บท
ตั้งค่า

๖ ยื้อไม่ไหว (๒)

“เรียบร้อย...พ่อชื่อช้างแม่ชื่อปอไหม ลูกก็ชื่อเอลล่า” ยิ้มกว้างกับชื่อที่ตัวเองบรรจงคิดพร้อมใส่ความรักเข้าไปในชื่อ ซึ่งสร้างความงุนงงแก่คนฟังเป็นอย่างมาก

“หือ เข้ากันตรงไหน”

“ก็ฉันชอบชื่อนี้นี่น่า เป็นการผสมของเอลซ่ากับอันนาเลยเป็นเอลล่า” พูดถึงการ์ตูนที่กำลังโด่งดังในขณะนี้ เล่นเอาเขาต้องส่ายหน้าแล้วพึมพำเสียงเบา ขนาดเจ้าตัวไม่อยู่ยังถูกพูดถึงตลอด ปาลิตาคงจะรักสามีมากจนไม่มีสายตามองชายอื่น

โดยเฉพาะเพื่อนอย่างเขาที่แอบหลงรักเธอมาแสนนาน

“แล้วจะพูดชื่อเธอกับพี่ช้างทำไม”

“อยากพูด”

ต่อปากต่อคำกันเรียบร้อยแล้ว เขาจึงดัดเสียงให้เล็กเพื่อจะได้พูดคุยกับแมวตัวน้อย รับรู้ถึงความสุขที่เปล่งประกายจากแววตาหวานของปาลิตา เมื่อเห็นหล่อนเป็นอย่างนี้เขาเองก็พลันสุขไปด้วย จึงอยากพูดกับเธออีกครั้งว่าอาชาไนยเหมือนจะไม่ใช่ความสุขเดียวของหญิงสาวอีกต่อไป

คนเราสามารถมีความสุขกับเรื่องอื่นรอบกายได้ ขอเพียงแค่ต้องเริ่มจากการที่เธอรักตัวเอง...

“สวัสดีค่ะเอลล่า...”

“น้องเป็นผู้ชาย”

“หา!”

“ฮ่าๆๆ ล้อเล่นน่า น้องเป็นผู้หญิงแค่อยากเห็นนายทำหน้าตลกเลยพูดหยอกไปงั้นแหละ หมดมาดเลยนะคะคุณปวัตร” หัวเราะดีใจยกใหญ่เมื่อทำการหลอกเพื่อนสำเร็จ ดวงตากลมแทบจะปิดแสดงถึงความสุขที่ล้นออกมา จนร่างสูงต้องยิ้มตาม

“ตกใจหมดเลย นึกว่าเธอจะให้ผู้ชายชื่อเอลล่า” คงต้องขอบคุณเจ้าแมวตัวนี้ที่ทำให้เพื่อนเขากลับมาเป็นสาวสดใสคนเดิมได้ แล้วหวังว่าอีกไม่นานปาลิตาจะตัดใจจากพี่ชายของเขาสักที

“ไม่หรอกน่า”

ปวัตรทำได้แค่หวังให้มันเป็นอย่างนั้น แม้รู้ดีว่าถึงทั้งสองจะเลิกรากันไป เธอก็ไม่มีวันมองเขาเป็นอื่นนอกจากเพื่อนสนิท...

“ไปต่อกันเลย!!”

เสียงที่ได้ยินมาจากหน้าบ้านทำให้คนที่กำลังรอสามีถึงกับวางข้าวของทุกอย่าง รีบสวมสลิปเปอร์แล้วเดินมายังหน้ามุขเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น บนว่าร่างสูงถูกหิ้วปีกในสภาพเมามาย จนเธอต้องรีบเข้าไปช่วยพร้อมถามไถ่ชายหนุ่มอีกคนที่คุ้นหน้าค่าตาเป็นอย่างดี เพราะเขาคือเพื่อนสนิทของอาชาไนย

“เกิดอะไรขึ้นคะ ทำไมพี่ช้างเมาหนักขนาดนี้ล่ะ ดื่มไปเยอะเท่าไหร่เนี่ย” ไม่รู้ว่าเขาไปดื่มที่ไหน แล้วทำไมจึงได้จัดหนักจัดเต็ม มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า

แต่ความจริงถึงไม่มีเรื่องอะไร สามีของหล่อนก็มักดื่มเป็นประจำอยู่แล้ว ก่อนจะมาลงที่หล่อนพร้อมเอ่ยถึงชื่อของคนรักเก่า...

ซึ่งเป็นพี่สาวฝาแฝดเธอเอง

“น่าจะอาบมากกว่า ยังไงพี่ฝากไอ้ช้างด้วยนะ พี่ขอตัวกลับก่อนแล้วกัน” คนสวนของบ้านเข้ามาหิ้วปีกอีกทาง ทำให้เหมต์ค่อยหายใจสะดวกขึ้นมาหน่อย เขาตบบ่าเพื่อนสนิทที่เมาไม่รู้เรื่อง พร้อมพูดกับหญิงสาวซึ่งไม่ยอมหลับนอน นั่งคอยสามีจนครึ่งค่อนคืนอย่างน่าสงสาร

เข้าใจทั้งเพื่อนสนิท และเข้าใจในมุมมองของปาลิตาเช่นเดียวกัน

ถ้าเป็นตนก็คงทำตัวไม่ถูกเมื่อถูกคลุมถุงชนกับน้องสาวของแฟนเก่า ที่หน้าตาเหมือนกันทุกกระเบียดนิ้ว

“ขอบคุณค่ะ” ค้อมศีรษะให้เพื่อนสนิทของสามี

“พี่ช้างคะ ทำไมชอบดื่มนักล่ะ” พึมพำเสียงเบาก่อนมองร่างสูงที่ทำตาปรือยืนตัวไม่ตรง ยังดีที่ได้คุณลุงคนสวนคอยช่วยแบกเขาเอาไว้ไม่ให้ล้ม ส่วนเธอก็หิ้วปีกอีกข้างของชายหนุ่มอย่างแข็งขัน ถึงเขาจะตัวหนักมากแค่ไหนก็ตาม

“อึก ป่าน ป่านของพี่!” แรงที่มีเริ่มหดหายเมื่อชื่อที่ออกจากปากหยักกำลังกล่าวถึงหญิงผู้ล่วงลับ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน คนที่อยู่ในใจอาชาไนยก็ยังเป็นพี่สาวของหล่อนไม่เปลี่ยนแปลง

ปาลิตาพยายามยิ้มแย้มเมื่อเห็นท่าทีของคุณลุงที่เหมือนทำตัวไม่ถูก เธอไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรเขาถึงจะละเมอเป็นชื่อของหล่อนบ้าง รู้ดีว่าในใจของชายหนุ่มมีเพียงคนรักเก่า ทว่ายังคงหวังสักเศษเสี้ยวหัวใจที่ตนอาจได้รับความรัก

“พาพี่ช้างขึ้นบนบ้านเถอะค่ะ”

ช่วยกันหิ้วปีกคนเมาขึ้นบนห้อง โดยเลือกพาคุณผู้ชายของบ้านไปนอนที่ห้องเขา เนื่องจากหล่อนกลัวว่าเจ้าแมวตัวน้อยที่หลับปุ๋ยในห้องของตัวเองจะตื่น จึงไม่อยากกวน

ไม่น่าเชื่อว่าตอนนี้ปาลิตาจะรักและหลงเอลล่าเป็นอย่างมาก มันแสนรู้อย่างที่หล่อนคาดไม่ถึง เพิ่งเคยเลี้ยงแมวจรจัดเป็นครั้งแรกก็ประทับใจทันที หวังว่าแมวตัวนี้จะมีชีวิตที่ยืนยาว เพื่ออยู่กับเธอไปอีกแสนนาน

เข้ามายังห้องนอนของอาชาไนยก็พาเขาไปนอนบนเตียง เธอขอบคุณคนที่ช่วยแบกร่างหนาขึ้นชั้นสอง จากนั้นจึงเดินไปหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กไปชุบน้ำพร้อมบิดให้หมด นำมาเช็ดตามกรอบหน้าคมอย่างอ่อนโยน

“ป่าน ป่านทอ” ชื่อที่ดังออกมากจากปากหยักทำให้มือบางชะงัก เธออยากทุบเขาสักหมัดเพื่อให้ดวงตาคมได้ลืมมาดูว่าคนตรงหน้าไม่ใช่ปาลิน

“ไหมไม่ใช่พี่ป่าน” บอกเสียงเข้มแล้วผละห่าง คิดจะเดินกลับห้องของตัวเองเพื่อไม่ให้เจ็บมากไปกว่านี้ แต่ข้อมือเล็กกลับถูกคว้าเอาไว้ในทันที พร้อมคนเมาที่ลืมตาจ้องหน้าเธอ

“เธอคือป่าน!” เขาย้ำเสียงเข้มก่อนลุกนั่งบนเตียงกว้าง ดึงร่างแบบบางให้เข้าใกล้ตนอย่างคนมีเรี่ยวแรง ไม่เหมือนกับคนเมาเลยสักนิด จนหล่อนต้องใช้มือข้างที่ว่างยันแผงอกหนาเอาไว้ไม่ให้เข้าใกล้เกินไป เพราะกลิ่นแอลกอฮอล์ที่กายเขาค่อนข้างแรงจนฉุน

อีกทั้งหล่อนไม่ต้องการเป็นตัวแทนของพี่สาวฝาแฝดอีกต่อไปแล้ว ปาลิตาอยากเป็นปอไหมภรรยาที่อาชาไนยรัก ไม่ใช่เงาของหญิงอีกคน

“พี่ช้าง...ไหมไม่อยากเป็นพี่ป่านแล้ว ไหมเป็นไหม เป็นเมียของพี่” ส่ายหน้าอย่างอ้อนวอน ทว่าร่างสูงกลับดึงคนตัวเล็กกว่าให้ขึ้นมานั่งบนเตียง แล้วดันหล่อนนอนราบลงบนฟูกหนาก่อนจะโน้มกายลงทาบทับ พร้อมเปล่งเสียงดังราวต้องการจะย้ำให้คนตรงหน้าทราบ

หรืออีกนัยคือร่างสูงกำลังจะย้ำกับตัวเอง เพื่อให้มองปาลิตาเป็นปาลิน...

“ป่าน เธอคือป่าน ป่านอยู่กับพี่ อยู่กับพี่นะ” พูดจบก็ก้มลงปิดริมฝีปากอวบอิ่มไม่ให้ปฏิเสธหรือพูดในสิ่งที่ไม่เข้าหูได้อีก คนเมากำลังจะมอมหญิงสาวด้วยรสชาติของการร่วมรักที่แสบอิ่มเอม โดยเขาก็ยังคงเอ่ยชื่ออดีตแฟนเก่าไม่หยุด

จนปาลิตาน้ำตานองหน้าทุกครั้งยามได้ยิน เพราะเหมือนชายหนุ่มกำลังตอกย้ำว่าไม่มีทางที่หล่อนจะเอาชนะใจเขาได้ คนที่อยู่ในหัวใจของอาชาไนยมีเพียงปาลินผู้เดียวเท่านั้น

ช่วงนี้ไม่รู้หล่อนเป็นอะไรมีแต่ง่วงนอนทั้งวัน ตื่นมาก็มักถามหาอาหารแล้วสามารถกินข้าวได้สองจานจนนึกแปลกใจตนเองว่าไปหิวโหยมาจากไหน ของติดมือคือยาดมผสมสมุนไพรขวดสีเขียวคู่ใจ สามารถสูดดมได้ทั้งวันไม่มีเบื่อ

อีกกิจกรรมหนึ่งที่หล่อนชอบคือการได้เฝ้ามองเจ้าเหมียววิ่งเล่นรอบบ้าน ถือเป็นการผ่อนคลายไปอีกแบบ คาดหวังเหมือนกันว่าวันหนึ่งอยากเปลี่ยนจากเลี้ยงแมว มาเป็นเลี้ยงลูกของตนกับสามีบ้าง ซึ่งไม่รู้จะมีวันนั้นหรือเปล่า

นั่งวาดการ์ตูนหลายชั่วโมงจนเบื่อ จึงเดินขึ้นชั้นสองมองหาเอลล่าที่วิ่งไล่จับเหรียญของเล่นทรงแบนที่มีแสงไฟขึ้นล้อมรอบ เป็นของเล่นชิ้นโปรดของแมวน้อยซึ่งเล่นได้ทั้งวันไม่มีเบื่อ พอเหนื่อยก็มาอ้อนให้พาไปกินอาหาร ค่อยกลับมาเล่นอีกครั้ง ก่อนเข้านอนพร้อมหล่อนอย่างเป็นเวลา

เลี้ยงง่ายจนไม่อยากเชื่อว่าจะเป็นแมว...

เอลล่าทำให้หล่อนพอคลายความคิดถึงจากสามีได้บ้าง ช่วงนี้เขาทำงานหนักออกไซต์งานต่างจังหวัดจึงไม่ค่อยกลับบ้าน หญิงสาวเลือกจะเข้าทางเลขานุการของอาชาไนยเพื่อถามความเคลื่อนไหว จึงได้รู้ว่าส่วนมากสามีก็นั่งทำงานหน้าดำคร่ำเครียด ไม่ค่อยได้ออกไปไหนกับคนต่างเพศเท่าไหร่

“เอลล่าอย่าวิ่งไปแถวนั้น” รีบเตือนแมวของของตัวเองทันทีเมื่อเห็นว่าเจ้าเอลล่าวิ่งไปทางห้องต้องห้ามของอาชาไนย

ห้องนี้อยู่เยื้องกับห้องของหล่อน ซึ่งร่างสูงห้ามเด็ดขาดไม่ให้ใครเข้าไป ทุกคนก็ทำตามเคร่งครัด กระทั่งหล่อนเองที่ทำได้เพียงสงสัยว่ามันคือห้องอะไร ทำไมเขาจึงไม่อนุญาตให้เข้าไป แต่ก็ทำได้เพียงแค่สงสัยเท่านั้น

ประกาศิตของอาชาไนยคือสิทธิ์ขาด ต้องทำตามเพียงอย่างเดียว

“เมี้ยว” ดวงตากลมเบิกกว้างเมื่อของเล่นชิ้นโปรดถูกปัดลอดใต้ประตูห้องต้องห้าม รีบเข้าไปอุ้มเจ้าเหมียวอย่างรวดเร็วทั้งที่มันร้องพลางดิ้นจะลงจากอ้อมแขน ก่อนที่หล่อนจะยอมปล่อยแมวน้อยให้เป็นอิสระ

“ปัดอะไรเข้าไปในห้องน่ะ”

“เมี้ยว” เล็บที่ถูกตัดเกลี้ยงกำลังตะกุยหน้าประตู พยายามยื่นเท้าหน้าลอดใต้ช่องเล็กหวังทวงคืนของเล่นชิ้นโปรดกลับมา แต่พบเพียงความว่างเปล่า

“หนูอยากได้เหรอ...แต่ห้องนี้คุณพ่อห้ามเข้านะคะ” ย่อกายลงเพื่อบอกกับเจ้าเหมียวที่ฟังไม่รู้เรื่อง เอาแต่ร้องประท้วงเพราะต้องการของเล่นคืน จนหล่อนนึกสงสารระคนสงสัยว่าสิ่งของที่อยู่หลังประตูบานใหญ่ คืออะไรกันแน่

“เมี้ยว เมี้ยว” เสียงเจ้าเหมียวตัวน้อยร้องดังไม่หยุด ขณะที่หญิงสาวกำลังตีกับความคิดของตัวเองว่าควรเข้าไปในห้องดีหรือไม่ มันเป็นการเสียมารยาทหรือเปล่า แต่อีกใจก็อยากทราบว่าเหตุใดสามีจึงไม่ยอมให้ใครเข้าห้องนี้

อาชาไนยแอบซ่อนอะไรเอาไว้...

“ดื้อจริงเลย เดี๋ยวแม่เอาให้ก็ได้ขอไปเอากุญแจที่ห้องของคุณพ่อแป๊บเดียว ยืนรอตรงนี้ห้ามไปไหน” ความอยากรู้สามารถเอาชนะได้ หล่อนจึงตัดสินใจสั่งแมวน้อยเสียงเข้ม ซึ่งเอลล่าก็กำลังตะกุยประตูไม่ได้มีส่วนร่วมกับเธอแต่อย่างใด

ปาลิตาเลือกเดินเข้าไปในห้องนอนของเขา เปิดลิ้นชักแล้วหยิบกุญแจห้องสำคัญ เอ่ยขอโทษขอโพยอาชาไนยแล้วจึงเดินออกจากพักส่วนตัวของสามี ก้าวเท้าไปยังห้องปิดตายที่ไม่มีใครกล้าไขกุญแจเข้าไปสักคน

“รอนะ”

ยกเว้นแต่หล่อนที่ค่อยเสียบกุญแจเข้าไปเสียงเบา ราวกลัวคนอื่นได้ยินทั้งที่บนชั้นสองไม่มีใครสักคน นอกจากเธอและแมวอีกหนึ่งตัว ร่างบางย้ำกับเอลล่าให้รอข้างนอก จนได้ยินเสียงกลอนซึ่งถูกปลดล็อค เหมือนหัวใจหล่อนจะเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ ระหว่างที่กำลังจะเปิดประตูเข้าข้างใน

“ขอเข้าไปเอาของหน่อยนะคะ แล้วไหมจะรีบออกมา” ยังไม่ทันที่หล่อนจะเข้าไปข้างใน เจ้าเอลล่ารีบวิ่งแทรกช่องลอดของประตูเข้าไปก่อนซะอีก มันสนุกกับการเขี่ยของเล่นที่ลอดช่องประตูออกไปข้างนอก

ในห้องจึงเหลือเพียงหล่อนผู้เดียว...

ห้องขนาดเล็กที่คล้ายกับห้องเก็บของ แต่ทุกอย่างกลับถูกวางไว้อย่างเปิดระเบียบและทำความสะอาดเหมือนใหม่ โซฟานุ่มที่วางไว้มุมห้อง โต๊ะที่วางกรอบรูปซึ่งเต็มไปด้วยความทรงจำของอาชาไนยและปาลิน

ทุกอย่างในห้องมีกลิ่นอายของพี่สาวผู้ล่วงลับไปแล้วอยู่ทุกอณู จนคนมองถึงกับปิดปากแน่นกลัวเผลอสะอื้นไห้

“นี่มัน...” พึมพำเสียงเบาเมื่อเปิดกล่องสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ออก พบผ้าพันคอ เสื้อถักและของใช้จิปาถะซึ่งล้วนเป็นงานฝีมือทั้งหมด ถูกเก็บรักษาไว้อย่างดีแม้กระทั่งกลิ่นยังคงหอมกรุ่น พลันความทรงจำต่างๆ ก็ย้อนกลับเข้ามา

“ของขวัญ ของขวัญ...” รำพันเพียงลำพัง...

แม้พวกเขาจะเป็นฝาแฝดที่หน้าตาเหมือนกัน ทว่าน้ำเสียงค่อนข้างต่าง ขณะที่ปาลินจะมีเนื้อเสียงแหบทุ้มต่างจากคนน้องที่จะมีเนื้อเสียงหวานกว่าเล็กน้อย ยามพูดจาจึงเหมือนว่าปาลิตาจะเรียบร้อยกว่า ภาพที่แสดงออกก็เป็นอย่างนั้นเช่นเดียวกัน

‘ทำให้สวยสุดฝีมือเข้าใจไหม’ รอยยิ้มสดใสถูกส่งมาแต่ไกล พร้อมมือที่วาดโอบรอบไหล่แบบบาง พร้อมฝากความหวังเอาไว้ที่น้องสาวฝาแฝดของตัวเอง

‘มันจะดีเหรอพี่ป่าน ของขวัญวันเกิดแฟนก็ต้องทำเองสิ พี่ให้ไหมทำแบบนี้ถ้าพี่ช้างรู้โกรธแย่เลย’ บอกเสียงเง้างอนแล้วละมือจากงานที่ตัวเองกำลังทำ เหลียวมาจดจ้องปาลินซึ่งโยนงานชิ้นสำคัญมาให้ตัวเอง โดยที่ไม่รู้เลยสักนิดว่าปาลิตาแอบชอบแฟนของตัวเอง

รู้ดีว่าไม่ถูกต้องที่แอบชอบชายผู้เป็นคนรักพี่สาว แต่ความรู้สึกห้ามกันได้เสียที่ไหน สิ่งที่หล่อนทำได้เห็นจะมีแต่ระมัดระวังสายตาของตัวเอง ไม่แสดงออกจนคนอื่นจับได้ แล้วอยู่อย่างเจียมตนในพื้นที่ของน้องสาว

‘พี่ช้างไม่รู้หรอก ไหมไม่บอกพี่ไม่บอกจะรู้ได้ไงล่ะ ขอสวยสุดฝีมือเลยนะ คราวก่อนไหมถักผ้าพันคอไปให้พี่ช้างชอบมากเลย ชมพี่ใหญ่ว่าฝีมือดีทำอะไรก็สวย สงสัยต้องหาโอกาสบอกความจริงก่อนแต่งงานแล้ว’

ปาลินไม่ถนัดงานฝีมือจึงโยนงานเหล่านั้นให้น้องสาวผู้ช่ำชองในการเย็บปักถักร้อย คิดว่าต้องได้ของขวัญที่ทำจากมือไปให้แฟน สร้างความประทับใจสักหน่อยเพื่อมัดใจอีกฝ่ายเอาไว้

‘พี่กับพี่ช้างจะแต่งงานกันแล้วเหรอ’ ถามเสียงตระหนกแต่คนตอบกลับมีท่าทีไม่ยินดียินร้าย แล้วตอบเหมือนปลงตกกับชีวิต

‘อีกสี่ห้าปีนู้นแหละ...แต่ก็ไม่แน่หรอกอะไรก็เกิดขึ้นได้ พี่อาจจะเบื่อแล้วบอกเลิกก่อนหรือเขาอาจจะหมดรักพี่ ช่างเถอะอยู่กับปัจจุบันดีกว่า’ ปากยิ้มกว้างแต่แววตากลับเศร้าจนน้องสาวนึกห่วง กำลังจะพูดกับพี่สาวแต่ปาลินก็ตัดบทด้วยการหยัดกายยืนเต็มความสูง

‘ฝากด้วยนะคะน้องสาว’ ลูบศีรษะมนแล้วเดินออกจากห้องของปาลิตาเพื่อไปทำงาน ปล่อยร่างบางจดจ้องของขวัญตรงหน้าที่จะมอบให้อาชาไนย

ในนามของปาลิน...

“เธอทำอะไรน่ะ!!” นอกจากเสียงที่ตะคอกดังของเขาจะปลุกหล่อนให้ตื่นจากภวังค์ ยังมีมือหนาที่จับบนไหล่เล็กพร้อมดึงให้เธอออกห่างจากของตรงหน้า ผลักร่างแบบบางออกห่างของชิ้นสำคัญด้วยแววตาวาวโรจน์

“พี่ช้าง” หญิงสาวอึ้งกับการกระทำของเขาที่ผลักหล่อนให้ออกห่างจากสิ่งของเหล่านั้น

หนุ่มวิศวกรตัดสินใจคว้าแขนเรียวพาออกจากห้องแล้วจัดการล็อคอย่างแน่นหนา รังสีบางอย่างแผ่ออกจากกายหนา รับรู้ได้ถึงความโกรธที่เกินขีดจำกัดของอีกฝ่าย ทำเอาเธอนึกกลัวว่าตนจะถูกทำร้ายจากสามีหรือเปล่า

“เข้ามาในห้องนี้ทำไม” เมื่ออยู่ข้างนอกเขาเลือกจะถามเสียงแข็ง จ้องดวงตากลมจนหล่อนไม่กล้าสบ ทำได้เพียงก้มหน้าแล้วบอกเสียงเบา

“ไหมแค่เข้ามาเอาของที่เอลล่าปัดเข้ามาค่ะ”

“ฉันบอกว่าไม่ให้เข้าไป ทำไมยังไม่ฟัง!” ตะโกนเสียงดังจนเธอสะดุ้ง หลับตาแน่นเกรงว่าเขาจะทำร้ายร่างกาย แต่สุดท้ายก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นจึงค่อยลืมตา แล้วเงยหน้าเพื่อสบดวงตาเรียว พวกเรายืนใกล้กันจนเธอสัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนที่เป่ารดใบหน้าของตัวเอง

ไม่รู้ว่าเขากลับมาบ้านทำไม แต่คิดว่าอาจจะเข้ามาเปลี่ยนชุดเพื่อเข้าบริษัทหรือออกไปที่อื่น ไม่คิดเลยว่าชายหนุ่มจะมาพบว่าตนแอบเข้าไปในห้องต้องห้ามของเขา

“ของขวัญพวกนั้น พี่ช้างยังเก็บเอาไว้เหรอคะ” สูดลมหายใจลึกอย่างกล้าๆ กลัวๆ แล้วตัดสินใจถามสิ่งที่อยากรู้ หล่อนรู้แก่ใจว่าของเหล่านั้นตนเป็นคนทำ แตกต่างจากอาชาไนยที่เขาไม่ทราบ ทั้งยังเก็บดูแลรักษาเป็นอย่างดี เหมือนเป็นตัวแทนของคนที่จากไป

จนหญิงสาวนึกอยากให้เขาเจ็บบ้าง...ถ้ารู้ความจริงว่าของทุกอย่างคนที่ตั้งใจทำคือเธอ

“ทุกอย่างที่เป็นของป่านฉันเก็บไว้ตลอด ฉันไม่เคยลืมป่านและจะไม่มีวันลืมเขา” นอกจากพูดเพื่อให้หล่อนเจ็บ เขาก็ต้องการบอกตัวเองเหมือนกันไม่ให้ลืมแฟนเก่า

“แม้ของพวกนั้นพี่ป่านจะไม่ได้เป็นคนทำเหรอ” มือบางกำเข้าหากันแน่นด้วยความเจ็บปวด บอกความจริงกับชายหนุ่มหวังให้เขารู้สึกเช่นเดียวกัน ความเชื่อของอาชาไนยกำลังจะถูกทำลาย เขาคิดมาตลอดว่าสิ่งของเหล่านี้เป็นปาลินที่ทำกับมือ

“หมายความว่ายังไง”

“ของขวัญที่พี่รักนักหนาไหมเป็นคนทำเอง พี่ป่านไม่เคยทำงานฝีมือแต่เพราะอยากให้พี่ประทับใจเลยขอร้องให้ไหมช่วยทำของขวัญพวกนั้น” ระดับเสียงเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ อย่างไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้อีกต่อไป

เธอพร้อมจะบอกความจริงกับเขาทุกอย่าง กระทั่งต้นเหตุของความรักที่มีให้ชายหนุ่ม เพราะเธอเคยเจอเขาก่อนปาลิน เพียงแค่ตนเองกลับเป็นฝ่ายถูกลืม

“โกหก! หยุดโกหกสักทีได้ไหม บอกแล้วไงว่าฉันไม่มีวันรักเธอ ต่อให้เธอจะยัดเยียดตัวเองหรือนอนอ้าขาให้ฉันเอาอีกกี่ครั้ง ฉันก็ไม่รักเธอ!” คำพูดที่เสียดแทงลึกข้างในใจทำให้หญิงสาวไม่หลงเหลือสติที่จะไตร่ตรองคำพูดของตัวเอง

โพล่งออกไปในทันควัน “งั้นพี่ก็หย่ากับไหมเลยสิ หย่าเลยไหม!” ตะโกนตอกกลับเพราะรู้ดีว่าอย่างไรเขาก็คงไม่หย่า การแต่งงานครั้งนี้เกิดจากผลประโยชน์ที่ครอบครัววัฒนารุ่งเรืองต้องการจากพ่อของหล่อน ถึงเขาจะไม่ชอบหล่อนมากแค่ไหน ก็ต้องกล้ำกลืนฝืนทนอยู่ในสถานะนี้ต่อไป

ไม่อาจหย่าขาดจากกันได้...

“เธอคิดว่าฉันจะไม่กล้าหย่ากับเธอเพราะธุรกิจของครอบครัวฉันใช่ไหมถึงกล้าท้าแบบนี้” กัดฟันกรอดเมื่อได้ยินคำท้าจากปากอวบอิ่ม เท้าหนักขยับเข้าใกล้หล่อนมากกว่าเดิม ดวงตาคมมีเพียงความเกลียดชังมอบให้คนตรงหน้า

“พรุ่งนี้เราไปทำเรื่องหย่าที่อำเภอ ฉันก็ทนอยู่กับผู้หญิงโกหกอย่างเธอไม่ได้เหมือนกัน” พูดจบก็เดินหนีเข้าห้องของตัวเองทันที ปล่อยร่างบางยืนน้ำตาไหลเพียงลำพังแล้วตะโกนเรียกสามีด้วยความขัดใจ แทบจะกระทืบเท้าเรียกร้องความสนใจด้วยซ้ำ

“พี่ช้าง!”

คำพูดที่หล่อนเป็นคนเอ่ยเพื่อประชด กลายเป็นดาบคมมาทำร้ายตัวเองภายหลัง ทั้งที่ไม่อยากหย่าแต่เขากลับตอบรับอย่างรวดเร็วเหมือนรอโอกาสมานาน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel