บทที่ 5 ทั้งเมืองตกอยู่ในภาวะฉุกเฉิน
“คุณหนูฉิน คุณไปไหน?” บนทางเดิน ลู่เยว่ที่เพิ่งจะดูแลซุนหมิงเทาเสร็จมองไปยังฉินหยู่ซินพลางตะโกนเรียก
เพียงแต่ว่าฉินหยู่ซินไม่สนใจเขาเลยโดยสิ้นเชิง ไม่นานก็หายไปจากปากบันได
“ขวางหยู่ซินไว้!” หลังจากที่หลิงห้าวพุ่งออกมาจากห้องแล้วก็ตะโกนเสียงดัง
พอได้ฟังการร่ำไห้ของฉินหยู่ซินเมื่อครู่แล้ว เขาก็รู้สึกว่ามีความเป็นไปได้มากว่าตนจะเข้าใจอีกฝ่ายผิดไปอย่างไม่ชัดเจน
“ครับ!” ลู่เยว่หันกลับไปไล่ตาม
เพิ่งวิ่งไปได้ไม่ถึงสองก้าว เสียงริงโทนโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เขาวิ่งไปด้วยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับไปด้วย
“จริงเหรอ!?” นาทีต่อมา ลู่เยว่ก็หยุดฝีเท้าลง
ไม่รู้ว่าปลายสายพูดอะไรต่อ คิ้วของเขาขมวดขึ้น “ผมจะไปเดี๋ยวนี้!”
“ทำไมเหรอ?” ตอนนี้หลิงห้าววิ่งมาอยู่ตรงหน้าแล้ว
“จับตัวสี่คนที่จับตัวหรุ่ยหรุ่ยไปได้แล้วครับ!” หลังจากที่ลู่เยว่วางสายโทรศัพท์ไปก็เอ่ยเสียงต่ำ “แต่ตายไปแล้ว!”
“หืม!?” หลิงห้าวขมวดคิ้ว ทอดสายตามองไปยังทิศทางที่ฉินหยู่ซินหายตัวไป หยุดอยู่ครู่หนึ่งแล้วเอ่ย “ไปดูกันก่อน!”
สำหรับเขาในตอนนี้แล้ว การช่วยชีวิตหรุ่ยหรุ่ยสำคัญกว่าอะไรทั้งสิ้น!
บรื้น!
สามนาทีต่อมา ลู่เยว่เหยียบคันแร่งลงไป รถยนต์พุ่งทะยานออกไป
“ท่านผู้บังคับบัญชาครับ ท่านน่าจะเข้าใจคุณหนูฉินผิดแล้ว!” ลู่เยว่ขับรถไปด้วยพูดไปด้วย
“ผมไปถามคุณชายตระกูลซุนคนนั้นมาแล้ว วันนี้คุณหนูไปหาเขาเพราะจะขอร้องเขาให้ช่วยตามหาหรุ่ยหรุ่ยครับ”
“จากที่เขาพูดมา คุณหนูฉินเองก็ไม่รู้ว่าใครจับตัวหรุ่ยหรุ่ยไปครับ!”
“หลังจากเกิดเรื่องขึ้น คุณหนูฉินก็ร้อนรนจนแทบเสียสติไป ไปขอให้คนอื่นช่วยเหลือทุกหนทุกแห่ง แต่คนที่มีความสามารถช่วยเหลือเธอได้ก็ไม่มีใครยินดีเข้าช่วยเหลือเลย”
“เธอเองก็แจ้งตำรวจแล้ว แต่จนถึงตอนนี้แล้วก็ไม่มีเบาะแสหรือความคืบหน้าใด ๆ!”
“ภายใต้ความอับจนหนทาง เธอทำได้แค่มาอ้อนวอนซุนหมิงเทา ซุนหมิงเทาเสนอเงื่อนไขหนึ่งข้อ ช่วยตามหาหรุ่ยหรุ่ยได้ แต่ต้องให้คุณหนูฉินเธอ...”
“คุณหนูฉินโดนบังคับอย่างจำใจ เพื่อที่จะตามหาหรุ่ยหรุ่ยให้เจอ เธอไม่มีทางเลือก!”
“อืม!” หลิงห้าวหยักหน้าน้อย ๆ ดวงตาทั้งคู่แดงก่ำ
ความทุกข์ใจจากความละอายที่อยู่ในใจปะทุขึ้นมาอย่างกะทันหันราวกับน้ำป่าไหลหลาก ทั้งตัวสั่นสะท้านเบา ๆ อย่างควบคุมไม่อยู่
ตนเองไม่ได้เรื่องจริง ๆ!
ตอนที่ฉินหยู่ซินทุกข์ทรมานที่สุด ไร้การช่วยเหลือที่สุด เขาไม่เพียงแต่ไม่ได้ปลอบใจเธอให้ดี ๆ กลับสงสัยเธออย่างนั้น เขาเป็นผู้ชายที่เสียเปล่าจริง ๆ!
ถุย!
นาทีต่อมาเขาก็อ้าปากถ่มเลือดคั่งคำใหญ่ออกมา ในขณะเดียวกันลมปราณทั้งตัวของเขาก็สับสนเป็นอย่างยิ่ง
“ท่านผู้บังคับบัญชา!” ลู่เยว่ร้องตะโกนออกมาทันที “ท่านไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ?”
“ท่านอย่ารู้สึกผิดมากไปเลย ใส่ใจสุขภาพด้วยครับ ท่านมีแผลเก่าอยู่กับตัว ร้อนใจไปจะทำอาการของท่านแย่ลงอีกขั้นนะครับ!”
ในฐานะที่เป็นรองผู้บังคับบัญชาการของหลิงห้าว เขารู้ถึงสภาพอาการบาดเจ็บบนร่างกายของหลิงห้าวดี
เมื่อสองปีก่อน ในสงครามที่หลิงห้าวต่อสู้กับสิบประเทศบนสุด แม้ว่าสุดท้ายจะได้ศีรษะของฝ่ายตรงข้ามสิบคนมาได้
แต่ตัวเขาเองก็ถูกฝ่ายตรงข้ามสิบคนทำให้เจ็บหนัก บาดเจ็บจนถึงรากฐาน การบำเพ็ญตนหย่อนลงมาเยอะ
แม้ว่าฝีมือทางการแพทย์ของหลิงห้าวจะน่าเหลือเชื่อเหมือนกันกับวิชาการต่อสู้ของเขา
แต่แพทย์ไม่สามารถรักษาตัวเองได้ อีกทั้งอาการบาดเจ็บยังสาหัสเกินไปจริง ๆ ไม่มีความเป็นไปได้ใด ๆ เลยที่จะสามารถรักษาให้หายได้ภายในช่วงเวลาสั้น ๆ ทำได้เพียงอาศัยให้เวลาฟื้นฟูอย่างช้า ๆ
“ฉันไม่เป็นไร!” หลิงห้าวยกมือขึ้นมาเช็ดคราบเลือด “เร็วอีกหน่อย!”
“ครับ!” ลู่เยว่เพิ่มความเร็วแล้วเอ่ยปากอีกครั้ง “ท่านผู้บังคับบัญชา ท่านอย่าร้อนใจไปเลย หรุ่ยหรุ่ยจะต้องไม่เป็นไรแน่ครับ!”
หลิงห้าวไม่ตอบรับคำพูดของเขา สายตาราวกันเป็นประกายแสง จ้องไปยังด้านหน้า รังสีสังหารตลบอบอวลไปรอบ ๆ
สี่สิบนาทีหลังจากนั้น ลู่เยว่ก็จอดรถอยู่ที่จุดรับซื้อของเก่าและชำรุดแห่งหนึ่ง
ทั้งสองคนทอดสายตามองไปยังที่ไม่ไกล พนักงานที่สวมชุดเครื่องแบบตำรวจพิเศษสี่สิบห้าสิบคนล้อมรอบอยู่ข้าง ๆ รถคันเล็ก ๆ คันหนึ่งพลางปรึกษาอะไรกัน
“สวัสดีครับท่านเจ้าหน้าที่อาวุโสทั้งสองท่าน ขอถามหน่อยครับ ท่านไหนคือเจ้าหน้าที่อาวุโสลู่?”
หลังจากเห็นทั้งสองคนลงจากรถแล้ว เจ้าหน้าที่ที่สวมชุดเครื่องแบบตำรวจคนที่เป็นหัวหน้าอายุห้าสิบกว่าก้าวเร็ว ๆ เข้ามาต้อนรับ น้ำเสียงเคารพนบนอบอย่างถึงที่สุด
“ผมเอง!” ลู่เยว่ขานรับเสียงต่ำ
ฟึ่บ!
ผู้ชายคนนั้นเงยหน้ายืดอกตัวตรงทำความเคารพ “เจ้าหน้าที่ตำรวจจางหมิ่นห้าวแห่งหยุนเฉิง รายงานท่านเจ้าหน้าที่อาวุโส ขอท่านเจ้าหน้าที่อาวุโสชี้แนะ!”
หนึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้ เขากำลังจัดการประชุมพิเศษอยู่ในสำนักงาน
เพิ่งประชุมได้ครึ่งเดียว โทรศัพท์ก็ดังขึ้น เขาหยิบขึ้นมาดูเป็นสายจากหัวหน้าโดยตรงของตนเอง
หลังจากที่รับสายเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาก็มีปฏิภาณขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว ใบหน้าเต็มไปด้วยความหวาดผวา เหงื่อผุดขึ้นมาทั้งตัวโดยตรง
เขามีลางสังหรณ์บางอย่างว่าท้องฟ้าของหยุนเฉิงจะถล่มลงมาแล้ว!
หัวหน้าโดยตรงของเขาบอกกับเขาทางโทรศัพท์ว่า ลูกสาวของบุคคลระดับสูงท่านหนึ่งของหน่วยรบเซวี่ยอิ๋งถูกจับตัวไป เหตุการณ์เกิดขึ้นในหยุนเฉิง!
ในฐานะที่เขาเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดของสำนักงานตำรวจ แน่นอนว่าต้องรู้ว่าหน่วยรบเซวี่ยอิ๋งนั้นหมายถึงอะไร!
นั่นเป็นถึงจอมพลหลิง ราชาแดนตะวันตกในตำนานคนนั้น ได้สร้างหน่วยกล้าตายหนึ่งกองพลขึ้นมาด้วยตัวเอง!
ตั้งแต่เริ่มต้นก่อตั้งจนถึงตอนนี้ก็ได้ผ่านยุทธการน้อยใหญ่นับร้อย ไม่มีการพ่ายแพ้เลยแม้แต่ครั้งเดียว ทำให้ประเทศศัตรูทั้งหมดล้วนแต่พูดถึงแล้วหวาดกลัวกันถ้วนหน้า!
แต่ตอนนี้นึกไม่ถึงว่าจะมีคนมาจับตัวลูกสาวของบุคคลสำคัญของหน่วยรบเซวี่ยอิ๋งไป!
ยังมีเรื่องที่น่าสยดสยองกว่านี้อีกไหม!?
“สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง?” ลู่เยว่กับหลิงห้าวเดินเข้าไปทางด้านข้างของรถยนต์พลางเอ่ยปากถาม
“เรียนเจ้าหน้าที่อาวุโสลู่ คนร้ายสี่คนล้วนแต่ถูกคนเอามีดปาดคอ ตอนนี้ไม่มีเบาะแสที่มีประโยชน์ใด ๆ หลงเหลืออยู่เลยครับ” จางหมิ่นห้าวสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วเอ่ยตอบ
ในเวลาเดียวกันกับที่พูด สายตาก็มองหลิงห้าวอย่างเริ่มสำนึกได้
แม้ว่าหลิงห้าวจะไม่ได้พูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว แต่เขากลับมีปฏิกิริยาถึงกลิ่นอายราวกับจักรพรรดิจากตัวของเขา ทำให้เขารู้สึกเหมือนจะยืนตัวตรงไม่ได้ ต้องโค้งให้ตลอด
ความรู้สึกแบบนี้เขาไม่เคยประสบมาก่อน!
ในใจก็ถาโถมสภาวะแวดล้อมที่เต็มไปด้วยความอันตรายขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ พอคาดเดาได้ถึงฐานะของหลิงห้าว
ท่านนี้มีระดับสูงสุดคือบุคคลใหญ่โตที่อยู่ในตำนานท่านนั้น!
จอมพลหลิง ราชาแดนตะวันตก!
นี่ทำให้เขาหวาดกลัวมากยิ่งขึ้นไปอีก เขาคิดไม่ถึงเลยว่าลูกสาวของจอมพลหลิงคนนี้จะถูกจับตัวไป นี่เป็นการยุแหย่กับฟ้าชัด ๆ!
เขาแทบอยากจะจับคนที่ทำผิดกฎหมายแต่ละคนมาตัดนิ้วมือนิ้วเท้าทีละชิ้นจนตายไปเลยจริง ๆ!
ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำจริง ๆ!
ไม่นาน ทั้งสามคนก็มาถึงข้างรถยนต์ หลิงห้าวโค้งเอวเข้าไปในรถ
ผู้ชายสี่คนนั่งนิ่ง ๆ อยู่กับที่ บริเวณลำคอของแต่ละคนล้วนแต่ถูกปาดออกเป็นแผลหนึ่งแผล ร่างกายท่อนบนถูกเลือดอาบจนชุ่ม
ฟึ่บ!
ตอนที่มองเห็นเบาะด้านหลังมีรองเท้าของเด็กผู้หญิงหนึ่งข้างตกหล่นอยู่ด้านบน รังสีสังหารเทียมฟ้าก็ตลบขึ้นมาจากร่างกายของเขาแล้วปกคลุมพื้นที่ว่างในชั่วพริบตา
พนักงานในชุดเครื่องแบบตำรวจทั้งหมดรวมถึงจางหมิ่นห้าวก็ได้สั่นสะท้านขึ้นพร้อมกัน ความรู้สึกอึดอัดจนหายใจไม่ออกเหมือนภูเขาไท่ซานกดทับอยู่ทำให้พวกเขาหายใจไม่ออก
“เจ้าหน้าที่อาวุโสลู่ครับ ขออนุญาตถามครับ เขาคือ...?” ด้านนอกรถ จางหมิ่นห้าวมองไปยังลู่เยว่แล้วเอ่ยปากถาม
“อะไรที่ไม่ควรถามก็อย่าถาม!” ลู่เยว่ตอบกลับเสียงต่ำ “รู้มากไปไม่เป็นผลดีกับคุณ!”
“รับทราบครับ!” จางหมิ่นห้าวตอบกลับอย่างเคร่งขรึมจริงจัง
“ค้น!” หลังจากที่หลิงห้าวลงจากรถแล้วเขาก็เอ่ยเสียงเย็นเยียบ
“ตรวจสอบตัวตนของทั้งสี่คนให้เร็วที่สุด หาให้เจอว่าช่วงหลายวันนี้พวกเขาติดต่อกับใครบ้าง คัดเลือกทั้งหมดมาหนึ่งรอบ!”
“หลังจากเจอคนที่น่าสงสัยแล้วให้รายงานทันที!”
“รับทราบครับเจ้าหน้าที่อาวุโส!” จางหมิ่นห้าวตอบกลับแล้วแสดงความเคารพ
“เรื่องนี้นายรับผิดชอบด้วยตัวเอง!” หลิงห้าวมองจางหมิ่นห้าวแล้วเอ่ยปากอีกครั้ง “นอกจากนี้กำชับกับคนของนายด้วยว่าห้ามเปิดเผยฐานะของพวกเราอย่างเด็ดขาด!”
พูดจบเขาก็หันหลังแล้วเดินกลับเข้าไปในรถ ลู่เยว่ตามเขาไปด้านหลังติด ๆ
สิบเนื่องจากคำสั่งนี้ของเขา
ระบบทั้งหมดของสำนักงานตำรวจหยุนเฉิงก็ได้หมุนไปด้วยความรวดเร็ว ทั้งหยุนเฉิงเข้าสู่สภาวะฉุกเฉินในทันที