บท
ตั้งค่า

๓ ไม่มีใครแทนที่ใคร (๑)

ไม่มีใครแทนที่ใคร

แมกไม้ร่มรื่นถูกปลูกอย่างเป็นระเบียบอยู่รอบบ้านทรงไทยประยุกต์ซึ่งมีการออกแบบเอาศิลปะไทยทางภาคเหนือมาผสมผสานรวมกัน เนื่องจากเจ้าของบ้านมีถิ่นฐานบ้านเกิดเป็นคนเหนือ จึงอยากทำให้บ้านในเมืองหลวงมีความรู้สึกคล้ายอยู่ล้านนา

ยามค่ำคืนไฟถูกเปิดจนสว่างเพื่อให้มองเห็นบรรยากาศข้างนอกได้ชัดเจน โดยเฉพาะวันนี้ที่มีงานฉลองวันคล้ายวันเกิดของลูกสาวที่เหลือเพียงคนเดียว เพราะอีกคนได้จากไปก่อนวัยอันควรด้วยโรคหัวใจที่เป็นมาแต่กำเนิด

สร้างความเศร้าโศกเสียใจให้คนในบ้านหลายเดือนกว่าจะทำใจได้ คิดว่างานมงคลอาจช่วยให้อารมณ์หม่นหมองหายไปได้บ้าง จึงจัดพิธีมงคลสมรสให้ลูกสาวคนเล็กที่มีใบหน้าเหมือนกับพี่สาว อีกทั้งยังต้องแต่งงานกับแฟนเก่าของพี่

ราวกับว่าหล่อนคือตัวแทนของปาลิน...

“กินเยอะๆ นะทิว แม่ทำไว้เยอะคิดว่าจะมากันหลายคนซะอีก” ถาดอาหารถูกยกออกมาจากห้องครัวไม่ขาดสาย วางเต็มโต๊ะยาวจนไม่อยากเชื่อว่าทั้งบ้านจะมีเพียงแค่สี่คนรวมทั้งเขา ชายหนุ่มรู้สึกถึงภาระอันหนักอึ้งเมื่อมองกับข้าวตรงหน้า

โชคดีที่ตนหิ้วท้องรอทั้งวันเพื่อมากินข้าวเย็นที่นี่โดยเฉพาะ จึงไม่ได้รู้สึกว่ามันหนักหนาอะไร พร้อมเป็นตัวแทนจัดการอาหารตรงหน้า จึงพยักหน้าแล้วยิ้มรับพร้อมอธิบายว่าเหตุใดตนจึงต้องมาฉลองงานวันเกิดของปาลิตาคนเดียว

คุณปภาดา ยุติวิชญ์ภริยาคนสวยของคุณธนเดช ยุติวิชญ์ ผู้เป็นหนึ่งในคณะรัฐมนตรีที่นั่งกระทรวงใหญ่ มีอำนาจในมือที่จะสามารถช่วยเกื้อหนุนในเรื่องธุรกิจของครอบครัววัฒนารุ่งเรือง จึงเกิดการแต่งงานครั้งนี้ขึ้น

ทว่าตั้งแต่บุตรสาวออกเรือนไปได้กว่าหนึ่งเดือน ยังไม่เห็นลูกเขยมาบ้านหลังนี้เลยสักครั้ง พวกท่านจึงนึกเป็นห่วงชีวิตคู่ของทั้งสองคน

วันงานที่ควรมีแต่รอยยิ้ม ใบหน้าของเจ้าบ่าวกลับอมทุกข์ตลอดเวลา คล้ายหุ่นยนต์เดินได้ที่มีเพียงร่างกายแต่ไร้ซึ่งจิตวิญญาณ

“เพื่อนคนอื่นติดงานครับ ผมเลยต้องมาเป็นตัวแทนอวยพรให้เจ้าหญิงของกลุ่มมีความสุขมากๆ” เพื่อนที่สนิทตั้งแต่มัธยมศึกษากระทั่งจบระดับอุดมศึกษามีไม่กี่คน ซึ่งบุคคลเหล่านั้นติดงานและไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ จึงไม่ค่อยได้เจอหน้าเท่าไหร่

มีเพียงปวัตรคนเดียวที่ไปมาหาสู่เสมอไม่เคยขาด บางครั้งที่ว่างก็ชอบทักมาคุยเล่นกับหล่อนเป็นประจำเพื่อไม่ให้เหงา

เขาคือเพื่อนที่ดีที่สุดของเธอ...

“แล้วสามีเราไม่มาด้วยเหรอ” ประมุขของบ้านเป็นฝ่ายถาม แล้วจดจ้องดวงหน้าหวานเหมือนกำลังจะจับผิด แต่มีหรือที่ปาลิตาจะแสดงพิรุธให้ท่านเห็น หล่อนกลัวว่าถ้าบอกถึงปัญหาออกไป จะถูกบังคับให้หย่าทั้งที่แต่งงานไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ด้วยซ้ำ

ถึงจะเจ็บปวดเพียงไรกับการถูกเมินเฉย แต่ก็ยังดีที่ได้อยู่ข้างกายเขา ไม่แน่ว่าวันหนึ่งตนอาจเป็นคนถูกรักก็ได้

แม้มันอาจจะช้าหน่อยกว่าวันนั้นจะมาถึง เธอก็ยินดีรอให้อาชาไนยหันกลับมามองตัวเองบ้าง

เพราะสำหรับเธอแล้ว...หลงรักเขาตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้สบตา

“พี่ช้างติดงานค่ะ แต่ให้ของขวัญมาแล้ว...บอกว่าจะจัดงานวันเกิดให้ไหมที่บ้านวันพรุ่งนี้” ยิ้มกว้างขณะแต่งเรื่องอย่างแนบเนียน เล่นเอาชายที่นั่งข้างกายถึงกับผินมามองเสี้ยวหน้าหวาน รู้ดีว่าหญิงสาวกำลังโกหกแต่ก็เลือกจะเงียบ

นึกสะท้อนใจว่าเธอรักพี่ชายของเขามากขนาดนั้นเลยหรือ ถึงได้ทำทุกอย่างเพื่อให้ได้อยู่ข้างกายอาชาไนย แม้จะเป็นการปรุงแต่งความสุขด้วยตัวเองก็ตาม

“ชีวิตคู่มีความสุขใช่ไหม” ถามย้ำกับบุตรสาวอีกรอบ

“มีความสุขมากค่ะ พ่อแม่ไม่ต้องเป็นห่วงไหมนะ พี่ช้างเขาดีกับไหมมากจริงๆ เอาไว้ว่างเมื่อไหร่จะพาพี่ช้างมาหาพ่อกับแม่นะคะ” ร่างบางเลือกจะตักอาหารมารับประทาน พลางยิ้มกว้างแล้วเคี้ยวข้าวอย่างมีความสุข เธอกำลังอยู่ในห้วงฝันแสนหวานว่าได้รับความรักจากสามี

ทั้งที่ความจริงห่างไกลจากคำว่ารักมากนัก

เขาเว้นระยะห่างเอาไว้ชัดเจนว่าเราเป็นเพียงแค่สามีภรรยาทางนิตินัย และจะไม่มีวันเป็นมากกว่านั้น

“ได้ยินแบบนั้นแม่ค่อยสบายใจหน่อย” จากตอนแรกที่นึกกังวลว่าลูกเขยจะลืมลูกสาวคนโตของตนไม่ได้ พอมาตอนนี้จึงค่อนข้างเบาใจเพราะได้รับคำยืนยันจากปาลิตา

หวังเพียงว่าอีกฝ่ายจะดีกับลูกสาวคนเล็กของตน หากว่าชายหนุ่มทำให้บุตรสาวคนนี้เสียใจ ก็พร้อมจะทวงคนแก้วตาดวงใจกลับสู่อ้อมกอดทันที

“พี่ชายผมไม่กล้าทำร้ายจิตใจไหมหรอกครับ มีผมซะอย่างใครจะกล้าทำอะไรไหมได้ล่ะ ฉันจะปกป้องเธอเอง” เหมือนรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังจะสื่อความนัยบางอย่าง หล่อนจึงได้ตักอาหารแล้ววางบนจานของเพื่อนสนิท

“พูดมาก กินเข้าไปเลย” แล้วพวกเขาก็เปลี่ยนเรื่อง โดยมีปวัตรคอยเล่าเรื่องตลกเป็นเหมือนสีสันของโต๊ะอาหาร ถึงเวลาจึงปิดไฟเป่าเทียนที่ปักมาบนเค้กช็อคโกแลตของโปรดปาลิตา ซึ่งมีมารดาเป็นคนทำเค้กเองทุกขั้นตอน ถูกปากหญิงสาวเป็นอย่างยิ่ง

นั่งกินเค้กไปพลางแล้วดูภาพยนตร์ยามเย็นด้วยกัน กิจวัตรประจำวันยามอยู่พร้อมหน้าครอบครัว เสียดายที่ปาลินจากโลกใบนี้ไปแล้ว ไม่อย่างนั้นคนสร้างเสียหัวเราะคงเป็นพี่สาวของหล่อน

ไม่แปลกใจที่อาชาไนยจะชอบแฝดคนพี่เพราะนิสัยห้าวหาญ ทั้งยังสดใสร่าเริงเป็นมิตร เข้ากับคนอื่นง่ายและยังเฉลียวฉลาดอีกด้วย ได้รับการเรียกตัวเข้าทำงานตั้งแต่ยังเรียนมหาวิทยาลัยไม่จบด้วยซ้ำ ต่างจากเธอที่ค่อนข้างเอื่อยเฉื่อย จึงไม่ค่อยเป็นที่รักของใครเท่าพี่สาว

แต่ไม่ได้ทำให้ปาลิตารู้สึกน้อยใจหรืออิจฉาปาลิน สองพี่น้องยังคงรักกันแน่นแฟ้นเหมือนเดิม จนกระทั่งมีอาชาไนยเข้ามา

เป็นครั้งแรกที่นึกอยากอิจฉาฝาแฝดคนพี่...

ตลอดระยะเวลาสองปีที่สองคนคบกัน หล่อนจึงพยายามเลี่ยงไม่พบหน้าเขา อยู่ห่างจากชายหนุ่มให้มากที่สุด กลัวว่าจิตใจด้านมืดของตนจะเผยออกมา แล้วมองฝาแฝดที่เติบโตมาด้วยกันเปลี่ยนไป

ทั้งที่ความจริงเธอยังรักและเคารพปาลินอยู่เสมอ

“วันนี้อิ่มมากแน่นท้องไปหมด ผมว่าน้ำหนักต้องขึ้นมาสองสามโลแน่เลย...ขอบคุณคุณลุงคุณป้ามากนะครับสำหรับอาหารวันนี้” งานเลี้ยงฉลองเลิกราในเวลาต่อมา เจ้าของบ้านเดินมาส่งแขกที่หน้ามุข พร้อมบุตรสาวที่สะพายกระเป๋าใบเล็กเตรียมกลับเรือนหอ

ปวัตรยกมือขึ้นลูบท้องของตัวเอง เขากินไปเยอะพอสมควรจนรู้สึกจุกแทบเดินไม่ไหว แต่กระนั้นก็ยังยิ้มกว้างมีความสุขที่ได้มาอวยพรให้ปาลิตามีความสุขอีกปี

ขอเพียงได้เห็นรอยยิ้มหล่อน แม้จะไม่ได้ครอบครองก็ไม่เป็นไร

“คราวหน้าแวะมากินข้าวที่บ้านอีกนะ มีทิวอยู่ด้วยแล้วบ้านครึกครื้นดี” คุณผู้หญิงของบ้านบอกอย่างใจดี ท่านเอ็นดูเพื่อนสนิทของบุตรสาวคนนี้เป็นพิเศษ อยากได้มาเป็นลูกเขยด้วยซ้ำ แต่ถือคติปลูกเรือนต้องตามใจผู้อยู่ จึงไม่อาจทำตามใจตัวเองได้

“รับทราบครับ ผมจะแวะมาบ่อยๆ นะครับ บางครั้งอาจจะหนีบลูกสาวคุณป้ามาด้วย” ใบหน้าสวยหันขวับมาหาเขาทันที พร้อมตีที่ไหล่หนาแล้วทำปากคว่ำอย่างแง่งอน

“หนีบอะไรล่ะ เห็นเราเป็นขยะเปียกหรือไง”

“อ้าว แล้วไม่ใช่เหรอ” ทำตาโตแล้วกลั้นยิ้มแต่ก็อดขำสีหน้าของหญิงสาวไม่ได้ จนเธอต้องตะโกนใส่อีกฝ่ายเสียงดังเพื่อปฏิเสธ

“ไม่ใช่!”

“ไหมกลับก่อนนะคะ แล้วจะมาหาบ่อยๆ” ค้อนวงโตให้ร่างสูง จากนั้นจึงยกมือไหว้บุพการีแล้วรีบปรี่เข้าไปกอดมารดาทันทีเมื่อท่านอ้าแขนเพื่อต้องการบอกเป็นนัยว่าอยากกอดลา หล่อนกระชับอ้อมกอดแสนอบอุ่นแน่นขึ้น สูดกลิ่นหอมแสนคุ้นเคยเหมือนได้รับพลังเต็มเปี่ยม

ต่อจากนี้เธอต้องสู้เพื่อให้ได้ความรัก จากชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสามี ถึงหนทางมันจะยากแค่ไหนก็ตาม

“รักลูกนะ” กระซิบข้างหูลูกสาวตัวน้อยที่ไม่ว่าจะโตมากแค่ไหน ก็ยังเป็นเด็กหญิงแสนน่ารักในสายตามารดาเหมือนเดิม

ล่ำลากันเรียบร้อยจึงเดินไปยังรถยนต์ของปวัตรที่จอดอยู่โรงรถบ้านหล่อน กลับมาบ้านด้วยแท็กซี่เพราะหวังจะให้คนรถที่บ้านไปส่งยังเรือนหอ แต่คราวนี้เพื่อนสนิทกลับเอ่ยอาสา อยากยืดเวลาอยู่กับเธอให้นานกว่านี้หน่อย

เขารู้ว่าไม่ถูกต้องที่คิดไม่ซื่อกับพี่สะใภ้ แต่ทำอย่างไรได้ล่ะในเมื่อตนแอบรักเพื่อนคนนี้มาแสนนาน การจะตัดใจในชั่วข้ามคืนทำได้ซะที่ไหน

“เดี๋ยวฉันไปส่งที่บ้าน”

“อือ” พยักหน้าโดยไม่ได้คิดอะไร

มีเพียงปวัตรที่แอบอมยิ้มมุมปากมีความสุข เขาแฝงกายเงียบอยู่ข้างหล่อนในสถานะเพื่อน และมันคงเป็นอย่างนั้นตลอดไป เพราะตำแหน่งสะใภ้ใหญ่ของตระกูลวัฒนารุ่งเรือง ทำให้พวกเขาไม่อาจพัฒนาเป็นมากกว่านั้น

หากตนกล้ามากกว่า เพียงแค่เอ่ยออกไปว่าแอบรักมาตลอด

บางทีตอนนี้อาจจะสมหวัง...

หรือไม่เราคงมองหน้ากันไม่ติด

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel