บทที่ 4
ความรักไม่จำเป็นต้องเสียสละไม่ใช่เหรอ มันต้องกอบโกยเป็นของตนเองต่างหากเล่า
นัยน์ตากลมโตมองตามซิปที่ถูกรูดลงเรื่อยๆ คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน เมื่อสาบซิปค่อยแยกออก เผยให้เห็นสิ่งที่อยู่ภายใน
ผ้าสีดำ!
มันควรจะเป็นชุดสีแชมเปญผ้าลูกไม้ฝรั่งเศสไม่ใช่เหรอ!
“สวัสดีเพื่อนรัก”
น้ำเสียงคุ้นเคยทำให้ทิพย์น้ำค้างสะดุ้งสุดตัว ก่อนจะหันไปทางต้นเสียง แล้วหน้างามก็ซีดเผือด เมื่อเห็นว่าใครกำลังเดินเข้าประตูที่ถูกเปิดออกมาโดยที่เธอแทบไม่รู้ตัว
“ธิชา!”
…
นัยน์ตาคมกริบมองกวาดไปรอบๆ บริเวณงานอย่างระมัดระวัง ร่างสูงใหญ่สะดุดตาของเขา เป็นที่จ้องมองและซุบซิบจากญาติบางคนที่ ‘รู้จัก’แต่เขาก็ไม่ได้สนใจอะไร ชัชชนนท์สวมเสื้อยืดสีน้ำเงินเข้มจนเกือบดำ กางเกงยีนสีซีด ดีที่เขาเปลี่ยนรองเท้าก่อนเข้างาน ถ้าไม่อย่างนั้นสายตาของพวกผู้ดีนี่คงมองอีกว่าเขาสวมรองเท้าผ้าใบเปื้อนทั้งโคลนทั้งฝุ่น หึ หึ บางทีเขาก็อยากจะทำอย่างนั้น ชัชชนนท์คิดขณะที่แยกออกมาหาที่สูบบุหรี่เงียบๆ เขาเบื่อสังคมแบบนี้ ดีแค่ไหนที่เขาไม่ใช่ลูกชายที่ถูกเลือก
ดีแล้ว
เขาก้มลงจุดบุหรี่สูบ เมื่อได้สถานที่เหมาะๆ แล้ว เขาสูดกลิ่นยาเส้นเข้าไป ก่อนจะพ่นควันสีเทาหมอกออกมา มารดาขอจนระอาไปเองให้เขาเลิก แต่ชัชชนนท์ก็คือชัชชนนท์ ลูกชายจอมขบถและหัวดื้อ เขาไม่เหมือนกับน้องชายต่างมารดา ที่ว่าง่ายและทำตัวเป็นเด็กดีเพอร์เฟคทุกกระเบียด
สายตาคมกริบมองกวาดไปทั่วตามความเคยชิน เขาเตะตากับรถตู้สีดำที่เลี้ยวเข้ามาจอด มันติดสติกเกอร์ของร้านเสื้อยี่ห้อหรูร้านหนึ่ง เขาจำได้ว่ามันคือร้านตัดชุดแต่งงานของน้องชายเขา ชุดบ้าห่าเหวที่แพงเกือบล้าน เขายังนึกสงสัยในตัวเจ้าสาวแสนสมถะที่น้องชายพร่ำบรรยาย ว่าคนสมถะประเภทไหนกัน ถึงไปถูกใจชุดแต่งงานแพงมหาโหดขนาดนั้น ไม่คิดจะแย้งบ้างหรือยังไง ว่ามันสิ้นเปลือง
สายตาของเขาถ้าไม่ผิด ยามมองทิพย์น้ำค้าง เขามองว่าเธอดูไม่ใสซื่อ น่ารักเหมือนที่น้องชายพูดบอกเลยแม้แต่น้อย
ทำไมเขาถึงเห็นแต่ความตอแหล
หึ หึ...
ทำไมเขาถึงมองว่า คู่หมายของพ่อน้องชายแสนซื่อนั่น แม่เพชรน้ำหนึ่ง ผู้หญิงที่แสนจะเชิดและเลอเลิศไปทุกอย่างนั้นเสียอีก ดูจริงใจเสียยิ่งกว่าแม่ทิพย์น้ำค้างอะไรนี่ แสนดี เป็นกุลสตรีประเภทไหนกัน ถึงได้ปล่อยตัวให้ท้องก่อนแต่ง ทำผิดขบถ ประเพณีแบบนั้น ท้องเร็วเสียด้วย ก็เจ้าหล่อนท้องได้เกือบสามเดือนแล้ว สปาค์กกันเร็วไปหรือเปล่า? กับมณธิชาเสียอีก เขากลับนับถือหล่อน ที่วางตัวดี ไม่ปล่อยเนื้อปล่อยตัว จนน้องชายของเขายังเกรงใจ
ม.ร.ว.รัชชานันท์อาจจะพลาดอะไรไปก็ได้ ที่ไม่เลือกหล่อน
ชัชชนนท์สั่นหน้าน้อยๆ เลิกคิดเรื่องของน้องชายเสียชั่วคราว เลือกเอง ก็รับผิดชอบกับสิ่งที่เลือกเอง เขานึกสงสารอดีตของน้องชายขึ้นมานิดหน่อย ผู้หญิงแสนเพอร์เฟคไม่เคยแพ้ใครแบบนั้น จะรู้สึกยังไงกันนะ ที่คนรักกับเพื่อนรัก กลับมารักกันเสียเอง
คงเป็นความรู้สึกที่ไม่สนุกนักหรอก
เขาปล่อยอารมณ์ไปกับสายหมอกสีเทา นัยน์ตาคมมองไปยังรถตู้นั่นอีกหน คนสี่คนเดินลงมาจากรถ หอบของพะรุงพะรังเดินผ่านหน้าเขาไปด้วยความเร่งรีบ หนึ่งในนั้น ท่าเดินระเหิดระหงนั่นมันทำให้เขาขมวดคิ้ว ขยี้บุหรี่ลงกับพื้นปูนที่เขานั่งอยู่ ก่อนจะทิ้งมันแล้วเดินตามคนกลุ่มพวกนี้ไปเงียบๆ
ความมุ่งมั่นทำให้เจ้าของร่างระหงนั่นไม่ได้ระวังตัว และไม่ได้หันมองว่ากำลังถูกสะกดรอยตาม...
รอยยิ้มผุดขึ้นที่ริมฝีปากของผู้สะกดรอยตามกลุ่มของพวกหล่อน
งานวิวาห์หนนี้ดูท่าจะสนุกแน่นอน
….
เสียงเพลงไพเราะขับกล่อมกลุ่มคนในห้องบอลลูมที่ตกแต่งไว้ด้วยดอกไม้ที่เจ้าสาวชอบ คือดอกกุหลาบขาวและดอกฟอร์เกตมีนอต ซุ้มหน้างานมีรูปถ่ายพรีเวดดิ้งของคนทั้งคู่ที่หวานชื่น และบอกว่าทั้งสองคนรักกันแนบแน่นขนาดไหน
มีรูปโพราลอยเสียบร้อยเป็นสายโมบายตกแต่งไว้ เป็นรูปถ่ายในอิริยาบถสบายๆ ที่ทั้งสองใช้เวลาทำกิจกรรมด้วยกัน ไปเที่ยวด้วยกัน อีกนับร้อยรูป เพื่อนของเจ้าบ่าว เพื่อนของเจ้าสาว หลายคนซุบซิบยามเห็นรูปถ่ายเหล่านั้น เพราะทั้งสองคนแต่งงานกันแบบสายฟ้าแลบเหลือเกิน
“ฉันแปลกใจจริงจังคู่นี้ไปรักกันตอนไหน?”
“นั่นสิ ตอนแรกเป็นธิชาไม่ใช่เหรอ คู่นั้นเหมาะกันมาก แต่นี่...บอกตรงๆ ไม่รู้จักเจ้าสาวเลย”
“ฉันรู้จักนะ แม่นี่น่ะเป็นเด็กตามสนเข็มสนด้าย ตามก้นธิชายังไงล่ะ เวลาธิชาไปไหน ยัยคนนี้ตามติดด้วยตลอดเลย”
“เอ่อ...คุ้นๆ ล่ะ ฉันเคยเห็นหน้าบ่อยๆ ในอินสตาแกรมของธิชา ยังแซวเลยว่าไปเก็บนางซินที่ไหนมา ตายแล้ว! อกอีแป้นจะแตก งานนี้นางซินกลับชิงตัดหน้านางฟ้าไปได้ยังไงกันนะ”
“คงจะตัดหน้าด้วยอย่างอื่นแหงๆ ได้ข่าวมาจากหมอเอกจ้า ว่าทั้งสองคนนี่แอบไปตรวจท้อง ฝากครรภ์กันแล้วนะเธ้อ เตรียมนับเดือนได้เลย คลอดก่อนกำหนดแน่ๆ”
“ตายๆ เค้าปิดเป็นความลับ แล้วหล่อนไปรู้ได้ยังไงอะ”
“ยิ่งเป็นความลับนั่นล่ะ ยิ่งไม่ลับฉันจะบอกให้ เดี๋ยวเดือนหน้าก็คงแถลงข่าวว่าท้องแล้ว อิอิ คอยดูสิ”
“สรุปนางฟ้า แพ้นางซินสินะ เพราะนางซินถลกกระโปรงไวกว่า”
“ก็อย่างนั้นล่ะย่ะ”
เสียงซุบซิบไม่เบานัก เหมือนจะจงใจให้เกิดข่าว และบางคำก็เข้าหูญาติผู้ใหญ่ของ ม.ร.ว.หนุ่ม ที่ลากพาตัวหลานชายไปคุยเงียบๆ เขามองหาพี่ชายโดยอัตโนมัติ ชัชชนนท์หายไปไหนกันนะ เรื่องแบบนี้เขาต้องการพี่ชายอย่างมาก
สายตาของญาติๆ ของเขา เป็นสิ่งที่ทำให้เขาหน้าม้าน เกี่ยวกับเรื่องคนที่เขาเลือก
สายตาขำๆ ของเพื่อนนักธุรกิจ เพื่อนสนิทอีก
วูบหนึ่งเขาอดคิดไม่ได้ว่า ตนเองอาจจะตัดสินใจผิด และทำผิด
ถ้าเจ้าสาวของเขาเป็นมณธิชา ถ้อยคำที่เขาได้ยินคงไม่ใช่แบบนี้ ญาติของเขาคงจะไม่พูดจาดูแคลนคนที่เขาเลือกมาเป็นเมียแบบนี้
หม่อมราชวงศ์หนุ่มสั่นหน้าน้อยๆ เขาเลือกแล้ว เขารักเธอ เขารักผู้หญิงที่เลือกเป็นแม่ของลูก กับมณธิชามันคือความเหมาะสม มากกว่าความรัก เขาแน่ใจ...แน่ใจว่าแบบนั้น
เราควรเลือกที่จะอยู่กับผู้หญิงที่ทำให้สบายใจ มากกว่าอยู่กับผู้หญิงที่ทำให้รู้สึกเหมือนต้องพยายามอยู่ตลอดเวลาไม่ใช่หรือ
นี่คือความแตกต่างของความรู้สึกของเขา
ระหว่างทิพย์น้ำค้าง และมณธิชา
“เจ้าสาวเปลี่ยนชุดนานมากเลยนะครับคุณชาย เอ่อ...นี่ใกล้ถึงเวลาเข้างานแล้วด้วยครับ ผมให้คนไปตาม แต่ว่าเห็นว่ายังแต่งตัวไม่เสร็จครับ นี่จะเอายังไงกับเรื่องการถ่ายรูปหน้างานดีครับ”
พนักงานออแกไนซ์จัดงานเดินมาถามเขา ม.ร.ว.หนุ่มดูนาฬิกา แล้วเม้มริมฝีปากเล็กน้อย จริงๆ เขาไม่อยากอยู่ที่ตรงนี้อีกแล้วด้วยซ้ำ มันเหมือนกับเขากำลังสวมหน้ากากยิ้มแย้ม ให้กับผู้คนที่มาแสดงความยินดี มายิ้ม ถ่ายรูปดูมีความสุขกับงานสำคัญของเขา แต่กลับนินทา พูดจาสนุกปากเรื่องของเขากับเจ้าสาว เขาอยากเร่งเวลาให้งานจบลงเร็วๆ เพื่อจะได้ถอดหน้ากากสังคมนี่ออกไปเสียที
“เลื่อนไปเลยก็ได้ครับ ให้คนไปบอกน้ำ ว่ารอเวลาขึ้นเวทีเลยก็ได้”
“ครับผม”
ม.ร.ว.หนุ่มถอนหายใจ ขณะที่ต้องแสร้งฝืนยิ้ม หันไปหาเพื่อนๆ ที่มาแสดงความยินดี ดูจากสายตาของภรรยาของเพื่อนเขา ก็พอจะรู้สึกได้ถึงความเหยียดเยาะ กับสิ่งที่เขาเลือก
มันเรื่องของเขาหรือเปล่าที่จะเลือกใครก็ได้
แต่ถ้ามารดาและบิดายังอยู่ เจ้าสาวของเขาก็คงจะเป็น มณธิชา!
เขาควรยินดีที่เป็นเช่นนั้น?
ควรยินดีที่เลือกทิพย์น้ำค้าง
ใช่ไหม...