บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 3 โลกกลมหรือพรมหลิขิต (1)

เวลาผ่านมาเป็นอาทิตย์ ความกลุ้มใจของอนามิกาก็ยังมิได้บรรเทาเบาบางลงแม้แต่น้อย หากแต่ทวีขึ้นเกือบเท่าตัว เมื่อมีแรงกดดันจากระยะเวลาเพิ่มเข้ามาอีก จะรอคนที่คุณหมอแจ๊คไปสอบถามให้ก็ดูจะมืดมนหนทาง เพราะคนรู้จักของคุณหมอส่วนใหญ่ก็แต่งงานมีคู่กันไปเกือบหมด ส่วนคนที่เหลือก็มีแฟนเป็นตัวเป็นตนแล้ว แล้วผู้หญิงที่ไหนจะใจดีให้แฟนตัวเองมาจดทะเบียนสมรสกับผู้หญิงอื่น แถมเป็นคนที่เขาไม่รู้จักสนิทสนมอย่างเธอด้วย บอกได้คำเดียวว่า ‘ยาก’ แม้ตัวคุณหมอเองจะให้การรับรองถึงการว่าจ้างครั้งนี้ก็เถอะ

เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านั้น เธอกับอรณีไปบ้านเพื่อนร่วมงานผู้หญิงคนหนึ่งชื่อแอ๋ว แอ๋วเป็นคนไทยที่มาทำงานที่นี่แล้วได้แต่งงานกับคนรักชาวอเมริกัน แอ๋วบอกว่าอยากจะแนะนำชายคนหนึ่งให้รู้จักซึ่งผู้ชายคนนี้เป็นญาติฝ่ายสามี อายุไม่เยอะมากแค่สี่สิบต้นๆ เขาคนนี้สนใจเรื่องการจ้างจดทะเบียนสมรส ที่เธอกับอรณีเอาเรื่องนี้ไปปรึกษาเพื่อนที่ทำงานบางคนที่ค่อนข้างสนิท และแอ๋วก็เป็นหนึ่งในนั้น

พอไปถึงบ้านของแอ๋ว อนามิกาและอรณีได้พูดคุยกับญาติฝ่ายสามีของแอ๋วที่มารู้ชื่อภายหลังว่าเขาชื่อคาร์ล มันก็ทำให้เธอกับอรณีถึงกับมองหน้ากันอย่างเห็นปัญหาในอนาคตอยู่รำไรว่า ถ้าเผลอไปจดทะเบียนสมรสด้วยมีหวังถึงเวลาหย่าอีกฝ่ายคงไม่ยอมหย่าแน่ๆ เพราะจากที่พูดคุยกันในเวลาสั้นๆ ดูเหมือนนายคาร์ลคนนี้จะแสดงออกอย่างเปิดเผยว่าถูกใจอนามิกาเข้าให้แล้ว แถมยังมีการเกริ่นๆ ด้วยว่าถ้าจดทะเบียนสมรสแบบไม่ต้องหย่าเขาจะยอมไม่เอาค่าจ้างเลยก็ได้ เพียงแค่นั้นเธอกับอรณีต่างมีความเห็นตรงกันว่าไม่อยากมีปัญหา จึงนั่งพูดคุยต่อพักหนึ่งแล้วขอตัวกลับพร้อมกับบอกว่าขอคิดดูก่อน แต่ที่จริงแล้วคงจะไม่คิดให้เสียเวลาหรอก ใครจะเสี่ยงเอาห่วงที่พร้อมจะรัดไม่ยอมปล่อยมาคล้องคอ

เมื่อทุกอย่างไม่เป็นไปอย่างที่คาด เธอกับอรณีจึงคิดว่า จะกลับไปนอนดูหนังที่เพิ่งซื้อมาด้วยกัน แต่พอกลับถึงห้อง คุณหมอแจ๊คกลับโทร.ให้เพื่อนของเธอให้เอาของที่ลืมไปให้ที่โรงพยาบาลด่วน ดังนั้นจึงกลับกลายเป็นว่าเธอต้องอยู่ห้องคนเดียว ระหว่างรออรณีกลับจากโรงพยาบาล เธอเลยออกมาเดินเล่นนั่งเล่นที่สวนสาธารณะฆ่าเวลา และคิดว่าออกมาสัมผัสบรรยากาศดีๆ หัวสมองอาจจะปลอดโปร่ง แล้วทำให้สามารถคิดอะไรดีๆ ออกก็เป็นได้

หญิงสาวคิดก่อนถอนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เรียกกำลังใจที่มีอยู่น้อยนิด พลางดึงสายตาที่ทอดมองไปเรื่อยเปื่อยกลับมาที่แฮมเบอร์เกอร์ชิ้นใหญ่ในมือ

“กินแก้กลุ้มดีกว่า

ถ้าเธอกินทุกครั้งที่กลุ้มคงต้องอ้วนเป็นหมูแน่ เธอคิดขำๆ ก่อนจะอ้าปากเตรียมจะกัดแฮมเบอร์เกอร์ชิ้นโต แต่ก็ต้องหยุดชะงักท้องร้องดังมาจากใครบางคน เธอมองหาที่มาของเสียงแล้วก็ได้เห็นผู้ชายตัวใหญ่ ใบหน้ารกไปด้วยหนวดเครา หัวยุ่งเหยิงคล้ายคนเพิ่งตื่นนอนกำลังนั่งลูบท้องพลางส่งยิ้มแห้งๆ มาให้ เธอยิ้มตอบก่อนจะตัดสินใจถามออกไปอย่างคนใจดีว่า

“หิวหรือคะ”

ผู้ชายหน้ารกนิ่งพักหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้า เธอรู้สึกไปเองหรือเปล่าว่าเขากำลังอมยิ้มด้วย แต่เขาจะยิ้ม หรือบึ้งตึงก็ช่างเถอะ ในเมื่อเขาหิวจัด เธอก็ให้เขาแล้วกัน

“ถ้าอย่างนั้นฉันยกให้” อนามิกายกทั้งน้ำทั้งแฮมเบอร์เกอร์ของตัวเองให้กับชายหนุ่มแปลกหน้าที่พิจารณาดีๆ แล้วเขามีแววตาคุ้นๆ เหมือนเคยเจอที่ไหนมาก่อน

“ขอบคุณยัยผู้หญิงตัวแสบ ไม่นึกว่าคนที่ทำร้ายคนอื่นแล้วหนีจะเป็นคนดีมีน้ำใจกับเขาด้วย ไม่คิดเลยนะว่า เราจะมาเจอกันอีกจนได้ สงสัยดวงจะสมพงษ์กัน” ชายหนุ่มบอกพร้อมกับยิ้มนิดๆ ขณะมองหญิงสาวที่หุบยิ้มฉับแทบจะทันที เมื่อโดนเขากล่าวหาว่าเป็น ‘ยัยผู้หญิงตัวแสบ’ ทั้งที่เธอทำตัวเป็นผู้หญิงแสนดีประดุจนางฟ้า

“ขอโทษนะคะ ฉันไม่เคยเจอ ไม่เคยรู้จัก และไม่อยากจะดวงสมพงษ์กับผู้ชายอย่างคุณ แต่ถึงอย่างนั้น ฉันก็คิดว่าคุณไม่ควรจะมากล่าวหาฉันลอยๆ แบบนี้ ทั้งที่อุตส่าห์ใจดียกอาหารกับน้ำให้” อนามิกาลุกขึ้นเท้าสะเอวบอกเสียงเฉียบ และมองผู้ชายสภาพดีกว่าคนจรจัดนิดหน่อยอย่างมีอารมณ์โมโห แต่แทนที่เขาจะสำนึกกลับสวนกลับเสียงเยาะ

“แสบไม่แสบ ที่หน้าน้ำพุเต้นระบำคืนนั้น คุณก็เล่นเอาผมจุกจนหน้าเขียว นี่ถ้าเกิดมันใช้งานไม่ได้ คุณจะรับผิดชอบไหมล่ะ”

คำพูดของเขาสะกิดใจอนามิกาอย่างแรง เมื่อตั้งใจพิจารณาผู้ชายหน้ารกตรงหน้าดีๆ แล้วดวงตากลมโตก็เบิกกว้าง พระเจ้า! ใบหน้าของคนคนนี้แตกต่างกับสองครั้งก่อนที่เธอเคยเจอมาก แต่ถึงอย่างนั้นมันก็มีบางอย่างที่บ่งบอกว่าเป็นเขา...ผู้ชายเสน่ห์เหลือร้าย ไม่ว่าจะเป็นนัยน์ตาสีน้ำตาล หรือรอยยิ้มที่มีเสน่ห์

“คุณนั่นเอง ไอ้ผู้ชายชั่ว โรคจิต ไร้ยางอาย” อนามิกาด่าเสียงรอดไรฟัน ขณะที่ถอยหลังพร้อมกับกวาดตามองหาทางหนีทีไล่ เคเลอร์เองก็ลุกขึ้นเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงทั้งสองข้าง ทำหน้าตายียวนสุดๆ แล้วก้าวเท้าตามหญิงสาวที่คงไม่รู้ตัวว่าตัวเองนั้นกำลังเดินวนรอบเก้าอี้อยู่อย่างรู้สึกสนุก

“ทำร้ายคนอื่นแล้วยังมากล่าวหาเขาอีก เบี่ยงประเด็นนี่หว่า”

“เบี่ยงประเด็นบ้าบออะไร ด่าแค่นี้ยังน้อยไปกับสิ่งที่คุณทำกับฉัน”

“ผมทำอะไรคุณ”เคเลอร์เลิกคิ้วถามเสียงสูง ทำหน้าซื่อตาใสเหมือนจำการกระทำของตัวเองไม่ได้ ทำให้อนามิกาเดือดยิ่งกว่าเดิม

“คุณ…คุณจะทำมิดีมิร้ายฉัน” หญิงสาวสบถทวนความจำให้เขาอย่างโมโหระคนอาย

“โอ๊ะ! ข้อกล่าวหานี้แรงนะ ผมจำได้ว่า ไม่เคยทำอะไรอย่างนั้นเลย ผมว่าคุณกำลังเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า เอาอะไรมาพูดว่าผมจะทำมิดีมิร้ายคุณ หน้าตาหรือก็…” ดวงตาคมไล่มองร่างบางตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าแล้วทำเสียงจิ๊จ๊ะพร้อมกับส่ายหน้า พูดในสิ่งที่ทำให้อนามิกาแทบกรี๊ด

“ก็งั้นๆ ตัวก็เล็ก แถมหุ่นก็แบนราบ หน้ากับหลังแทบแยกไม่ออก หาความเซ็กซี่ไม่มีเลย” ชายหนุ่มตอบกลับอย่างยียวนกวนประสาท แล้วหัวเราะหึๆ ในลำคอ เมื่อเห็นอีกฝ่ายโกรธจัดหน้าแดงก่ำแทบจะแปลงร่างได้อยู่แล้ว ผู้หญิงนะผู้หญิง พูดเรื่องจริงแค่นี้ก็ต้องโกรธกันด้วย แต่เขาไม่บอกเธอหรอกว่า ถึงเธอจะไม่เซ็กซี่ แต่ก็น่ารักเร้าใจเขาดีแท้

“อะ…ไอ้ผู้ชายบ้า ปากปีจอ กล้าดีอย่างไรมาวิจารณ์หุ่นฉัน หุ่นฉันมันไม่ดีไม่เซ็กซี่ แต่สิ่งที่คุณทำมันบ่งบอก…”

“บ่งบอกว่าอะไร” เคเลอร์แทรกขึ้นก่อนที่หญิงสาวจะทันได้พูดจบ แล้วพูดต่อไปอีกว่า “เข้าใจเสียใหม่นะว่า ผมไม่ได้จะทำอะไรอย่างที่คุณคิด คืนนั้นผมเห็นคุณเดินหนี คิดว่าคุณจะกลับที่พักก็เลยจะอาสาเดินไปส่งด้วยความหวังดี เพราะมันดึกแล้ว ถ้าปล่อยให้ผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างคุณกลับคนเดียวกลัวจะมีอันตราย แต่พอผมเดินเข้าไปรั้งแขนคุณเอาไว้ คุณก็ร้องแรกแหกกระเชอ ถ้าผมไม่รวบตัวคุณมาปิดปากแล้วลากไปที่อื่น ผมจะไม่โดนนักท่องเที่ยวที่อยู่บริเวณนั้นรุมหรืออย่างไร ผมแค่หวังดี และมีน้ำใจ แต่ในสายตาคุณ ผมกลับกลายเป็นผู้ชายชั่ว โรคจิต ไร้ยางอายเลยหรือ มันไม่ยุติธรรมกับผมเลยจริงๆ” เคเลอร์ตีหน้าเศร้ามองวงหน้าสวยน่ารักที่เริ่มลังเล และคลายความระแวงลงอย่างเห็นได้ชัด

“เอ่อ…ฉัน…ฉัน…” อนามิกานิ่งอึ้งอย่างหาคำพูดตัวเองไม่เจอ ขณะที่หัวพยายามคิดไล่ลำดับเหตุการณ์ก็เริ่มจะคล้อยตามในสิ่งที่เขาเล่ามาว่า มันก็อาจจะจริง เธอโวยวายไปเอง คืนนั้นเขายังไม่ได้ทำอะไรเธอเลย แต่ใครจะไปไว้ใจผู้ชายแปลกหน้าล่ะ หญิงสาวให้เหตุผลตัวเอง

“ผมว่าเรานั่งคุยกันดีกว่าไหม เดินวนคุยกันแล้วโคตรเหนื่อย ผมไม่ได้กินไม่ได้นอนตั้งแต่เมื่อวานแล้วนะ ผมรู้สึกเหมือนจะเป็นลม” ว่าเสร็จ ร่างสูงก็ทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ด้วยท่าทีหมดแรงคล้ายคนกำลังจะเป็นลมจริงๆ ทำให้อนามิการีบโบกมือพัดให้เขา พร้อมกับเลื่อนน้ำกับแฮมเบอร์เกอร์ที่ยังคงวางอยู่บนเก้าอี้ไปให้เขาใกล้ๆ อย่างมีน้ำใจ

“คุณกินเสียสิ ไปทำอะไรมา ทำไมไม่กินไม่นอน โอ๊ะ! อย่าบอกนะว่าคุณกับผู้หญิงสุดเซ็กซี่คนนั้นเร่าร้อนกันตั้งแต่คืนนั้นจนวันนี้”

เคเลอร์ถึงกับสำลักน้ำอัดลมที่เพิ่งยกขึ้นดื่ม

“จะบ้าหรือคุณ คนนะครับ ไม่ใช่หุ่นยนต์ ใครจะไปบ้าพลังขนาดนั้น นี่มันผ่านมาเป็นอาทิตย์แล้วนะ ถ้าผมทำจริง มิได้นอนโรงบาลหรืออย่างไรกัน”

“ใครจะไปรู้ล่ะ ก็ดูสภาพคุณสิ”

“ผมเพิ่งกลับมาจากคาสิโน” เคเลอร์บอกพลางหลับตาพิงหลังกับพนักเก้าอี้

เขาแฝงตัวเข้าไปเป็นลูกค้าในคาสิโนของตัวเองเพื่อดูลาดเลาคนที่มาเล่นสกปรกในคาสิโนของเขามาเป็นอาทิตย์แล้ว และตอนนี้เริ่มรู้บ้างแล้วว่า พวกมันใช้วิธีโกงอย่างไรบ้าง เมื่อคืนเขาเลยยอมเทหน้าตักเล่นจนสว่างคาตา และผลออกมาคือเงินสดที่เขาพกติดตัวหมดเกลี้ยงไม่เหลือสักเหรียญ นี่มันกะให้ลูกค้าของคาสิโนเขาขยาด ไม่กล้ามาเล่นที่นี่ต่อเลยล่ะสิถึงไม่ยอมให้คนอื่นเล่นได้เลย

“มันน่ายึดของกินคืนไหมล่ะ เล่นการพนันจนหมดตัวไม่มีกระทั่งเงินจะซื้อข้าวกิน ฉันล่ะเกลียดคนประเภทคุณจริงๆ”

อนามิกาต่อว่าอีกฝ่ายอย่างจริงจัง เมื่อเผลอไปเปรียบเทียบเขากับคนเป็นป้า ไม่ใช่เพราะการพนันหรอกหรือที่ทำให้เธอต้องระหกระเหินมาทำงานไกลถึงลาสเวกัส อยากจะกลับเมืองไทยก็กลับไม่ได้ จะอยู่ที่นี่ต่อหรือเธอก็ยังหาวิธีที่จะอยู่ไม่ได้เลย สรุปการพนันคือความเลวร้ายในชีวิตของเธอจริงๆ

“แหม…บ่นอย่างกับแม่ แค่ช่วงนี้ผมมีปัญหานิดหน่อยเลยเข้าไปแก้เซ็ง” เขายิ้มเผล่เมื่อจัดการแฮมเบอร์เกอร์ชิ้นโตภายในเวลาไม่ถึงนาที “ขอบคุณสำหรับอาหารมื้อนี้”

“ดูสภาพคุณแล้ว ปัญหาถ้าไม่อกหักก็ตกงาน” อนามิกาคาดเดาพลางเบ้ปาก

“ไม่เคยอกหัก เคยแต่หักอก แต่เรื่องตกงานจะว่าอย่างนั้นก็ใช่ ช่วงนี้ผมว่างงานอยู่” เขาพูดเรื่องจริง ตลอดสองเดือนนี้ว่างงานจริงๆ นี่ ไม่ได้เรียกร้องความสงสารจากสาวนะ

“แล้วคุณล่ะ มีเรื่องกลุ้มอะไรหรือเปล่า ผมเห็นคุณนั่งทำหน้าหนักใจอยู่ตั้งนานสองนาน ขนาดผมเดินมานั่งด้วยยังไม่รู้สึกตัวเลย” เคเลอร์ถามต่อ เมื่อเห็นหญิงสาวมองเขาอย่างใช้ความคิดเหมือนกำลังตัดสินใจอะไรบางอย่าง

“คุณเป็นคนอเมริกันหรือเปล่า” อนามิกาถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยมั่นใจนัก ไม่รู้เหมือนกันว่า ทำไมจึงเลือกถามคนที่เธอเคยคิดว่าเขาจะทำมิดีมิร้าย เพราะสงสารที่ได้ยินว่าเขากำลังตกงาน หรือเพราะเขาบอกว่าไม่คิดจะพิศวาสเธอกันแน่ไม่รู้เหมือนกัน เอาเป็นว่าหลายๆ เหตุผลรวมกัน

“เป็นโดยกำเนิดเลยล่ะ” ชายหนุ่มตอบอย่างงงๆ พลางหรี่ตามองหญิงสาว

“เอ่อ…เห็นว่าคุณตกงานอยู่ ถ้าฉันจะจ้างคุณทำงานระยะหนึ่งคุณจะทำไหม”

“จ้างผมหรือ” เคเลอร์เลิกคิ้วพลางชี้นิ้วมาที่ตัวเองด้วยความประหลาดใจหน่อยๆ และเมื่อเห็นอีกฝ่ายพยักหน้าด้วยอาการคาดหวังระคนหวาดหวั่น เขาจึงถามต่อ “ผมขอฟังรายละเอียดประกอบการตัดสินใจก่อนได้ไหม”

“ฉันเป็นคนไทย มาทำงานที่นี่ด้วยวีซ่าท่องเที่ยว อีกแค่ไม่กี่เดือนก็จะถึงกำหนดที่ฉันต้องกลับประเทศแล้ว แต่ฉันมีเหตุผลจำเป็นที่ยังกลับไม่ได้ ฉันเลยอยากได้กรีนการ์ดเพื่ออยู่ทำงานที่นี่อย่างถูกกฎหมาย ฉันเลยคิดว่าจะจ้างคุณมาจดทะเบียนสมรสกับฉันเพื่อไปยื่นขอกรีนการ์ด คุณจะว่าอย่างไร”

เคเลอร์ฟังจบก็เบือนหน้าหนีไปทาง เพื่อไม่ให้เธอเห็นว่าเขากำลังหัวเราะเธอ ผู้หญิงคนนี้นี่ ก่อนหน้านี้ยังกลัวเขาอยู่เลย ตอนนี้มาชวนไปจดทะเบียนสมรสเสียแล้ว ทำอย่างไรล่ะ เขาไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงินจนต้องไปรับจ้างทำอะไรเพี้ยนๆ แบบนี้ อีกอย่าง...ตอนนี้เขายังไม่พร้อมที่จะมีพันธะ แต่ถ้าเขาไม่รับทำงานนี้ เธอต้องไปจ้างผู้ชายคนอื่นแน่ๆ แค่คิดเขาก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมา สงสัยเป็นเพราะเธอเป็นคนไทยเหมือนกับแม่เลี้ยงเลยทำให้เขารู้สึกอยากปกป้อง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel