๒ เป็นเพียงอากาศ (๑)
๒
เป็นเพียงอากาศ
แต่งงานมาได้หนึ่งเดือนแทบไม่มีอะไรต่างจากวันแรกที่เข้ามาอาศัยบ้านหลังนี้เลย หล่อนยังคงตื่นเช้าเพื่อทำอาหารให้สามีแต่โดนเขาเมิน กลางวันก็ทำงานในส่วนของตนเพื่อส่งเข้าระบบออนไลน์ ตอนเย็นเข้าครัวทำอาหารไว้คอยท่าเขาแต่ก็โดนเมิน
กิจวัตรประจำวันไม่ต่างจากนี้เท่าไหร่ หัวใจก็อ่อนล้าจากการถูกเมินทุกวัน แต่ยังคิดว่าความพยายามไม่เคยทำร้ายใคร น้ำหยดลงหินทุกวันต้องกร่อนบ้างล่ะ เธอจะทำดีกับเขาเผื่อร่างสูงอาจหันมามองตนบ้าง
มันคงใช้เวลาสักหน่อย แต่หากได้หัวใจของอาชาไนยมาครอบครองก็คุ้มค่าไม่ใช่หรือ คิดอย่างหมายมาดแล้วค่อยทำอาหารเช้าแบบอเมริกันไปวางบนโต๊ะ พร้อมกาแฟร้อนที่ยังมีควันลอยขึ้นมาจากปากแก้ว
“พี่ช้าง..” โต๊ะอาหารเตรียมพร้อมแล้วเหลือเพียงแต่คุณผู้ชายของบ้าน หางตาเหลือบไปเห็นเขาพอดีจึงรีบเรียก แต่ร่างสูงกลับเลือกจะเดินหนีไม่โต้ตอบสิ่งใด มือถือกระเป๋าเอกสารเอาไว้เพื่อประชุมช่วงบ่าย วันนี้ไม่ต้องออกไซต์ก่อสร้างเขาจึงแต่งตัวดูดี
ใส่สูทผูกเนกไทแสนหล่อเหลากับเซ็ทผมเป็นทรงด้วยใบหน้าแสนเย็นชา ช่างแตกต่างจากหนุ่มขี้เล่นคนนั้นที่เธอเคยเจอในอดีต
ร่างบางรีบเดินแกมวิ่งมาดักหน้าเขา มือนิ่มถือถุงผ้าเอาไว้พลางกระชับแน่นยามมองดวงตาที่จ้องเหมือนรำคาญ “ไม่ทานอาหารเช้าก่อนออกจากบ้านเหรอคะ” พออยู่ด้วยกันนานเข้าก็เริ่มหาวิธีรับมือกับเขาบ้างแล้ว
“ไม่” ปฏิเสธไร้เยื่อใย แต่ปอไหมก็แกร่งพอจะฉีกยิ้มให้เขา แล้วยัดถุงผ้าใส่มือหนาโดยลึกในใจก็กลัวว่าเขาจะทิ้งลงพื้น
แต่ทำอย่างไรได้ล่ะ อยากให้ชายหนุ่มได้กินข้าวเช้าก่อนไปทำงานนี่นา แต่เขาเลือกเมินเพราะเธอเป็นคนทำ “งั้นเอาไปกินบนรถก็ได้ค่ะ ปอเตรียมไว้ให้พี่ช้างแล้ว” คราวนี้อาชาไนยหนีไม่พ้นจำต้องรับถุงผ้านั้นมาถือไว้
มองแผ่นหลังบางที่วิ่งเข้าไปในตัวบ้านเหมือนไม่ต้องการให้เขาส่งคืน ร่างสูงถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย แล้วค่อยมองซีดานสีเข้มที่ถูกขับมาจอดไว้หน้าบ้าน เตรียมสำหรับคุณผู้ชายพร้อมออกไปทำงาน
สุดท้ายก็จำต้องถือถุงผ้าของภรรยาไปด้วย วางมันไว้เบาะข้างคนขับแล้วเคลื่อนตัวออกจากบ้าน โดยมีร่างบางแอบโผล่หน้ามาจากประตู อมยิ้มมีความสุขที่ถุงผ้าไม่ถูกทิ้งหรือยกให้อื่นเหมือนคราวก่อน เขาคงเอามันไปกินอยู่ที่ทำงาน
หน้าที่ภรรยาของเธอสำเร็จไปหนึ่งขั้นแล้ว!
ช่วงสายหล่อนหยิบอุปกรณ์การทำงานอย่างไอแพดออกมาทำอยู่ศาลากลางสวนดอกไม้ ชื่นชมธรรมชาติที่สวยงามพร้อมจิบชาแสนอร่อย หยิบมาการองเจ้าดังมากัดแล้ววางลงที่เดิม วาดภาพลงในกระดานสี่เหลี่ยมเพื่อรออัพโหลดให้ผู้คนเข้ามาอ่าน
หล่อนเป็นนักวาดติดอันดับท็อปสามของแอพลิเคชั่น ผลงานถูกซื้อแล้วนำไปแปลกว่าห้าภาษา สร้างความภาคภูมิใจให้หญิงสาวเป็นอย่างมาก
เนื้อเรื่องที่แต่งเป็นแนวรักโรแมนติก ความหวานละมุนที่ตนไม่เคยได้รับจากสามี เป็นเพียงจินตนาการว่าสักวันเขาอาจหันมามองบ้าง ใส่มันเข้าไปในเนื้อเรื่องชวนฝันที่มีความคิดเห็นชื่นชมมากมาย โดยไม่มีใครทราบว่าความจริงหล่อนเป็นแค่ภรรยาที่สามีไม่ต้องการ
“ปอไหม!” ร่างบางสะดุ้งเมื่อมีเสียงดังตะโกนข้างหู เธอหันขวับไปมองผู้มาใหม่แล้วก็พบรอยยิ้มกวนจากแขกที่คุ้นเคยกันเป็นอย่างดี
ปวัตร วัฒนารุ่งเรืองเป็นเพื่อนของเธอที่รู้จักกันตั้งแต่มัธยมศึกษาตอนต้น จนเรียนจบมหาวิทยาลัยถึงจะอยู่คนละคณะ แต่เพราะสนิทสนมจึงมักเห็นหนุ่มหล่อคณะนิเทศศาสตร์มานั่งกินข้าวที่คณะอักษรศาสตร์เสมอ กลายเป็นความชินตาไปเสียแล้ว
หลายคนต่างคาดเดาความสัมพันธ์ของพวกเรา เธอจึงต้องยืนกรานว่าเป็นเพียงแค่เพื่อนเท่านั้น ไม่มีการพัฒนาความสัมพันธ์
คนที่คิดไม่ซื่อจึงไม่อาจบอกความในใจออกไปได้ เมื่อเธอไม่ยอมแม้แต่จะรับฟัง
“ตกใจหมดเลย มาได้ยังไงเนี่ย” เขาเดินมานั่งฝั่งตรงข้าม แล้วมองขนมที่วางบนจานกับชาที่พร่องไปกว่าครึ่งแก้ว หล่อนวางปากกาด้ามสีขาวเอาไว้เพื่อให้ความสนใจกับแขกคนสนิท
ดวงตาเรียวราวกับเหยี่ยวจ้องดวงหน้ามนไม่ละสายตา ถึงใครจะบอกว่าปาลิตาหน้าคล้ายกับปาลินมากแค่ไหน แต่สำหรับคนที่แอบรักมาตลอด กลับเห็นถึงความแตกต่างอย่างชัดเจน อาจเพราะหัวใจของเขามอบให้เธอ สายตาคู่นี้มองแค่เธอจึงจดจำรายละเอียดของใบหน้าได้หมด
“เดินมาจากหน้าบ้าน” ตอบพาซื่อแต่โดนค้อนวงโต
ถอนหายใจหนักเมื่อเจอกวนประสาท “รู้! หมายถึงมาตอนไหน มาทำไม มีธุระอะไรหรือเปล่า ทำไมต้องให้ถามยาวด้วยนะ” หยิบขนมมากัดเพื่อให้น้ำตาลเข้าสู่ร่างกายบ้าง แก้มนวลแดงเล็กน้อยจากการตะโกนเมื่อครู่
ผิวขาวนวลไวต่อความรู้สึก ยามเขินอายก็แก้มแดงง่าย แววตายังไม่ปิดบังความรู้สึกอีกต่างหาก โดยเฉพาะความรักที่มีต่ออาชาไนย
“แม่ทำคุกกี้เลยฝากเอามาให้เธอน่ะ ฉันเอาไปไว้ในบ้านให้แล้ว เอามาให้ตั้งสองกระปุกเลยนะ กินจนตัวแตกแน่” มันเป็นเพียงข้ออ้างที่เขาใช้เพื่อจะได้มาเจอเธอ อ้อนมารดาให้ทำคุกกี้ พอเห็นว่ามันเหลือเยอะจึงนำใส่กระปุกนำมาให้เพื่อนสนิท
ถึงเธอจะขึ้นชื่อว่าเป็นพี่สะใภ้ แต่หัวใจมันไม่อาจหยุดรักได้แอบมองมาหลายปี แล้วพี่ชายที่ใช้นามสกุลเดียวกันแต่ต่างบิดามารดาก็ไม่ได้รักปาลิตา
มันคงไม่ผิดหากเขาจะไปมาหาสู่กับหญิงสาว
“แช่งกันเหรอ ใครจะกินจนตัวแตก...แล้วนี่ไม่ไปทำงานหรือไง ว่างเหรอถึงมาหาได้”
“มีคุยกับลูกค้าช่วงบ่าย ตอนนี้ก็ว่างพอจะนั่งคุยเป็นเพื่อนเธอได้” เขาทำงานที่บริษัทออแกไนเซอร์ แต่ละวันก็หัวหมุนในการคุยกับลูกค้า ต้องคิดงานไหนจะประชุมแทบไม่มีเวลาว่างเว้น พอได้พักสักชั่วโมงจึงเลือกมาหาเจ้าของหัวใจ
แล้วมันก็คุ้มที่ได้มองเธอ หัวใจแห้งผากกลับมาชุ่มชื่นอีกครั้ง ราวกับเดินกลางทะเลทรายหลายชั่วโมง กระหายน้ำพลันเจอโอเอซิสจึงได้ดื่มด่ำกับความสดชื่น
เธอคือโอเอซิสของเขา...
คุยกันไปได้สักพัก เธอก็เม้มปากเล็กน้อยเพื่อคิดว่าตนควรจะถามดีไหม “นายพอจะรู้หรือเปล่าว่าพี่ช้างชอบกินอะไร” สุดท้ายก็ถามออกไปจนได้ เธอไม่อาจปิดบังความรู้สึกที่มีต่ออาชาไนยว่ารักมากแค่ไหน ถึงคนอื่นจะมองว่าชอบผู้ชายคนเดียวกับพี่สาว
แต่เธอก็ไม่สนใจเมื่อความรู้สึกมันห้ามกันไม่ได้ ถึงจะรู้สึกผิดกับปาลินมากแค่ไหนแต่หล่อนยังเลือกเดินหน้าเพื่อหาความสุขให้ตัวเอง
ยามมองแววตาหวานเต็มไปด้วยประกายแห่งความรัก มันสร้างความเจ็บช้ำให้แก่คนแอบรักเป็นอย่างมาก “ไม่รู้สิ ไม่ค่อยสนิทกับเขาเท่าไหร่” จึงเลือกตอบปัดไม่ยอมบอกเมนูโปรดของพี่ชาย
แต่ที่จริงเขาก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายชอบกินอะไร ถึงจะเคยอยู่ในเขตรั้วเดียวกันแต่ก็มีบ้านคนละหลัง ปวัตรไม่ค่อยไปหามาสู่กับพี่ชายเท่าไหร่
“อ่า...เราอยากรู้ว่าพี่ช้างชอบกินอะไร เผื่อจะได้ทำให้เขากินบ้างน่ะ” แทบไม่รู้ข้อมูลของอีกฝ่ายเลย เธอจึงต้องเลือกทำอาหารหลากหลาย แต่สามีก็ไม่แตะสักอย่างจนใจห่อเหี่ยว
ดวงหน้ามนหมองลงจนเขาไม่อยากให้เป็นเช่นนั้น เธอเหมาะกับรอยยิ้มมากกว่า “ลองทำให้ฉันกินดูก่อนสิ ฉันอาจจะรู้ก็ได้ว่าพี่ช้างชอบหรือไม่ชอบอาหารที่เธอทำ” หยอกล้อเป็นเรื่องปกติ โดยที่เธอไม่รู้ว่าเขาคิดจริง
“ไม่ลองหรอก เราทำอาหารอร่อยอยู่แล้วทำไมต้องลองด้วย อีกอย่างมีพี่แม่บ้านช่วยชิม ไม่ต้องรบกวนคุณปวัตรหรอกนะคะ” รอยยิ้มจางแต้มมุมปาก ทำให้เขาพอเบาใจได้บ้างว่าดึงเธอออกมาจากความเศร้าได้แล้ว
“ครับ ฉันก็ลืมไปว่าเธอทำอาหารอร่อย คงไม่ต้องให้ฉันช่วยชี้แนะหรอก...แล้วนี่กำลังทำอะไรเหรอ” เปลี่ยนเรื่องทันทีแล้วก้มมองหน้าจอสี่เหลี่ยมที่เป็นจอสีขาวโพลนยังไม่มีสิ่งใดแต่งแต้มลงไป
“วาดการ์ตูนเนี่ยแหละ ต้องลงตอนใหม่แล้วด้วย” หล่อนขึ้นหน้าใหม่จึงยังไม่ได้ลงลายเส้น พอดีกับที่ปวัตรเข้ามาถึงได้หันมาพูดคุยก่อน เพื่อนว่างทั้งทีใช่ว่าจะมาหาบ่อย
ความเงียบโอบล้อมครู่หนึ่งเมื่อเขาตัดสินใจว่าควรถามหรือไม่ ชายหนุ่มรู้ดีว่าพี่ชายไม่ได้มีใจเสน่หาต่อปาลิตา การแต่งงานเพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจของครอบครัวเท่านั้น และหญิงสาวเองก็ทราบ แต่เลือกจะจดทะเบียนสมรสเพราะความรัก
หัวใจที่สวนทางกัน...มันจะเป็นอย่างไร
“เธอมีความสุขดีใช่ไหม” ไม่มีแววล้อเล่นในน้ำเสียง สีหน้าจริงจังของเขาทำให้คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเล็กน้อย
“ทำไมถามแบบนั้นล่ะ”
“ฉันกลัวว่าเธอแต่งงานกับพี่ช้างจะไม่มีความสุข” อาชาไนยเย็นชาต่อเธอ วันแต่งงานก็แทบไม่ยิ้มออกมาเลยจนแขกเหรื่อต่างลงความเห็นว่าฝ่ายชายโดนบังคับ ไม่มีการแก้ข่าวและปาลิตาก็ถูกมองไม่ดีไปแล้ว
ว่าใช้อำนาจของบิดาเพื่อให้ผู้ชายแต่งงานด้วย ทั้งที่เขาไม่ได้รัก
ถ้าความสุขคือการได้อยู่ใกล้เขา “สบายใจได้ เรามีความสุขดี” เธอก็คงรู้สึกดั่งที่เอ่ยกับคนตรงข้าม แต่หากความสุขคือการยิ้มให้แก่กัน เธอก็คงโกหกปวัตรแล้วล่ะ เพราะในแต่ละวันแทบไม่ได้เจอหน้าคนเป็นสามีเลย
เขาออกจากบ้านอย่างรวดเร็ว กลับดึกจนเธอหลับไปแล้ว แยกห้องนอนไม่ให้ก้าวเข้าไปในพื้นที่ส่วนตัว
อยู่ใกล้แค่เอื้อม แต่เหมือนห่างไกลคนละโลก
“ถ้าอย่างนั้น...ฉันก็เบาใจแล้วล่ะ” ยิ้มเล็กน้อยตามน้ำไปกับประโยคที่เธอบอก โดยที่เขาไม่เชื่อสักนิดว่าเธอกำลังมีความสุข เมื่อแววตากลมหม่นหมองจนนึกโกรธพี่ชาย ถ้าเปลี่ยนจากอาชาไนยเป็นเขา จะไม่มีทางทำให้ปาลิตาเสียใจแน่นอน
สัปดาห์ต่อมาถึงวันเกิดของปาลิตา หล่อนได้รับคำอวยพรจากเพื่อนหลายคนทางโซเชียลมีเดีย ช่วงเช้าบุพการีไม่ว่างทั้งคู่จึงทำเพียงโทรมาอวยพร แล้วให้ของขวัญเป็นเงินติดบัญชี พร้อมเอ่ยชวนบุตรสาวให้ไปกินข้าวเย็นที่บ้าน
แม้จะเป็นวันคล้ายวันเกิดแต่เธอไม่หวังจะได้ของขวัญอยู่แล้ว สิ่งที่อยากได้น่าจะเป็นความรักจากอาชาไนยมากกว่า ซึ่งมันดูจะเป็นไปได้ยาก อาจเป็นแค่ฝันกลางวัน
“อาหารเสร็จแล้วค่ะ คุณไหมจะให้ยกขึ้นรถเลยไหมคะ” ร่างบางเดินลงมาจากบันได พอดีกับแม่บ้านที่เข้ามาถามเมื่ออาหารที่เตรียมตั้งแต่ฟ้าไม่ทันสางเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ปาลิตาใส่บาตรที่หน้าบ้านทุกวันอยู่แล้ว พอถึงวันเกิดจึงอยากทำให้พิเศษหน่อยด้วยการไปวัดเลี้ยงเพลพระ หล่อนทำแบบนี้มาหลายปีแล้วจึงพอจะรู้พิธีการบ้าง
“ค่ะ ระวังหน่อยนะคะเดี๋ยวน้ำแกงจะหก อาหารน่าจะพอใช่ไหมคะ ไหมกลัวว่ามันจะไม่พอ” วัดที่เลือกจะไปอยู่ใกล้บ้าน เธอไม่รู้ว่าพระที่วัดแห่งนี้มีกี่รูป เมื่อวานก็ลืมให้คนไปถามจึงต้องทำอาหารเผื่อเยอะหน่อย
อย่างไรเหลือก็ดีกว่าขาด...หากเหลือเยอะจะแจกคนที่ไปวัดก็ได้
แม่บ้านได้ยินอย่างนั้นก็ยิ้มกว้างเอ็นดูคุณผู้หญิงของบ้าน “ทำซะห้าหม้อใหญ่ กลัวว่าพระท่านจะฉันไม่หมดน่ะสิคะ คงได้แบ่งให้ญาติโยมที่ไปวัดเอากลับไปกินที่บ้านด้วย” เอ่ยแนะนำซึ่งตรงกับความคิดของปาลิตาพอดี
“เตรียมถุงไว้สำหรับตักอาหารหรือยังคะ เผื่อจะได้ตักแจกคนแถววัดด้วยถ้ากับข้าวไม่หมด”
“เตรียมเรียบร้อยค่ะ” ทุกอย่างถูกจัดเตรียมไว้หมดเธอจึงพอเบาใจ
ร่างบางอยู่ในชุดเดรสสีขาว ผมมัดรวบเป็นมวยกลางศีรษะ แต่งหน้าอ่อนกับริมฝีปากสีชมพู เคลือบสีวาวตามความนิยมของสาวสมัยนี้ ความสวยส่องประกายจนแม่บ้านยังต้องมองด้วยความชื่นชม