บท
ตั้งค่า

๖ ยื้อไม่ไหว (๑)

ยื้อไม่ไหว

งานเลี้ยงเลิกราแขกต่างทยอยกลับด้วยใบหน้าชื่นมื่น มีเพียงปาลิตาที่เหม่อลอยเหมือนกำลังครุ่นคิดบางสิ่งตลอดเวลา กระทั่งขึ้นมานั่งเบาะนุ่มบนรถคันหรูข้างคนขับ หล่อนก็ยังไม่เอ่ยสักประโยคจนหนุ่มหล่อที่นั่งหน้าพวงมาลัยนึกสงสัย

ปกติหญิงสาวเป็นคนชอบพูดและมักชวนคุยตลอด ถึงบางครั้งเขาจะนึกรำคาญอยู่บ้าง ทว่าคราวนี้ต่างออกไป อาชาไนยพยายามบังคับสายตาให้มองถนนข้างหน้า แต่เผลอเมื่อไหร่หางตาก็มักจะเหลือบมองคนข้างกายเสมอ

ดวงหน้าหวานหม่นลงอย่างเห็นได้ชัด ต่างจากขามาราวเป็นคนละคน เอาแต่มองออกนอกหน้าต่างพลางถอนหายใจบ่อยครั้งคล้ายมีเรื่องหนักใจ คนเป็นสามีคิดจะเงียบไม่ถามกลัวเธอตีความหมายการกระทำของเขาว่าเป็นห่วง

แต่ก็อยากรู้ถึงสาเหตุที่ทำให้ปาลิตามีอาการเศร้า...

“เป็นอะไรหรือเปล่า” มองเส้นทางที่ค่อนข้างปลอดโปร่ง ไม่ค่อยมีรถขนาบข้างหรือขับตามหลังสักเท่าไหร่ ถนนโล่งจนเขาสามารถเหยียบคันเร่งได้ยาวโดยไม่ต้องเปลี่ยนเท้ามาแตะเบรก สมรรถของรถจึงถูกดึงมาใช้เต็มที่

“เปล่าค่ะ” ส่ายหน้าขณะที่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ไม่สนใจเขาด้วยซ้ำจนอาชาไนยยิ่งอยากรู้มากกว่าเดิม กำลังจะถามย้ำอีกรอบแต่กลับโดนหญิงสาวสั่งเสียงเข้มในฉับพลันจนเขาตามอารมณ์หล่อนไม่ทัน

“พี่ช้างจอดรถค่ะ จอดรถให้หน่อย” คนขับที่ค่อนข้างตกใจกับคำสั่งก็ไม่ได้ทำตามในทันที ยังคงวิ่งเร็วจนใบหน้าหวานเหลียวไปทางด้านหลังด้วยแววตาตระหนก เธอรีบตีที่ไหล่หนาอย่างแรงตามอารมณ์ เล่นเอาเขาเจ็บจนใบหน้าเหยเก ไม่คิดว่าคนตัวเล็กจะมือหนัก

“ทำไม”

“จอดค่ะ!” ไม่เคยเห็นหญิงสาวสั่งด้วยใบหน้าขึงขังเช่นนี้มาก่อน สร้างความตกใจปนงุนงงแก่อาชาไนย จนสุดท้ายต้องตีไฟเลี้ยวเพื่อจอดข้างทางตามคำสั่ง แต่ยังไม่ทันที่ร่างสูงจะหันมาถามเพื่อจะได้รู้ว่าทำไมเธอต้องให้จอดรถ ปาลิตากลับเปิดประตูแล้ววิ่งกลับไปทางเดิมจนเขาเบิกตากว้างด้วยความตระหนก

รีบเปิดประตูแล้ววิ่งตามอีกฝ่าย โดยไม่ลืมจะล็อครถเพื่อความปลอดภัย ไม่รู้ว่าหญิงสาวคิดจะทำอะไรกันแน่ นึกกลัวว่าอีกฝ่ายจะวิ่งไปกลางถนนอย่างคนคิดสั้น แต่ดูท่าทีของหล่อนยังคงวิ่งข้างทางอย่างระมัดระวังก็ค่อยโล่งใจ

“นี่เธอจะไปไหน ไหม ปอไหม!...บ้าเอ๊ย!” ตะโกนด้วยความเป็นห่วง เขารีบวิ่งให้เร็วขึ้นเพื่อจะได้คว้าข้อมือบางทันเวลา แต่แล้วหญิงสาวกลับหยุดนิ่งพร้อมย่อกายนั่งลงที่พื้น ฝีเท้าหนักจึงผ่อนแรงพร้อมหอบหายใจถี่

ไม่คิดว่าตนต้องมาวิ่งข้างถนนในยามค่ำคืนโดยที่สวมชุดสูทเต็มยศ เล่นเอาอึดอัดจนต้องคลายเนกไทพลางถอนหายใจเสียงดังเมื่อพบถึงตัวต้นเหตุที่ทำให้หญิงสาวพาเขาวิ่งมาถึงตรงนี้

แมวลายวัวตัวเล็ก...

“แมวค่ะพี่ช้าง ลูกแมว...” ไม่รู้ว่าจะโกรธหล่อนดีหรือเปล่า เมื่อทราบถึงสาเหตุที่ปาลิตาต้องวิ่งลงจากรถเพื่อช่วยลูกแมวตัวน้อย ซึ่งตอนนี้กำลังสั่นอยู่ในอุ้งมือบาง แต่เขาไม่ได้สนใจมันแต่อย่างใด กลับจ้องดวงหน้าหวานพลางถามเสียงนิ่ง พยายามระงับอารมณ์ไม่ระเบิดใส่หล่อน กลัวหญิงสาวจะตีความคำพูดผิดคิดว่าเขาเป็นห่วง

“รู้ไหมว่าลงมาคนเดียวมันอันตรายมากแค่ไหน” ดวงตาคมจ้องภรรยานิ่งอย่างเอาเรื่อง ซึ่งถ้าเป็นในยามปกติก็คงได้ยินคำขอโทษจากปากอวบอิ่มไปแล้ว ทว่าตอนนี้ดวงตาหวานเอาแต่จดจ้องลูกแมวไม่ยอมสนใจชายหนุ่มตรงหน้าสักนิด

ระหว่างที่ปาลิตาตกอยู่ในภวังค์ความคิดของตัวเอง จ้องมองนอกหน้าต่างไม่สนใจสามีซึ่งทำหน้าที่เป็นสารถีขับรถ พลันหางตากลับมองเห็นสิ่งมีชีวิตตัวน้อยที่นั่งคุดคู้อยู่ข้างถนน เกิดความสงสารจึงรีบบอกเขาให้จอดรถ เพื่อจะได้พาสัตว์สี่ขากลับบ้านด้วยกัน

เหมือนว่ามันกำลังต้องการความช่วยเหลือ เพียงแค่เอ่ยปากไม่ได้นอกจากนั่งนิ่งแล้วรอให้คนเข้ามาโอบอุ้ม

“เราพาน้องไปโรงพยาบาลแถวนี้ดีกว่าค่ะ ไม่รู้ว่านั่งสั่นมานานแค่ไหนแล้ว ไปกันเถอะค่ะ” ตัดสินใจเองทุกอย่างไม่รอให้เขาเอ่ย เดินนำชายหนุ่มไปยังรถยนต์ที่จอดแน่นิ่งอยู่ข้างทาง โดยที่อาชาไนยทำได้เพียงยกมือยีหัวตัวเองจนยุ่ง แล้วค่อยถอนหายใจด้วยความเหนื่อยหน่าย

“เฮ้อ”

เหมือนว่าวันนี้เขาจะไม่เป็นตัวของตัวเองเลย เอาแต่ยอมตามใจหญิงสาวที่เริ่มเข้ามามีอิทธิพลในชีวิตของตนเรื่อยๆ

“บอกไว้ก่อนนะว่าฉันไม่อนุญาตให้เลี้ยงแมว” กลับขึ้นมาบนรถก็เห็นว่าหญิงสาวนำเจ้าแมววางลงที่กระโปรงบานฟูฟ่องของตัวเองเป็นที่เรียบร้อย ส่วนเจ้าสี่ขาแสนรู้ก็นั่งนิ่งไม่ไหวติง เอาแต่ซุกตัวที่หน้าท้องแบนราบราวต้องการหาที่พักพิงให้ตนเอง แต่ไม่วายเงยหน้าจ้องมายังคนขับรถหน้าหล่อที่พูดน้ำเสียงขึงขัง

“แต่น้องน่าสงสารนะคะ พี่ช้างจ้องตาน้องแล้วไม่สงสารเหรอ ดูสิคะ...เขากำลังอ้อนวอนให้พี่ช้างเลี้ยงดูอยู่นะ” ขับรถไปยังโรงพยาบาลสัตว์อย่างรวดเร็ว ไม่รู้ว่ายังมีคลินิกแห่งใดเปิดอยู่หรือเปล่า แต่เขาไม่ต้องการพาแมวกลับบ้านทั้งที่ยังไม่ตรวจร่างกายเจ้าตัวเล็ก

บรรยากาศภายในรถเปลี่ยนฉับพลัน จากตอนแรกที่มีความหม่นเศร้าของปาลิตาโอบล้อม พอมีเจ้าแมวน้อยนั่งอ้อนอยู่บนตักนุ่มก็ทำให้หญิงสาวกลับมามีชีวิตชีวา ลืมเรื่องเศร้าทั้งหมดไปโดยปริยาย รีบอ้อนสามีอย่างรวดเร็ว พลางเอาสัตว์ลายจุดเป็นตัวเชื่อมสัมพันธ์

เขาเหลือบมองแมวน้อยที่เงยหน้าจ้องตนตาแป๋วราวกำลังร้องขอความเมตตา คนที่เกือบใจอ่อนรีบหันกลับมาจ้องถนน บังคับพวงมาลัยแล้วพยายามหาโรงพยาบาลสำหรับสัตว์ที่เปิดตอนกลางคืน จำได้ว่าเคยมีเพื่อนที่ชอบเลี้ยงสัตว์พูดโรงพยาบาลที่เปิดยี่สิบสี่ชั่วโมง คงค้นหาได้ไม่ยาก

“ไม่” ตอบเสียงแข็งแต่เริ่มเบา คล้ายว่าอีกฝ่ายกำลังจะใจอ่อน

“พี่ช้าง...” นอกจากเจ้าแมวที่มองอาชาไนยตาปริบ ยังมีปาลิตาที่หว่านล้อมเขาเช่นกันเพื่อขอความเมตตาแก่สัตว์ตัวน้อย

“การเลี้ยงแมวยุ่งยากแค่ไหนเธอไม่รู้หรือไง” แค่คิดก็ต้องส่ายหน้าแต่มีหรือที่หล่อนจะยอมล้มเลิกความตั้งใจโดยง่าย

“ไหมจะเลี้ยงน้องเองค่ะ รับรองว่าจะให้อยู่ในที่ของตัวเองไม่ให้ไปยุ่งหรือเข้าใกล้พี่ช้าง อนุญาตให้ไหมเลี้ยงน้องเถอะนะ” น้ำเสียงของหล่อนที่เขาไม่ค่อยได้ยินทำเอาคนขับรถใจแกว่ง ถึงแม้ว่าปาลิตาจะหน้าเหมือนแฟนเก่าเขามากแค่ไหน

แต่ทั้งสองก็ต่างกันมากเหลือเกิน...

ซึ่งความสดใสของภรรยาที่เขาเพิ่งเคยได้สัมผัสครั้งแรก จนนึกอยากเหลียวไปมองดวงหน้าหวาน เสียดายที่ตนต้องขับรถที่เข้าเขตเมืองซึ่งมีการสัญจรค่อนข้างพลุกพล่านแม้จะเป็นช่วงดึกก็ตาม ตาจึงต้องมองถนนและคอยมองหาโรงพยาบาลสัตว์

“ไม่...”

“ขอบคุณค่ะ เลี้ยวซ้ายก็ถึงแล้วค่ะ” ตกลงเสร็จสรรพพร้อมบอกเส้นทางอีกต่างหาก เขายอมเลี้ยวรถตามที่หล่อนบอก พอจอดหน้าโรงพยาบาลจึงคิดจะปฏิเสธ แต่ดูเหมือนจะไม่ทันเพราะหญิงสาวลงจากรถไปเรียบร้อยพร้อมอุ้มเจ้าแมวน้อยไว้แนบอกด้วยความอ่อนโยน

“ฉันยังไม่ตอบตกลงเลยนะปอไหม”

“เฮ้อ” สุดท้ายคนตัวสูงก็ต้องขับไปจอดรถแล้วจัดการถอดเสื้อสูทพร้อมเนกไทออก เขาไม่มีทางเดินเข้าไปในโรงพยาบาลสัตว์ด้วยชุดจัดเต็มอย่างแน่นอน

รู้สึกเหมือนพาลูกมาหาหมออย่างไรก็ไม่รู้...

คืนนั้นพวกเขาตัดสินใจให้เจ้าแมวน้อยนอนที่โรงพยาบาล ถึงเวลาที่พระอาทิตย์โผล่พ้นเหนือขอบฟ้า ร่างสูงยังไม่ทันตื่นด้วยซ้ำก็ได้ยินเสียงรถยนต์แล่นออกจากเรือนหอหลังงาม พอแต่งตัวลงมาข้างล่างเพื่อเตรียมพร้อมไปทำงาน จึงรู้จากแม่บ้านว่าปาลิตาออกไปรับแมวเรียบร้อย

หล่อนคงตื่นเต้นที่กำลังจะได้เลี้ยงอีกหนึ่งชีวิต ทำเอาร่างสูงส่ายหัวนึกระอาปนเอ็นดูคนที่เหมือนจะโตแต่ตัว เธอยังมีความเป็นเด็กค่อนข้างสูง

มาคิดดูเกี่ยวกับการใช้ชีวิตคู่ของเราก็นึกได้ว่าเขาไม่เคยแบ่งปันเรื่องราวกับหล่อนสักครั้ง ไม่ว่าจะการเงินหรืองานในบ้าน ทุกอย่างล้วนเป็นปาลิตาที่จัดการ ยกเว้นเงินเดือนแม่บ้านที่เขาเป็นคนจ่าย พร้อมทั้งค่าน้ำค่าไฟเช่นกัน

ในส่วนเงินที่หล่อนใช้ก็มาจากน้ำพักน้ำแรงของหญิงสาวทั้งนั้น เราไม่เคยพูดเรื่องนี้กันสักครั้ง เพราะปาลิตาก็ไม่ได้ขัดสนเรื่องการเงิน

อาชาไนยนั่งรับประทานอาหารเพียงลำพัง ใช้เวลาไม่นานก็ออกไปทำงานปล่อยบ้านให้เงียบเหงา ทว่าเพียงไม่นานรถยนต์ของปาลิตาก็เลี้ยวเข้ามาจอดหน้ามุข

ดวงหน้าหวานแจ่มใสกว่าทุกวัน เดินหิ้วกระเป๋าสำหรับใส่สัตว์เลี้ยงเข้ามาในบ้าน เตรียมอุปกรณ์ทุกอย่างไว้หมดแล้วจึงรบกวนแม่บ้านให้ช่วยจัดพื้นที่สำหรับลูกน้อยของตน

“น้องน่ารักไหมคะ พี่แป้งดูสิตากลมๆ ขนปุยๆ ลายวัวอีกต่างหาก น่ารักมากเลย” ช่วยกันจัดของสำหรับเจ้าเหมียวในห้องนอนของหล่อน ทั้งกระบะสำหรับปลดทุกข์ คอนโดพร้อมที่ลับเล็บ ไม่รวมของเล่นมากมายซึ่งยังไม่แกะจากถุง

คิดว่าข้าวของต้องงอกขึ้นเรื่อยๆ อย่างแน่นอน คิดจะหาข้อมูลสำหรับการเลี้ยงแมวเพิ่ม ส่วนเรื่องอาหารการกินก็ไม่ให้ขาด แทบจะทำตัวเป็นแม่แมวอยู่แล้ว ชื่นชมลูกสาวตัวน้อยไม่ขาดปาก ยิ้มเต็มปากส่งไปถึงดวงตาทำให้ดูสดใส

จนแม่บ้านนึกขอบคุณเจ้าแมวตัวน้อยที่ทำให้เจ้านายของตนกลับมายิ้มได้อีกครั้ง...

“น่ารักจริงด้วยค่ะคุณไหม”

“ดีนะคะที่หมอบอกว่าน้องไม่เป็นอะไรมาก เลือดก็ปกติไม่มีโรคอะไร สงสัยคงต้องขุนให้อ้วนสักหน่อยจะได้กอดนุ่มๆ” มองแมวตัวน้อยที่เดินดมกลิ่นรอบห้องนอนขนาดใหญ่เหมือนต้องการสำรวจ สายตาของหล่อนไม่ผละจากสัตว์เลี้ยงตัวใหม่ จนแม่บ้านอดเย้ากับความขี้เห่อของปาลิตาไม่ได้

“เลี้ยงเป็นลูกแบบนี้ระวังเด็กจะอิจฉาแล้วมาเกิดนะคะ” คนฟังทำได้แค่ยิ้มมุมปาก เธอเองก็เคยคาดหวังเรื่องนั้นเช่นกัน

“แบบนั้น...ก็ดีสิคะ” เผื่อการมีลูกจะทำให้เขาหันมาสนใจในตัวหล่อนบ้าง ไม่ใช่เหินห่างอย่างที่เป็นตอนนี้

ร่างแบบบางไม่เป็นอันทำงานเมื่อมีเจ้าแมวน้อยคอยอวดโฉมเรียกสายตา เธอเห่อเจ้าแมวลายวัวเป็นอย่างมาก ถ่ายรูปลงโซเชียลทุกช่องทาง อยากอวดให้ทุกคนได้เห็นความน่ารักของลูกสาวตัวเอง เล่าถึงความฉลาดของแมวน้อยที่สามารถเข้ากระบะทรายได้เองโดยไม่ต้องสอนด้วยซ้ำ

จากที่หน้าจอสี่เหลี่ยมควรมีการ์ตูนที่จะลงจำหน่าย กลับกลายเป็นวาดเจ้าเหมียวแทน กระทั่งอาชาไนยก็ถูกแย่งความสนใจ เธอไม่ถามหาเขาเสียด้วยซ้ำ แต่บางวันก็ยังไปรอชายหนุ่มที่ห้องรับแขก โดยมีแมวน้อยคลอเคลียนายสาวไม่ห่าง

ราวกับแม่ลูกที่ไม่แยกจากกัน...

“มาอีกแล้ว เห็นหน้านายบ่อยจังเลยช่วงนี้ ลาออกจากงานแล้วเหรอคะคุณปวัตร” ได้ยินเสียงรถยนต์จอดหน้ามุข เดาได้ทันทีว่าแขกที่มาหาเป็นใคร หล่อนยิ้มกว้างแต่ก็อดจะหยอกเย้าเพื่อนชายคนสนิทไม่ได้ที่เดินยิ้มหน้าบานมาแต่ไกล

ปวัตรมาบ้านหลังนี้บ่อยซะยิ่งกว่าอาชาไนยที่เป็นเจ้าของบ้านซะอีก

“ฉันก็แค่ขับรถผ่านเลยแวะมาเล่นด้วย ได้ข่าวว่าเธอมีแมวตัวใหม่มาเป็นลูกเลยอยากรับขวัญหลานสักหน่อย ตั้งชื่อให้หรือยังล่ะ” ค้อมตัวลงเพื่ออุ้มแมวน้อยพลางจ้องหน้าด้วยความเอ็นดู ค่อยเดินมานั่งที่โซฟาเดี่ยวเยื้องกับหญิงสาว มือหนาลูบตามขนนุ่มแล้วจ้องดวงตากลมใสของสัตว์สี่ขา

แน่นอนว่าเขาไม่ได้มาตัวเปล่า แต่ยังเหมาอาหารเม็ด อาหารเปียกและนมแพะสำหรับลูกแมวมาให้อีกด้วย ถือเป็นการรับขวัญหลานไปในตัว

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel