแย้มอยู่ตลอดเวลา

"หลี่เฉิน ๆ" เสียงเด็กน้อยสองคนมาแต่เช้าพร้อมกับท่านลุงท่านป้าได้เรียกหาเพื่อนใหม่อย่างสนิทสนม

"อ้าว พวกท่านมาแล้วหรือ กินข้าวปลากันมาหรือยัง บุตรสาวข้าทำข้าวต้มหม้อใหญ่หากยังไม่ได้กินอะไรเดี๋ยวข้าจะตักให้พวกท่านคนล่ะถ้วย"

สองสามีภรรยามองหน้ากันด้วยใบหน้าอมยิ้มอย่างเปี่ยมสุขและตอบกลับมาว่าพวกเขากินข้าวเช้ามาแล้ว วันนี้ที่มากันก็เพราะอยากมาช่วยขุดสระให้เสร็จเพียงเท่านั้น หลี่หลิวได้ยินเช่นนั้นจึงรู้ว่าวันนี้มีคนงานคอยช่วยขุด ดังนั้นแล้ววันนี้บ่อปลาของนางต้องเสร็จอย่างแน่นอน นางจึงชวนท่านแม่ต้มเกาลัดที่เก็บมาเมื่อสองสามวันก่อน พอต้มเสร็จก็นำมาพึ่งลมแล้วแกะใส่ชามไว้ จากนั้นก็หาผ้าชุบน้ำมาปิดแล้ววางไว้แถวระเบียงหลังบ้านเพื่อให้เด็ก ๆ มาหยิบกินกัน หวังลู่ยิ่งมองยิ่งหลงรักบุตรสาวของตนขึ้นทุกวัน หากวันใดนางออกเรือนไปใจของมารดาเช่นนางคงแตกสลายเป็นแน่

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel