บทที่ 13 คนของตระกูลเหลยมาแล้ว
“พวก...พวกแกไม่รู้เลยสินะว่าตระกูลเหลยนั้นเปรียบเสมือนอะไร....” เหลยเสี่ยวกวงสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดต่อไป
“ฉัน...ฉันรับรองได้เลยว่า พวกแกจะต้องเสียใจในภายหลังอย่างแน่นอน....”
“ที่...ที่หยุนเฉิงแห่งนี้ยังไม่เคยมีใครกล้ายั่วยุตระกูลเหลยเช่นนี้มาก่อน......”
“ไม่เพียงแต่พวกแกสองคน รวมทั้งครอบครัวของฉินหยู่ซินก็จะต้องถูกฝังตามพวกแกไปด้วยอย่างแน่นอน....”
“แกนี่มันโง่เลยจริงๆ!” ลู่เยว่ตอบกลับหนึ่งประโยคแบบหมดคำพูด
ในสมองของเขาอดไม่ได้ที่จะปรากฏฉากในสนามรบฉากหนึ่งออกมา
ท่านจอมพลหนึ่งคน ถือมีดกระบี่อยู่ในมือ ท้องฟ้าดูเยือกเย็น ซากศพกองเกลื่อนกลาดเหมือนกับนรก!
ความสามารถในด้านการรบระดับนั้นใช่ว่าตระกูลเล็กๆ อย่างตระกูลเหลยจะสามารถต้านทานได้ไหว!
คนที่ไม่รู้เรื่องอะไรก็ไม่รู้จักกลัวเลยจริงๆ !
กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง!
ไม่นานเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ของหลิงห้าวก็ดังขึ้น หยิบขึ้นมาดูก็เห็นว่าหยู่ซินโทรเข้ามา
“หยู่ซิน!” หลังจากรับสายโทรศัพท์แล้ว หลิงห้าวก็เอ่ยปากพูดด้วยเสียงอ่อนโยน
“ตอนนี้พวกคุณอยู่ที่ไหน? ได้ข่าวของหรุ่ยหรุ่ยแล้วหรือยัง?” น้ำเสียงร้อนใจของหยู่ซินดังลอยมาจากในโทรศัพท์
“หยู่ซิน คุณไม่ต้องห่วง หรุ่ยหรุ่ยปลอดภัยแล้ว!” หลิงห้าวตอบกลับ
“คุณตามหาหรุ่ยหรุ่ยเจอแล้ว?” หยู่ซินตื่นเต้นผิดปกติ
“อืม!” หลิงห้าวเอ่ยปากพูดอีกครั้ง: “หยู่ซินคุณรอผมอยู่ที่บ้านนะ เดี๋ยวผมจะพาหรุ่ยหรุ่ยกลับมา”
“หมายความว่าอะไร?” หยู่ซินอึ้งไปเล็กน้อย: “หรุ่ยหรุ่ยยังไม่พ้นขีดอันตรายใช่ไหม?”
“หยู่ซิน คุณอย่ากังวลจนเกินไป ผมรับรองว่าหรุ่ยหรุ่ยจะต้องไม่เป็นอะไร!”
“ใครกันแน่ที่ลักพาตัวของหรุ่ยหรุ่ยไป?”
“หยู่ซิน ผมทางนี้มีธุระนิดหน่อย วางก่อนนะ เดี๋ยวกลับไปผมจะบอกคุณ” หลิงห้าวพูดจบก็วางสายโทรศัพท์ลง
อธิบายกับหยู่ซินเยอะเกินไป นอกจากเพิ่มความกังวลของเธอแล้วก็ไร้ประโยชน์อื่นๆ สู้รอให้ช่วยหรุ่ยหรุ่ยกลับมาได้แล้วกลับไปค่อยอธิบายให้เธอฟังอย่างละเอียดดีกว่า
เวลาผ่านไปเร็วมากๆ พริบตาเดียวก็ผ่านไปหนึ่งชั่วโมงกว่าแล้ว
“ตระกูลเหลยคงจะส่งคนมาแล้ว!” ไม่นานนัก ลู่เยว่จิบน้ำชาแล้วก็เอ่ยปากพูด
“เป็นอย่างที่คิดไว้อยู่แล้ว เหลยหงคุนไม่สามารถปล่อยให้ลูกชายตัวเองตกอยู่ในมือพวกเราสามชั่วโมงแบบไม่สนใจหรอก” หลิงห้าวพูดอย่างเรียบเฉย
ตึง! ตึง! ตึง!
สิ้นเสียงคำพูดของหลิงห้าว กลุ่มคนแบบมืดฟ้ามัวดินพุ่งถลาเข้ามาตรงประตูทางเข้าโรงน้ำชา
คนที่เป็นหัวหน้าเป็นผู้หญิงอายุราวสามสิบห้าสามสิบหกปี หน้าตาปานกลาง ใส่เครื่องประดับเต็มตัว บนใบหน้าเต็มไปด้วยสีหน้าแบบไม่มีใครที่จะเหมาะสมไปมากกว่าฉันแล้ว
นอกจากเธอแล้ว คนอื่นๆ สวมใส่เครื่องแบบแบบเดียวกันหมด ตรงหน้าอกยังมีตราคำว่า “หน่วยรักษาความปลอดภัยเหลยเจิ้น” ติดไว้
ผู้ชายสิบคนที่ติดตามมาด้านหลังของผู้หญิง แต่ละคนถือ อินทรีทะเลทราย ไว้ในมือ ส่วนในมือของคนอื่นๆ ก็เป็นอาวุธเย็นนานาชนิด
นอกจากคนจำนวนสี่ห้าสิบคนที่พุ่งเข้ามาในโรงน้ำชา ด้านนอกโรงน้ำชาก็มีคนเกือบสองร้อยคนล้อมรอบอยู่ ซึ่งก็สวมใส่ชุดเครื่องแบบบริษัทรักษาความปลอดภัยสีเดียวและแบบเดียวกัน
“พี่สาว....ช่วยผมด้วย....” หลังจากเห็นผู้หญิงคนนี้ เหลยเสี่ยวกวงที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นเหมือนสุนัขตัวหนึ่งก็ตะโกนร้องเสียงดังขึ้นมา
“หืม!?” หลังจากได้เห็นสภาพอันน่าเวทนาของเหลยเสี่ยวกวงแล้ว กลิ่นอายความโกรธแผ่ซ่านปกคลุมไปทั่วทั้งตัวของ เหลยหยุนลี่
จากนั้นก็มองไปยังหลิงห้าวพร้อมพูดทีละคำว่า: “หนุ่มน้อย เก่งนิ!”
“แกถือว่าเป็นคนแรกและก็จะเป็นคนสุดท้ายที่กล้าทำร้ายคนของตระกูลเหลยเราถึงขนาดนี้บนพื้นที่สามเอเคอร์ของหยุนเฉิงแห่งนี้!”
“เหอะเหอะ!” หลิงห้าวหัวเราะเบาๆ : “ก่อนหน้านี้จะมีหรือไม่ฉันไม่รู้ แต่ที่ฉันรู้คือต่อจากนี้จะไม่มีแล้วอย่างแน่นอน!”
“เพราะว่า นับจากพรุ่งนี้เป็นต้นไป หยุนเฉิงจะไม่มีตระกูลเหลยอีกต่อไป!”
“ฮ่าๆ.....” เหลยหยุนลี่ หัวเราะเสียงดัง: “แกไม่เพียงแต่เก่ง แถมยังอารมณ์ขันอีกด้วยนะ!”
เมื่อพูดจบ ประกายแห่งความเย็นยะเยือกก็ปรากฏในแววตา น้ำเสียงจริงจัง
“แกคิดว่าแกฆ่าต้วนซื่อไห่ได้ ก็มีคู่ควรที่จะมาท้าทายกับตระกูลเหลยพวกเราได้แล้วงั้นเหรอ?”
“ไม่ได้เหรอ?” หลิงห้าวพูดอย่างเรียบเฉย
“แกมันไม่รู้อะไรเป็นอะไรก็เลยไม่กลัวตายจริงๆ!” เหลยหยุนลี่ พูดเย้ยหยัน
“ต้วนซื่อไห่ตายไปก็เป็นแค่หัวหน้าอันธพาลเล็กๆ คนหนึ่งเท่านั้น เมื่อเทียบกับตระกูลเหลยฉันแล้ว มันต่างกันราวฟ้ากับดิน!”
“ถ้าแกคิดว่าฆ่าเขาแล้วจะสามารถขู่ขวัญตระกูลเหลยพวกเราได้ งั้นแกก็อ่อนเกินไปแล้ว!”
“แกเชื่อไหม แค่คนเหล่านี้ที่ฉันพามาก็สามารถทำให้ต้วนซื่อไห่ตายได้หลายรอบแล้ว!”
“เชื่อ!” หลิงห้าวยักไหล่: “แต่คุณจงใจพาคนมาเยอะขนาดนี้ก็เพื่อแค่มาบอกผมว่า คุณสามารถทำให้ต้วนซื่อไห่ตายได้หลายรอบงั้นเหรอ?”
“เหอะ!” เหลยหยุนลี่ ทำเสียงเย้ยหยันอีกครั้ง
“เด็กน้อย ให้โอกาสแกเป็นครั้งสุดท้าย รีบปล่อยน้องชายฉันมาเดี๋ยวนี้ จากนั้นพวกแกสองคนก็จะเสียแค่แขนกับขาอย่างละข้าง แล้วฉันไว้ชีวิตพวกแก!”
“ไม่เช่นนั้น ฉันจะทำให้พวกแกเสียใจที่เกิดมาบนโลกนี้อย่างแน่นอน!”
“คนตระกูลเหลยปัญญาอ่อนแบบนี้กันหมดเลยเหรอ?” ลู่เยว่กวาดตามองอีกฝ่ายอย่างจนปัญญา
“หืม?” เหลยหยุนลี่ มองดูตาขวาง: “ก็เพราะประโยคนี้ของแก แกจะต้องเสียแขนอีกข้างเพื่อจะมีชีวิตรอดออกไป!”
“งั้นเหรอ?” ลู่เยว่หันหน้ามามองหลิงห้าว: “จัดการถึงขั้นไหน?”
“คุณหนูเหลย เว้นไว้ คนอื่นถ้าไม่อยากไปก็ทำให้สมใจอยากพวกเขา!” หลิงห้าวพูดอย่างเรียบเฉย
“ได้!” ลู่เยว่ตอบรับ แล้วร่างนั้นก็แว็บออกไปไวเหมือนปีศาจ
“ฆ่ามัน!” เหลยหยุนลี่ ผงะไปเล็กน้อย จากนั้นก็ตะโกนเสียงดัง
ปัง! ปัง! ปัง!
ทันทีที่เธอพูดจบ ชายสิบคนนั้นก็ยก อินทรีทะเลทราย ที่ถืออยู่ในมือขึ้นมาเล็งไปยังร่างของลู่เยว่พร้อมเหนี่ยวไกปืน
ติง! ติง! ติง!
แต่ทว่า กระสุนปืนทั้งหมดต่างร่วงหล่นลงกองกับพื้นราวกับหยดน้ำฝน เกิดเป็นประกายไฟพุ่งออกมา
ปึง! ปึง! ปึง!
วินาทีต่อมา ลู่เยว่แว๊บมาถึงตรงหน้าของอีกฝ่าย ทันใดนั้นก็เห็นว่าชายทั้งสิบคนนี้ถูกเตะปลิวลอยออกไปราวกับโดนพายุเฮอริเคน
จนคนด้านหลังหลายคนพากันล้มกระแทกลงบนพื้นด้วย จากนั้นเลือดสดๆ จำนวนมากก็พุ่งทะลักออกมาจากในปาก อ้าปากยังไม่ทันพูดออกสักคำ เอียงศีรษะแล้วก็หมดลมหายใจไป
“ฆ่า!”
เห็นอย่างนี้ คนที่เหลืออยู่ของอีกฝ่ายก็ตะโกนขึ้นมาพร้อมกัน ยกอาวุธในมือขึ้นแล้วมุ่งตรงมาทางลู่เยว่
และหลังจากคนที่อยู่ด้านนอกโรงน้ำชาเห็นฉากนี้แล้ว ก็มีคนจำนวนนับร้อยพุ่งเข้ามาอีกครั้ง ถ้าหากไม่ใช่เพราะข้อจำกัดเรื่องความจุของห้องโถงในโรงน้ำชา พวกเขาก็คงจะพากันเข้ามาทั้งหมดแล้ว
แต่ก็ไร้ประโยชน์!
ผลคือภายในเวลาไม่ถึงสามนาทีแบบยังไม่ทันได้ตั้งตัว คนนับร้อยต่างพากันล้มหงายลงไป บาดเจ็บเกือบตายกันระนาว ทยอยส่งเสียงดังครวญครางดังขึ้นมา
ด้านนอกที่เหลืออีกหนึ่งร้อยคนนั้นตัวสั่นเทา ใบหน้าหวาดผวาเป็นอย่างมาก และไม่มีใครกล้าเข้าไปรนหาที่ตายอีก
“เป็น....เป็นไปได้ยังไง?”
เหลยหยุนลี่ ที่ยืนอยู่ด้านข้างได้เห็นฉากที่เกิดขึ้นตรงหน้า เม็ดเหงื่อขนาดเท่าเมล็ดถั่วเหลืองไหลร่วงลงมา ร่างกายสั่นสะท้านอย่างควบคุมไม่ได้
“เป็นยังไงบ้าง ตอนนี้สามารถบอกผมได้แล้วหรือยัง ว่าผมคู่ควรพอที่จะยั่วยุตระกูลเหลยของพวกคุณได้ไหม?” หลิงห้าวค่อยๆ เดินช้าๆ ไปหาอีกฝ่าย
“แก....แกอย่าเข้ามา....” เหลยหยุนลี่ พูดด้วยเสียงสั่นเครือ
“เมื่อสักครู่คุณต้องการจะตัดแขนตัดขาพวกเราอย่างละข้างใช่ไหม?” หลิงห้าวเดินไปพูดไป
“ผมก็ให้โอกาสคุณหนึ่งครั้งเหมือนกัน ให้คุณตัดแขนตัดขาตัวเองอย่างละข้าง แล้วผมจะปล่อยให้คุณมีชีวิตรอดไปจากที่นี่ เป็นไง?”
“ลูก....ลูกสาวของแกยังอยู่ในมือพวกเรา ถ้า....ถ้าแกกล้าทำร้ายฉัน ลูกสาวแกก็ไม่รอดเหมือนกัน......”
หลังจากที่ เหลยหยุนลี่ พูดอย่างยากลำบาก ก็รีบหยิบโทรศัพท์ออกจากในตัวแล้วกดโทรวิดีโอคอลหาพ่อของตน
นี่คือสิ่งที่เหลยหงคุนกำชับเอาไว้ก่อนที่เธอจะมา ถ้าเธอมีอันตรายก็โทรวิดีโอคอลมา ใช้หรุ่ยหรุ่ยเป็นตัวช่วยชีวิต
เดิมที เหลยหยุนลี่ คิดว่าพ่อของตนระมัดระวังมากจนเกินไป ตัวเองพาคนมาจำนวนมากขนาดนี้เพื่อจัดการกับผู้ชายลึกลับสองคนนี้ จะมีอันตรายอะไรกัน!
แต่เธอในตอนนี้ รู้สึกโชคดีมากที่ได้พึ่งพาการวางแผนจัดการนี้ของพ่อ มิฉะนั้นเธอจะต้องตกอยู่ในสภาพอันน่าเวทนา!
“แก....แกมันคนชั่ว.....แกรีบปล่อยฉันฉัน....” เสียงเด็กคนหนึ่งดังแว่วออกมาจากในไมโครโฟนโทรศัพท์
“เดี๋ยวพ่อ...พ่อของฉันจะมาช่วยฉันแล้ว....พ่อฉันคือฮีโร่ผู้ยิ่งใหญ่....เขาจะไม่มีทางปล่อยคนชั่วอย่างแกเอาไว้แน่.......”