บทที่ 12 เธอคือลูกสาวของฉัน
หลังจากวางสายโทรศัพท์กับเหลยหงคุนแล้ว
หลิงห้าวก็หยิบโทรศัพท์ของตนออกมาแล้วกดโทรหาจางหมิ่นห้าว
“ท่านผบ.!” โทรศัพท์เพิ่งจะดังแค่หนึ่งครั้ง จางหมิ่นห้าวก็กดรับสายแล้ว
“พาคนมาเคลียร์พื้นที่ที่คลับเฮ้าส์!” หลิงห้าวพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น: “อีกอย่าง อีกสามชั่วโมงเจอกันที่บ้านพักตระกูลเหลย!”
“หา?” จางหมิ่นห้าวอึ้งไปเล็กน้อย จากนั้นก็รีบตอบกลับด้วยเสียงอันดังว่า: “รับทราบ!”
หลังจากวางสายโทรศัพท์แล้ว หลิงห้าวก็หันหลังเดินออกไปทางประตู ลู่เยว่ก็หิ้วเหลยเสี่ยวกวงที่เป็นลมหมดสติไปอีกครั้งตามไปด้วย
ในเวลาเดียวกัน ตรงประตูทางเข้าโรงพยาบาลเอกชนที่หรูหราที่สุดแห่งเมืองเจียงห่าย
รถเมอร์เซเดส-เบนซ์คันหนึ่งจอดอยู่ไม่ไกลจากประตูทางเข้านัก
ข้างในรถนอกจากเหลยหงคุนแล้ว ก็เป็น ผู้ดูแลตระกูลเหลยกับชายร่างกายกำยำสองคน อีกทั้งยังมีหรุ่ยหรุ่ยที่กำลังสลบหมดสตินอนอยู่บนเบาะที่นั่งด้านหลัง
เหลยหงคุนที่เพิ่งวางสายโทรศัพท์นั่งอยู่บนเบาะ ความเคร่งขรึมบนใบหน้าแทบจะไหลออกมาเป็นหยดน้ำ แววตาดั่งคมมีด กลิ่นอายสังหารแผ่คลุมไปทั่วทั้งตัว
เกือบยี่สิบสามสิบปีแล้วที่เขาไม่เคยโกรธเดือดดาลเช่นนี้ บนพื้นที่หนึ่งในสามเอเคอร์ของหยุนเฉิงกลับมีคนกล้าท้าทายคนอย่างเขา ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงซะแล้ว!
ในใจของเขาได้ตัดสินลงโทษอันโหดร้ายทารุณไว้สำหรับหลิงห้าวเรียบร้อยแล้ว จะต้องให้อีกฝ่ายได้ลิ้มรสชาติความทรมานอย่างแสนสาหัสก่อนที่จะตาย ถึงจะดับไฟแห่งความโกรธของเขาลงได้!
“นายท่าน พวกเราจะขึ้นไปหรือ? ผ่านไปครู่หนึ่ง ผู้ดูแลตระกูลเหลยก็เอ่ยปากถามด้วยความระมัดระวัง
เขาได้ยินเรื่องราวคร่าวๆ จากในโทรศัพท์ของเหลยหงคุนเมื่อสักครู่แล้ว ในใจก็รู้สึกตื่นตกใจมากเช่นกัน
“กลับหยุนเฉิง!” เหลยหงคุนหายใจเข้าลึกๆ หนึ่งที
“รับทราบ!” หลังจากคนขับรถตอบรับแล้วก็เลี้ยวกลับรถแล้วเหยียบคันเร่งทันที
“รีบให้คนไปสืบดูหน่อยว่าอีกฝ่ายเป็นใครกันแน่!” เหลยหงคุนหันมองหน้า ผู้ดูแลพร้อมมอบหมายงาน
“ขอตอบนายท่านครับ ผมได้ให้คนไปตามสืบอยู่แล้วครับ” ผู้ดูแลตอบกลับอย่างนอบน้อม
กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง!
ไม่นานนัก โทรศัพท์ของ ผู้ดูแลก็มีเสียงดังขึ้น
“มีอะไร?” หลังจากรับสายโทรศัพท์แล้ว ผู้ดูแลก็เอ่ยปากถาม
ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายที่อยู่ปลายสายทางนั้นพูดว่าอะไร สีหน้าของ ผู้ดูแลเปลี่ยนไปหลายครั้งในทันที
“ฉันรู้แล้ว!” สองนาทีต่อมา ผู้ดูแลวางสายโทรศัพท์แล้วก็มองไปที่เหลยหงคุน
“นายท่านขอรับ เรื่องดูท่ายุ่งยากนิดหน่อย เกรงว่าที่มาของอีกฝ่ายใหญ่ไม่ใช่น้อย”
“หมายความว่ายังไง?” เหลยหงคุนขมวดคิ้วแน่น
“เพิ่งได้รับข้อมูลเมื่อสักครู่ว่า ต้วนซื่อไห่ถูกฆ่าตายแล้ว!” ผู้ดูแลหยุดชะงักและพูดต่อ
“ไม่เพียงแต่เขาคนเดียว รวมทั้งสี่ยอดพลทหาร ลูกน้องของเขากับสมาชิกแก๊งนับร้อยก็ถูกฆ่าตายหมดแล้ว!”
“หืม!?” รูม่านตาของเหลยหงคุนหดลงตัวเล็กน้อย
เขารู้ดีว่าต้วนซื่อไห่บุคคลนี้ ไม่เพียงแต่ตัวเขามีความสามารถมาก อีกทั้งลูกน้องกลุ่มลูกน้องต่างก็ไม่ใช่คนจิตใจดีอะไร
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสี่ ยอดพลทหารเหล่านั้น แต่ละคนต่างดุดันและโหดร้าย เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในกองกำลังใต้ดินแห่งหยุนเฉิง
ยิ่งไปกว่านั้น ในมือของต้วนซื่อไห่ยังมีอาวุธปืนที่อานุภาพทำลายร้ายแรงหนึ่งชุด
ในหยุนเฉิง นอกจากตระกูลเหลยของเขาแล้ว เขาคิดไม่ออกเลยว่ายังมีใครที่มีความกล้าหาญและความสามารถที่จะฆ่าต้วนซื่อไห่ได้!
“นายหมายถึง ต้วนซื่อไห่ถูกคนในโทรศัพท์เมื่อสักครู่ฆ่าตาย?” หลังจากครุ่นคิดดูแล้ว เหลยหงคุนสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วถามต่อไป
“อืม!” ผู้ดูแลพยักหน้าตอบรับอย่างจริงจังและหนักแน่น: “เขาไปหาต้วนซื่อไห่ก็เพื่อถามหาที่อยู่ของเด็กหญิงตัวน้อย!”
“ได้ถามไหมว่าอีกฝ่ายมีกี่คน?”
“คนเดียวขอรับ!” ผู้ดูแลกลืนน้ำลายแล้วถึงจะตอบคำถาม
ในสายโทรศัพท์เมื่อสักครู่ พอเขาได้ยินข่าวเรื่องนี้ก็เกือบจะกัดลิ้นตัวเอง
ถ้าหากคนปลายสายทางนั้นไม่ใช่คนสนิทของเขา เขาเกรงว่าคงจะด่าไปยกใหญ่แล้ว ว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระเกินไปแล้ว!
คนคนเดียว สามารถฆ่าต้วนซื่อไห่และคนนับร้อยได้!?
พูดออกไปจะมีใครเชื่อ!
เพียงแต่เขารู้ว่าคนสนิทของตัวเองคนนั้นไม่มีทางจะเอาเรื่องนี้มาล้อเล่นกับเขา!
เกรงว่าคราวนี้ตระกูลเหลยจะประสบปัญหาไม่ใช่น้อยแล้วจริงๆ !
“อะไรนะ?!” รูม่านตาของเหลยหงคุนหดตัวลงจนเล็กเท่ากับรูเข็ม: “แน่ใจนะ?”
“มั่นใจขอรับ!” ผู้ดูแลพยักหน้าแบบเอาจริงเอาจัง
ฮึบ!
เหลยหงคุนถอนหายใจแรงๆ
“โทรศัพท์หาเสี่ยวปิน บอกให้เขารีบพาคนทั้งหมดจากตงโจวกลับมาหยุนเฉิงเดี๋ยวนี้ จำไว้ว่าต้องพาหนุ่มคนนั้นมาด้วย!”
“อีกอย่าง บอกให้ ท่านรอง เรียกคนทั้งหมดของหยุนเฉิงกลับมาที่บ้านพักตระกูลเหลย!”
“รับทราบ!” ผู้ดูแลพยักหน้าตอบรับ
“แล้วก็นายโทรไปหานายท่านของตระกูลซุน ตระกูลโจว และตระกูลหวงทั้งสามตระกูลบอกว่าตระกูลเหลยเรียนเชิญให้พวกเขาแต่ละคนนำกำลังคนติดอาวุธพร้อมสักร้อยคนมาที่ตระกูลเหลย!”
ตระกูลซุน โจว หวงที่เขาพูดถึงก็คือสามตระกูลใหญ่อันดับต้นๆ ในหยุนเฉิงที่นอกเหนือจากตระกูลเหลย
“ขอรับ!” ผู้ดูแลตอบรับ จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วก็ทำการโทร
จากนั้น เหลยหงคุนหยิบซิก้าออกมาจากในตัวหนึ่งมวน จุดไฟแล้วก็สูบแรงๆ ไปหนึ่งที
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วกดโทรศัพท์หาลูกสาวของตน
“พ่อ พ่อถึงเทียนห่ายแล้วเหรอคะ? มีอะไรไหมคะ?”
ในสายโทรศัพท์มีเสียงของผู้หญิงดังแว่วมา ซึ่งก็คือ เหลยหยุนลี่คุณหนูใหญ่ของตระกูลเหลย
“น้องชายลูกเกิดเรื่องแล้ว....” เหลยหงคุนพูดด้วยเสียงหนักแน่น
ในขณะเดียวกัน หลิงห้าวและเพื่อนก็พาเหลยเสี่ยวกวงมาถึงยังห้องที่ค่อนข้างลับตาคนห้องหนึ่งของโรงน้ำชา
ธุรกิจของร้านน้ำชาเงียบเหงามาก ในห้องโถงว่างเปล่า
ลู่เยว่หยิบธนบัตรใบละหนึ่งร้อยหยวนจำนวนหนึ่งออกมาจากในตัวแล้วยื่นให้กับเจ้าของร้านเพื่อจองร้านไว้สามชั่วโมง
เพี๊ยะ! เพี๊ยะ!
จากนั้น ลู่เยว่ก็นำเหลยเสี่ยวกวงโยนทิ้งลงบนพื้นแล้วยกมือขึ้นตบหน้าเขาไปสองครั้ง
แฮ่ก! แฮ่ก! แฮ่ก!
หลังจากเหลยเสี่ยวกวงกระแอมออกมาเป็นเลือดสดสองสามครั้งก็รู้สึกตัว หันมองดูหลิงห้าวและเพื่อนด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“แก....พวกแกเป็นใครกันแน่?”
“ตระกูลเหลยพวกแกคิดว่าเป็นใหญ่ค้ำฟ้าในหยุนเฉิงนี้งั้นเหรอ คิดอยากจะทำอะไรก็ทำใช่ไหม?”
หลังจากหลิงห้าวนั่งลงแล้วก็เอ่ยปากพูดขึ้น: “เพื่อให้ได้ทำการปลูกถ่ายหัวใจให้กับลูกสาวของแก ก็ไม่เห็นคุณค่าชีวิตของเด็กคนอื่น!”
“เรื่องลักษณะแบบนี้ ตระกูลเหลยพวกแกคงจะทำมาไม่น้อยแล้วใช่ไหมล่ะ?”
สำหรับเขาแล้ว ในเมื่อแน่ใจแล้วว่าตอนนี้หรุ่ยหรุ่ยจะไม่ตกอยู่ในอันตราย ใจของเขาก็รู้สึกสบายใจขึ้นแล้ว
ส่วนตระกูลเหลยจะส่งคนจำนวนเท่าไหร่มาจัดการกับเขาก็ไม่ถือว่าอยู่ในความคิดของเขาเลย
ในฐานะราชาแดนตะวันตก อย่าว่าแต่ตระกูลเหลยเล็กๆ หนึ่งตระกูล แม้แต่สิบตระกูลเหลยเขาก็ไม่เห็นอยู่ในสายตาหรอก
หากยั่วจนเขาโมโหจริงๆ เขาสามารถกำจัดตระกูลเหลยให้ราบคาบได้เพียงห้วงความคิดชั่วครู่!
“แก....แกเป็นอะไรกับเธอ?” ในปากของเหลยเสี่ยวกวงยังคงมีเลือดไหลออกไม่หยุด
“เธอคือลูกสาวของฉัน!” หลิงห้าวตอบกลับอย่างเรียบเฉยอีกครั้ง
“อะไรนะ!?” เหลยเสี่ยวกวงอุทานด้วยความตกใจ
“เป็นไปไม่ได้! ฉันเคยสืบหาข้อมูลแล้ว เธอมันก็แค่ลูกเหลือเดน แม้แต่แม่ของเธอเองก็ไม่รู้ว่าพ่อของเด็กเป็น.....”
พลั่ก!
ยังพูดไม่ทันจบ ลู่เย่ก็เตะเหลยเสี่ยวกวงลอยออกไปกระแทกเข้ากับเสากำแพงด้านหลังอย่างรวดเร็ว
พรวด!
เลือดสีแดงสดทะลักออกมาเต็มปาก และซี่โครงในร่างกายก็หักไปอย่างน้อยสองสามซี่
“หากยังไม่หุบปากของแกไว้อีกล่ะก็ แกก็จะมีชีวิตอยู่ไม่ถึงสามชั่วโมง!” ลู่เยว่พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“พวก...พวกแกกล้าทำแบบนี้กับฉัน ตระกูลเหลยไม่มีทางเว้นชีวิตพวกแกเอาไว้แน่.....” หลังจากเหลยเสี่ยวกวงกรีดร้องก็ตอบสนองอย่างยากลำบาก
“เหอะเหอะ งั้นเหรอ?” หลิงห้าวจุดบุหรี่หนึ่งมวนแล้วสูบไปหนึ่งที
“ตระกูลเหลยพวกแกคิดอยากจะปล่อยฉัน ก็ยังต้องถามว่าฉันตกลงหรือเปล่า!”
“แกเชื่อไหมว่าหลังจากวันนี้ไป หยุนเฉิงก็จะไม่มีตระกูลเหลยอีก?”