๓ ไม่มีใครแทนที่ใคร (๒)
ตลอดระยะทางที่ขับมาส่งหญิงสาวยังเรือนหอ เขาภาวนานับร้อยครั้งให้เส้นทางการจราจรติดขัด ขอให้มีไฟแดงทุกแขก แต่น่าแปลกเพราะถนนโล่งจนสามารถวิ่งได้คล่องจนนึกโมโห เจอแยกไหนที่มีไฟจราจรก็เห็นเพียงไฟสีเขียว
จึงมาส่งหล่อนถึงหน้าบ้านโดยสวัสดิภาพในเวลาอันรวดเร็ว มือหนากำพวงมาลัยเอาไว้แน่น แล้วค่อยเอื้อมมาหยิบของขวัญกล่องเล็กที่วางไว้ช่องกลางระหว่างเบาะหน้า
“ขอบคุณนะคะคุณทิวสนที่มาส่งถึงหน้าบ้าน จะเข้าไปทักทายพี่ช้างหน่อยไหม...อือ น่าจะยังไม่กลับ งั้นขับรถกลับบ้านดีๆ ล่ะ ถ้าถึงแล้วก็ไลน์มาบอกเราด้วย” ชะโงกหน้าไปมองยังโรงจอดรถแต่กลับไม่มีพาหนะของสามีจอดไว้ ใบหน้าหวานหมองลงเพียงแค่คิดว่าอาชาไนยยังไม่ถึงบ้าน
อีกฝ่ายไปทำอะไรอยู่ที่ไหน ดึกป่านนี้แล้วทำไมจึงยังไม่กลับ...
“รับทราบครับ” รับคำเสียงดังมั่นคง หล่อนจึงปลดเข็มคาดนิรภัยเตรียมเปิดประตูลงจากรถ แต่เสียงทุ้มกลับรั้งเอาไว้จนห้องหันมามอง
“ไหม”
“หือ”
กล่องสีหวานใบเล็กถูกยื่นไปตรงหน้าหล่อน ดูผิวเผินพบว่ามันคล้ายกับกล่องสร้อย ทว่าเธอมั่นใจเขาไม่มีทางให้สร้อยแก่ตนอย่างแน่นอน ปาลิตารับของขวัญมาถือเอาไว้ แล้วสบดวงตาคมที่เอาแต่จดจ้องดวงหน้าหวานไม่ละสายตาไปไหน
“สุขสันต์วันเกิดนะ” เป็นอีกปีที่ชายหนุ่มได้อวยพรวันเกิดให้ปาลิตา หวังเพียงปีหน้าในทุกวันเกิดของหล่อน จะยังมีเขาอยู่เคียงกายเธอเสมอ
“นึกว่าจะไม่มีของขวัญให้กันซะแล้ว ขอบใจนะ” เปิดดูของข้างในก็พบปากกาไอแพดที่มีปลอกมาให้ด้วย ปากอวบอิ่มยกยิ้มทันทีเพราะของเก่าเริ่มพังไปตามกาลเวลา คิดจะซื้อใหม่อยู่พอดีก็ได้ของดีมาฟรีๆ จากเพื่อนสนิท
“ฉันหวังว่าเธอจะมีความสุข...ขอแค่เธอมีความสุขก็พอ” หวังอย่างนั้นและได้แค่ภาวนาให้หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าตนมีความสุข
ตลอดไป...
“อือ ฉันจะมีความสุข” พยักหน้าแล้วเก็บของขวัญเข้ากระเป๋า ขอแค่ตนได้อยู่กับอาชาไนยก็จะมีความสุขแล้ว
ก้าวเข้ามาในตัวบ้านหลังงามที่เป็นเรือนหอ เปลี่ยนรองเท้าผ้าใบเป็นสลิปเปอร์สำหรับสวมใส่ในบ้าน ค่อยผินหน้ามองตามเสียงที่เรียกหล่อน พบว่าเป็นแม่บ้านซึ่งกำลังรอคอยเจ้านายทั้งสองคนกลับมา แม้ตอนนี้จะดึกมากแค่ไหนก็ตาม
“กลับมาแล้วเหรอคะคุณไหม”
“ค่ะ ไหมเอาเค้กวันเกิดมาฝากทุกคนด้วยนะ ใส่ตู้เย็นแล้วค่อยกินพรุ่งนี้ก็ได้ค่ะ บอกเลยว่าอร่อยมาก...แบ่งไว้ให้พี่ช้างด้วยนะคะ” ยื่นกล่องขนมเค้กที่ถือกลับมาจากบ้านให้อีกฝ่าย พร้อมกำชับเพราะอยากให้สามีได้กินเค้กวันเกิดของตัวเอง
ไม่รู้ว่าเขาจะยอมกินหรือเปล่า ชายหนุ่มแทบไม่แตะของหวานทุกชนิด ไม่ใช่เพราะไม่ชอบแต่ขนมหวานเป็นของชอบปาลิน กลัวว่าหากได้เห็นมันจะทำให้คิดถึงแฟนสาวผู้ล่วงลับไปแล้ว
“ได้ค่ะ”
“พี่ช้างยังไม่กลับอีกเหรอคะ” แม้จะทราบดีแต่ก็ยังอยากถามเพื่อความแน่ใจ ถึงหล่อนจะมีตำแหน่งคุณผู้หญิงของบ้านหลังนี้ ทั้งยังเป็นสะใภ้ใหญ่ของครอบครัววัฒนารุ่งเรือง ถูกยกย่องจากคนภายนอกแต่กลับโดนเมินจากชายอันเป็นที่รัก
ไม่เคยทราบว่าเขาไปไหนหรือทำอะไร จะถามก็ไม่กล้าเกรงทำให้อาชาไนยอารมณ์ ดูเหมือนหล่อนทำอะไรก็ไม่ถูกใจเขาสักอย่าง
“ยังเลยค่ะ...แต่เห็นโทรให้ลุงสนนั่งแท็กซี่ออกไปรับที่ร้านอาหาร คิดว่าคงจะเมาหนัก” ฟังอย่างนั้นก็ถอนหายใจ เขาคงจะคิดถึงปาลินและไม่อยากกลับบ้านจนต้องใช้น้ำเมาเข้าช่วย คุณผู้หญิงของบ้านไม่ได้พูดอะไร เอาแต่ยืนนิ่งตกอยู่ในภวังค์
ตนเห็นแก่ตัวเกินไปหรือเปล่าที่ใช้ข้ออ้างทางธุรกิจมาบีบบังคับเพื่อให้ชายหนุ่มแต่งงานด้วย แม้เรื่องทั้งหมดจะเริ่มต้นด้วยการเอ่ยปากสู่ขอจากครอบครัวฝ่ายชายก็ตาม
ทว่าหากปฏิเสธ...เขาคงไม่เกลียดเธอเหมือนตอนนี้
“มาพอดีเลย” เสียงรถแล่นเข้ามาจอดหน้ามุข แม่บ้านจึงรีบบอกคนที่กำลังเหม่อลอย หล่อนรีบก้าวเท้าไปยังหน้าบ้านอย่างรวดเร็วด้วยนึกเป็นห่วงสามี
ภาพที่เห็นคือวิศวกรรูปหล่ออายุเข้าเลขสามเมาจนหมดสภาพ ลำคอที่เคยตั้งตรงกลับโงนเงนไปมา คนรถที่รีบไปรับเจ้านายพยายามดึงอีกฝ่ายออกมาจากรถหรูด้วยความยากเย็น ปาลิตาจึงต้องรีบเข้าไปช่วยเพราะเป็นห่วงคนเมา
“วันนี้วันดี วานนนน ดี มากกกก อึก” ปริมาณแอลกอฮอล์ในกายน่าจะเยอะพอสมควร เห็นอย่างนั้นหล่อนก็ต้องพรูลมหายใจนึกน้อยใจที่ชายหนุ่มเลือกไปสังสรรค์ลำพังแทนการไปฉลองวันเกิดกับหล่อนที่บ้าน
“ว้าย พี่ช้าง ทำไมเมาหนักขนาดนี้ล่ะคะ เดี๋ยวไหมช่วยประคองค่ะ” ดูเหมือนแค่คุณลุงคนเดียวจะไม่สามารถประคองเจ้านายออกจากรถได้ ด้วยส่วนสูงและน้ำหนักของเขาจึงต้องมีคนมาช่วยประคองอีกฝั่ง ซึ่งคนภรรยารีบปรี่เข้าไปอย่างรวดเร็ว
พากันหิ้วปีกอาชาไนยเข้าไปในบ้าน กลิ่นเหล้าเหม็นหึ่งจนหล่อนต้องเบี่ยงหน้าหลบ ไม่รู้ว่าเขาดื่มหรืออาบกันแน่
“ป่าน ป่านอยู่ไหน ป่านนนน” ชื่อที่ถูกเอ่ยจากคนเมาทำให้ภรรยาในนามหน้าเสียแต่ก็พยายามตีหน้านิ่งไม่คิดอะไร
รู้ทั้งรู้ว่าเขารักพี่สาวตัวเองก็ยังเลือกจะเข้ามาในชีวิตของอีกฝ่าย โทษใครไม่ได้นอกจากต้องโทษตัวเอง ถึงชายหนุ่มจะเมาแต่เหมือนรู้ว่าหล่อนช่วยพยุงทางด้านซ้าย จึงทิ้งน้ำหนักตัวไปทางขวาราวกับไม่อยากอยู่ใกล้กัน
เมื่อเดินมาถึงชั้นสองก็พาร่างหนาเข้ามาในห้องหอ หลายคืนแล้วที่หล่อนนอนคนเดียว โดยที่คนทั้งบ้านก็ทราบดีว่าสามีภรรยาแยกห้องกัน ทว่าคืนนี้หล่อนจะไม่ทนเหงานอนคนเดียวอีกต่อไป
ต่อให้ชายหนุ่มตื่นมาจะโวยวายก็ตาม...
“วางไว้บนเตียงนี่แหละค่ะ ไหมจะดูแลพี่ช้างเอง ทุกคนไปนอนเถอะนะคะนี่ก็ดึกมากแล้ว” นึกเกรงใจคนในบ้านที่ต้องมาคอยดูแล คนรถวางเจ้านายไว้บนเตียงเรียบร้อยจึงได้ถอยออกมาจากห้อง พร้อมรับคำเพื่อให้สามีภรรยาอยู่ด้วยกัน
“ครับ”
ปาลิตาถอนหายใจขณะมองคนเมาที่นอนแน่นิ่งอยู่บนเตียง หล่อนเลือกจะเดินเข้าห้องน้ำแล้วนำผ้าขนหนูผืนเล็กไปแช่น้ำพร้อมบิดให้หมาด ค่อยเดินมานั่งลงที่ขอบเตียงนุ่ม แล้วเริ่มเช็ดหน้าให้สามีที่ตกอยู่ในห้วงนิทรา
ดวงตาคมที่มักจ้องหล่อนด้วยความรำคาญ บัดนี้เปลือกตาปิดสนิทจึงมีโอกาสได้สำรวจความงดงามโดยที่ไม่ต้องแอบมองอีกต่อไป ไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่แอบรักชายตรงหน้า น่าจะเป็นช่วงมัธยมศึกษาที่เราบังเอิญเจอกัน
แต่เขาคงจำเธอไม่ได้...
พบกันอีกทีเขาก็กลายเป็นแฟนของพี่สาวหล่อน ราวกับมีไม้ตีแสกกลางหน้าให้มึนงง แล้วค่อยแปรเปลี่ยนเป็นความเจ็บปวด
หล่อนช้าเกินไป
“พี่ช้างคะ ทำไมดื่มเยอะขนาดนี้ล่ะ ไหนบอกไหมว่ามีงานไงคะ...หรือพี่แค่ไม่อยากไปฉลองวันเกิดกับไหม” เช็ดดวงหน้าคมด้วยความเบามือ จากนั้นจึงพึมพำถามเขาด้วยความน้อยใจ ปาดน้ำตาที่คลอเบ้าจวนเจียนจะไหล ร้อนผ่าวที่ดวงตาจนต้องพรูลมหายใจทางปาก
ไม่อยากอ่อนแอแต่ดูเหมือนหัวใจจะไม่อนุญาตให้หล่อนเข็มแข็ง
“แฮปปี้เบิร์ดเดย์...ป่านของพี่” คนที่หลับใหลพลิกตัวไปอีกทาง พร้อมพึมพำเสียงเบาแล้วมุมปากค่อยยกขึ้น โดยมีน้ำสีใสไหลออกจากหางตา ความรักที่ชายหนุ่มมอบให้พี่สาวของหล่อนช่างยิ่งใหญ่จนคนที่อยู่ในตำแหน่งภรรยานึกน้อยใจ
ทั้งที่เธออยู่ตรงหน้าเขา ทำทุกอย่างเพื่ออาชาไนยมาโดยตลอด ก็ไม่อาจเอาชนะใจอีกฝ่ายได้เลย
“ฮึก” ปล่อยโฮอย่างกลั้นไม่อยู่ ใบทะเบียนสมรสที่ได้ครอบครองก็แค่กระดาษแผ่นหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่หัวใจของเขาทั้งหมด
มือบางยกขึ้นปิดหน้าแล้วร้องไห้ในงานวันเกิดของตัวเองที่ควรมีความสุข คำอวยพรที่อยากได้ยินจากปากหยัก แต่กลายเป็นว่าเขากำลังมอบมันให้กับผู้หญิงที่ไม่อยู่บนโลกใบนี้แล้ว ตนไม่อยากเป็นคนคิดเล็กคิดน้อย ทว่าไม่อาจห้ามความรู้สึกของตัวเองได้
“ถ้าคนที่แต่งงานกับพี่คือพี่ป่าน พี่คงมีความสุขใช่ไหมคะ” รู้ดีว่าตนเห็นแก่ตัวที่พยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ครอบครองอาชาไนย แม้จะทราบแก่ใจว่าชายหนุ่มไม่มีทางรักหล่อนก็ตาม ยังดื้อรั้นที่จะเอาตัวเองมาอยู่ข้างกาย
เพื่อหวังว่าสักวัน...จะได้เป็นที่รัก
“ป่าน...” ร่างบางหยัดกายลุกยืนหมายจะไปล้างหน้าล้างตา แต่แขนกลับถูกคว้าเอาไว้พร้อมเรียกอย่างโหยหา
“ไหมไม่ใช่พี่ป่าน”
ช่างน่าสมเพชเหลือเกินเพราะชื่อที่ออกมาจากปากเขา ไม่ใช่ชื่อของเธอ
หล่อนปฏิเสธทันทีพลางปัดมือหนาออกด้วยความน้อยใจ หวังจะเดินเข้าห้องน้ำกลับโดนรวบกอดจากทางด้านหลังที่ไม่รู้ว่าคนเมาเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน เขาสร่างแล้วอย่างนั้นหรือ
“พี่รักป่าน” กระซิบข้างหูเธอแล้วสารภาพด้วยเสียงสั่นเครือ ราวกับว่าตกอยู่ในมนต์สะกดแยกแยะไม่ออกว่าสิ่งใดคือความฝัน และอันไหนคือความจริง จนคนที่โดนกอดถึงกับกำมือแน่นอย่างเจ็บใจ น้ำตาไหลเป็นสายเปื้อนแก้มนวล
อ่อนแรงที่จะขัดขืนจึงยินยอมให้ชายหนุ่มได้กอดสมความคิดถึง แม้ว่าตนจะไม่ใช่คนที่เขาต้องการ สุดท้ายจึงเลือกสวมรอย
ลำแขนแกร่งโอบรัดรอบเอวบางอยู่อย่างนั้นไม่ยอมปล่อย สุดท้ายพวกเขาจึงล้มตัวลงนอนเมื่อความง่วงงุนเริ่มครอบงำ ปิดเปลือกตาไม่อยากคิดสิ่งใดอีกแล้ว ปาลิตานอนหลับทั้งที่ใบหน้ายังมีคราบน้ำตาเปรอะเปื้อน
แต่กระนั้นมือบางก็ยังวางทาบทับแขนหนาที่กอดเธอเอาไว้...ตลอดทั้งคืน
ยามเช้าที่แสงแดดไม่สามารถส่องเข้ามาในห้องสี่เหลี่ยมที่ปิดม่านทึบได้ ทว่าด้วยชีวิตประจำวันของหนุ่มวิศวกรต้องตื่นเช้า ทำให้เขารู้เวลาโดยอัตโนมัติถึงจะไม่ได้ยินเสียงนาฬิกาปลุกก็ตาม เปลือกตาค่อยเปิดอย่างเชื่องช้า มองเพดานที่ไม่คุ้นตาอยู่สักพัก
จากนั้นจึงรับรู้ถึงความหนักที่แขนของตัวเอง มั่นใจว่าไม่ใช่ผีอำอย่างแน่นอน เพราะสัมผัสได้ถึงเนื้อนวลจนต้องหันมามองคนที่นอนข้างกาย
แวบแรกที่เขาเห็นหญิงสาวนึกเผลอดีใจเพราะคิดว่าเป็นปาลิน แต่วินาทีต่อมาความจริงก็ตีแสกหน้าเมื่อจำได้ว่าหล่อนตายไปแล้ว
ฉะนั้นคนที่นอนไหล่เปลือยอยู่ข้างเขา...คือภรรยาที่ตนไม่ต้องการ!
“เฮ้ย!” สะดุ้งพลางตะโกนเสียงดังก่อนลุกนั่งบนเตียง มองรอบห้องพบว่าไม่ใช่ห้องนอนที่ตนใช้พักผ่อนอยู่เป็นประจำตั้งแต่ย้ายมาบ้านหลังนี้
จำได้ว่าเมื่อคืนนัดเพื่อนไปดื่มที่บาร์จนดึกดื่น ซัดเตกีล่าไปหลายแก้วจนไม่อาจขับรถกลับบ้านได้จึงโทรให้คนที่บ้านไปรับ เรื่องราวต่อจากนั้นค่อนข้างเลือนราง รู้เพียงแค่ตนได้เห็นปาลินอีกครั้งแล้วกอดเธอไว้แน่นกลัวหญิงสาวจะหายไปอีก
ไม่นึกเลยว่าคนที่กกกอดตลอดคืนจะเป็นปาลิตา
“พี่ช้าง” หล่อนรีบคว้าผ้าห่มเอาไว้อย่างรวดเร็ว กลัวจะเผยเนื้อหนังให้อีกฝ่ายเห็น
ใบหน้าหวานก้มมองผ้าห่มไม่กล้าสบตาร่างสูง หล่อนนอนคิดตลอดคืนจนนึกแผนการบางอย่างออก ตัดสินใจเปลื้องผ้าจนเหลือกายเปล่าที่อยู่ใต้ผ้าห่ม
“เธอมานอนข้างฉันได้ยังไง!!” ถามเสียงดังลั่นอย่างตกใจแล้วรีบลงจากเตียงทันที หยิบเสื้อเชิ้ตของตนที่ตกอยู่ข้างเตียงมาสวม
“เมื่อคืนพี่ช้างเมา ไหมเลยช่วยเปลี่ยนเสื้อผ้า” บอกด้วยเสียงสั่นเครือ
หลังจากที่เขานอนกอดเธอจนหลับ แต่กลายเป็นว่าปาลิตายังคงตกในห้วงความคิด ถึงได้ตัดสินใจลุกมาถอดเสื้อผ้าให้สามี ก่อนจัดการตัวเองแล้วค่อยสอดกายเข้าใต้ผ้าห่ม นอนหนุนแขนหนาพร้อมกอดสามีเอาไว้อย่างที่เคยวาดหวัง
แผนการจับอาชาไนยจึงเริ่มขึ้น...
“พี่ช้าง พี่ช้างจะไปไหน” เหมือนว่าฝ่ายชายจะไม่สนใจ เมื่อสวมเสื้อเรียบร้อยก็ตรงดิ่งออกจากห้อง จนร่างบางต้องรีบกำผ้าห่มไว้แน่นก่อนลงจากเตียงแล้วก้าวเท้ามาคว้าแขนแกร่งเอาไว้ กลัวว่าเขาจะหนีหายไปเสียก่อน
“ฉันจะกลับห้อง” ไม่แม้แต่จะหันมามองเธอด้วยซ้ำ
ปาลิตานึกน้อยใจที่ตัวเองไม่เป็นที่ต้องการของสามี จึงตัดสินใจโกหกคำโตแต่ก็หวั่นเกรงว่าอีกฝ่ายจะจับได้ “ไหมเป็นเมียพี่แล้ว เมื่อคืนเรา...เรานอนด้วยกัน” พูดจบจึงค่อยปล่อยแขนหนา แล้วเลือกกำผ้าห่มที่กลายเป็นชุดคลุมกายชั่วคราว
“เรื่องที่ฉันจำไม่ได้ หมายความว่ามันไม่เคยเกิดขึ้น” ตวัดสายตามามองหล่อนแล้วบอกเสียงเรียบ
เขาไม่รู้ว่าตนเองกระทำการล่วงเกินเธอหรือเปล่า เพราะจำเรื่องราวที่เกิดขึ้นในห้องนี้ไม่ได้ คลับคล้ายคลับคลาว่าตนกอดปาลิน
ซึ่งความจริงแล้วน่าจะเป็นปาลิตา...
หรือหล่อนจะพูดความจริง
“แต่ไหมจำได้!” ตะโกนเสียงดังอย่างเอาแต่ใจ สร้างความโมโหแก่คนที่ถูกมัดมือชกจนต้องคว้าแขนเรียวมากำเอาไว้แน่นจนดวงหน้าหวานเหยเกอย่างเจ็บปวด เธอเม้มปากแน่นไม่กล้าร้องอ้อนวอนให้อีกฝ่ายสมเพชเวทนา
“นั่นเพราะเธอต้องการเอาตัวเองมาเป็นเมียฉันต่างหาก!! อย่าคิดว่าฉันรู้ไม่ทันเธอนะปอไหม...” กัดฟันข่มความโกรธที่เสียรู้หล่อน เลือกจะย้ำความจริงเพื่อให้หญิงสาวได้ตระหนักว่าถึงจะอยู่ในตำแหน่งภรรยาของเขา
“ถึงเธอจะหน้าเหมือนป่านมากแค่ไหน แต่คนที่ฉันรัก...มีป่านคนเดียวเท่านั้น”
แต่ใจของเขาจะมีเพียงพี่สาวฝาแฝดของเธอผู้เดียว…