บท
ตั้งค่า

บทที่ 8

ฝูงปศุสัตว์เบียดเสียดเยียดยัด เมื่อถูกต้อนมารวมตัวกันไว้ ส่งเสียงคํารามอึงอลภายหลังจากที่หยุดวิ่งลง แบนน่อนชักม้าเข้าไปหาแฮงค์ กิบบ์ส โคบาลรูปร่างผอมเกร็ง หน้าตากร้านเกรียมด้วยแดดลม

“หลุดเข้าไปในดงไม้สักเท่าไหร่นี่แฮงค์” แบนน่อนนั่งตัวตรงอยู่บนหลังม้า ผ่อนสายบังเหียนลง แสงแดดในยามบ่ายสองต้องใบหน้าที่ส่วนบนถูกบังไว้ด้วยปีกหมวกที่เก่าแก่จนสีจาง

แฮงค์ซึ่งอมยาเส้นไว้ในกระพุ้งแก้มจนโป่งนูนออกมา ถ่มน้ำสีเหลืองออกมาก่อนจะตอบว่า

“เท่าที่ดูด้วยสายตาก็สิบกว่าตัวนั่นแหละ”

แบนน่อนพยักหน้ารับ เพราะเขาก็เดาไว้แล้วว่าจะต้องประมาณนั้น

“เอาไว้พรุ่งนี้เราค่อยมาต้อนมันกลับก็แล้วกัน จําจุดไว้ให้ดีนะแฮงค์ ตอนนี้ต้อนไอ้พวกนี้เข้าคอกก่อนดีกว่า”

เมื่อแฮงค์ชักม้าไปตั้งหลักอยู่ระหว่างฝูงปศุสัตว์กับประตูแล้ว แบนน่อนก็ทํามือเป็นสัญญาณกับโคบาลคนอื่น ๆ ครู่ต่อมา วัวพันธุ์ผสมเหล่านั้น ก็เริ่มถูกไล่ต้อนให้เข้าแถว

คราวนี้พวกมันไม่มีโอกาสที่จะหลบหนีจากประตูรั้วไปได้อีก ทั้งนี้เพราะแฮงค์ใช้วิธีเอาบ่วงบาศกล้องเจ้าตัวจ่าฝูงและออกแรงลากมันเข้าไป ซึ่งทําให้พวกที่เหลือเดินตามเข้าไปราวลูกแกะเชื่อง แบนน่อนคอยกํากับอยู่ท้ายฝูง และเป็นผู้ปิดประตูเมื่อเจ้าตัวสุดท้ายผ่านเข้าไปแล้ว

ลอร่า ลูกสาวของเขา รออยู่บนหลังม้าด่างดําขาว เจ้าหล่อนอยู่ในกางเกงยีนส์กับเสื้อผ้าฝ้ายสีซีดจางอันเป็นชุดทํางาน ปลายเท้าหุ้มห่ออยู่ด้วยรองเท้าบู๊ทครึ่งแข้ง พวงผมสีเข้มถักเป็นเปียเดียวห้อยอยู่กลางหลัง ซาวน์ อะเบ๊าท์ที่มีเครื่องเล่นเทปพกอยู่ในกระเป๋ากางเกงห้อยอยู่ตรงคอ

“ยังงี้ใช่ไหมพ่อที่เขาเรียกวัวแตกฝูง” ดวงตาคู่สีเทายังฉายแววตื่นเต้น

“ใช่แล้ว” เขาตอบพร้อมกับยิ้มให้ หลังจากนั้นสองพ่อลูกก็ขี่ม้าตามหลังปศุสัตว์ไป

“มันน่าตื่นเต้นแล้วก็น่าดูจริง ๆ เลยนะพ่อ” ลอร่าเอ่ยขึ้นอีก กัดริมฝีปากใช้ความคิดอยู่เป็นครู่ แล้วก็เอ่ยออกมาด้วยสุ้มเสียงดีอกดีใจ “แหม...อยากจะรีบเล่าให้บั้ฟฟี่ฟังเร็ว ๆ จังเลย หนูว่ายายนั่นต้องอยากฟังเรื่องตื่นเต้นแบบนี้แน่เลย”

แบนน่อนจับตามองลูกสาวที่หัวเราะคิกคักอย่างรื่นเริง มองเห็นความมีชีวิตจิตใจในดวงตาคู่ใสบริสุทธิ์ และความสวยที่เพิ่มพูนขึ้นทุกวัน ซึ่งทั้งหลายทั้งปวงเหล่านี้ล้วนเป็นมรดกที่ลอร่าได้รับมาจากมารดาทั้งสิ้น

ถึงแม้เขาจะพยายามทําใจมาโดยตลอด แต่กระนั้นเขาก็ยังไม่อยากคิดว่า เมื่อมาถึงวันนี้ภรรยาของเขาได้ตายไปเกือบเก้าปีแล้ว ราวกับว่าไดอาน่าผู้แสนสวยได้ยื่นมือออกมาจากหลุมฝังศพ เตือนใจให้เขารําลึกนึกถึงชีวิตแต่งงานที่อยู่ร่วมกันมาอย่างมีทั้งความสุข และความเศร้า

“ตอนที่เครื่องบินมนบินผ่านไปเจ้าเดอะ พาย มันแทบจะสะบัดหนูตกจากหลังแน่ะ หนูต้องพยายามรั้งสายบังเหียนไว้ให้มันวิ่งหนีเข้าป่าไป” ลอร่าพูดแจ๋ว ๆ เอื้อมมือไปตบแผงคอเจ้าม้าตัวนั้นอย่างรักใคร่ “แต่ในที่สุดแกก็ยอมสงบ เพราะเห็นแก่ฉันจริงไหมล่ะไอ้หนู”

“เจ้านี่มันม้านิสัยดี” แบนน่อนเปรยขึ้น เขารู้จักสัญชาตญาณของมันที่ค่อนข้างสงบ ใจเย็น เหมาะที่จะเป็นม้าสําหรับลูกสาวตัวน้อยของเขา

“เยี่ยมที่สุดเลยละ” ลอร่าพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

โอลด์ทอมได้ยินคําพูดประโยคนั้นของหลานสาว เมื่อทั้งสองขี่ม้าเข้ามาสมทบด้วย

“ใครล่ะที่เจ้าว่ามันเยี่ยมที่สุดนะ”

“ก็เจ้าเดอะ พาย นี่น่ะสิปู่” สาวน้อยตอบเสียงใส

“อือม์...” เขาเหลือบตามองเจ้าม้าล่างตัวนั้นอย่างพิจารณาอยู่ “ไอ้ม้าตัวนี้มันเป็นสีทรายทั้งตัว ไม่มีตูดมีก้นเลย” เขาพยายามมองหาข้อที่น่าตําหนิของมัน และรู้ได้จากความสันทัดจัดเจนว่า มันเป็นม้าที่ขาดความอดทนโดยสิ้นเชิง “ลองดูม้าตัวที่พ่อเจ้าขี่อยู่สิ ต่อให้วิ่งทั้งวัน มันก็ยังสดชื่นแข็งแรงเหมือนตอนที่เพิ่งเริ่มสตาร์ทใหม่ ๆ”

“แหม...ปู่ พูดยังงี้มันไม่ยุติธรรมเลยนะ”

“จะยุติธรรมหรือไม่ยุติธรรมมันก็เป็นความจริงละ”

สาวน้อยรู้ดีว่าถึงเถียงไปก็เปล่าประโยชน์ ดังนั้นจึงเปลี่ยนเรื่องพูดเสีย

“เมื่อกี้พ่อเห็นเครื่องบินหรือเปล่า” เจ้าหล่อนแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้าสีหน้าเต็มไปด้วยแววฝัน “พ่อคิดว่ามีใครนั่งอยู่ในเครื่องบินลํานั้นบ้างล่ะ”

“ไอ้พวกหน้าโง่น่ะสิจะมีใคร” พ่อเฒ่าทอมเป็นผู้ตอบแทน

“ปู่...อีกแล้ว” สาวน้อยตวัดตามองหน้าอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนจะพูดต่ออย่างครุ่นคิด “พ่อว่าคนที่มากับเครื่องบินลํานั้นจะเป็นเชอร์ใช่ไหม...หรือบางที่อาจจะเป็นเมลานี่ ไม่ก้อ...ดอน จอห์นสัน ก็ได้นะ...เอ...หรือว่าจะเป็นจอห์น เทรวิส ไม่ก็คนที่เล่นในเรื่องแบทแมนเสียละมั้ง”

“หนูคงหมายถึงแจ็ค นิโคลสัน นั่นเอง” แบนน่อนช่วยบอกชื่อผู้แสดงในเรื่องมนุษย์ค้างคาวให้ อย่างไรก็ตาม รู้สึกอยู่เหมือนกันว่าที่ลูกสาวทายออกมานั้น มันก็ใกล้เคียงความจริงไม่น้อย ตอนที่เจ้าหล่อนเอ่ยชื่อจอห์น เทรวิส...

เขารู้ว่าถ้าเป็นจอห์น เทรวิส แล้ว ย่อมหมายถึงว่าคิทจะต้องบินร่วมมากับเขาด้วย มาในฐานะนางเอกผู้จะแสดงร่วมกับเขาในภาพยนตร์เรื่องใหม่ที่จะถ่ายทําในแอสเพน ไม่มีใครที่จะเหมาะสม และประสบความสําเร็จเช่นคิทอีกแล้ว แบนน่อนก็อดที่จะดีใจกับเธอด้วยไม่ได้ แต่กระนั้น เมื่อคิดถึงเธอขึ้นมา เขาก็ยังอดที่จะรู้สึกละอายใจ และเสียใจไม่ได้

“แหม...หนูอยากไปงานปาร์ตี้ที่เดอะ เจโรเม่ กับพ่อคืนนี้” เจ้าหล่อนถอนหายใจอย่างแสนเสียดาย “จะได้กระทบไหล่ดาราดัง ๆ กับเขามั่ง”

คําพูดของลูกสาวทําให้แบนน่อนต้องยิ้มออกมา

“คิดเสียใหม่สิลอร่า ว่าอีกไม่กี่ปีข้างหน้าลูกก็จะควงกับพ่อได้แล้วนะ”

“โธ่เอ๊ย ยอมรับความจริงดีกว่าน่าพ่อ” สาวน้อยมองหน้าบิดาด้วยสายเคร่งขรึม “ว่าไม่มีผู้หญิงสาว ๆ คนไหนเขาออกเดทกับพ่อของตัวเองหรอก”

“งั้นพ่อก็ต้องยอมรับว่าพ่อพูดผิดไปเอง” เขาหัวเราะออกมาดัง ๆ กระตุกหมวกปีกกว้างที่ครอบอยู่บนศีรษะลูกสาวอย่างล้อเล่น และลอร่าก็รีบผลักมันขึ้นในที่เดิม พร้อมกับเงยหน้าขึ้นหัวเราะกับเขา มันทําให้บรรยากาศยามนั้น เป็นบรรยากาศแห่งความสุขระหว่างพ่อลูกอย่างแท้จริง เป็นอะไรบางอย่างที่จะได้เก็บไว้ในความทรงจํา เพื่อรําลึกถึงยามที่อยู่ห่างไกลกัน

รอยยิ้มยังฉาบอยู่บนปาก เมื่อเขาแหงนหน้าขึ้นมองดวงอาทิตย์ คํานวณเวลาจากตําแหน่งของมันบนท้องฟ้า

“พ่อว่าถ้าเราไม่รีบต้อนวัวพวกนี้ละก้อ ทั้งปู่และพ่อจะต้องไปงานปาร์ตี้ไม่ทันแน่ แล้วลูกก็จะไปกินอาหารเย็นกับบั้ฟฟี่ไม่ทันด้วย”

จากนั้นม้าทั้งสามตัวก็เร่งฝีเท้าขึ้น ช่วยกันไล่ต้อนวัวให้เข้าคอกเร็วที่สุดเท่าที่จะทําได้

“วัวกี่ตัวที่วิ่งหนีเข้าป่าไป” โอลด์ทอมถามอย่างอยากรู้

“สิบกว่าตัว” แบนน่อนตวัดบ่วงบาศในมือเข้าใส่หลังแม่วัวตัวที่ยังเดินอ้อยอิ่งอยู่ “ผมคิดว่าจะเข้าไปต้อนมันออกมาพรุ่งนี้”

“แต่พรุ่งนี้มันวันอาทิตย์นะพ่อ” ลอร่าทักท้วงขึ้นทันควัน “พรุ่งนี้เป็นวันที่นักร้องรุ่นเด็กจะต้องไปร้องเพลงที่โบสถ์ด้วย แถมหนูยังต้องเป็นคนร้องเดี่ยวอีกด้วย ป้าซอนดร้าก็บอกว่าจะไปฟัง ใคร ๆ เขาก็จะไปกันทั้งนั้น เพราะฉะนั้นพ่อก็จะต้องไปห้ามเถลไถลเด็ดขาด เราซ้อมกันมาตั้งหลายอาทิตย์แล้ว” สาวน้อยมีสีหน้ากระบึงกระบอนขึ้นมาทันที

“รับรองว่าเราพลาดไม่ได้แน่รายการดี ๆ ยังงั้นจริงไหม” เขาหันไปหาหลิ่วตากับบิดา “พ่อคิดว่าเราปล่อยวัวพวกนั้นไว้ก่อน เอาไว้ให้เสร็จจากโบสถ์แล้วค่อยมาต้อนจะดีไหมล่ะ”

“ไม่รู้สินะ” พ่อเฒ่าแสร้งทําเป็นใช้ความคิดพิจารณาเรื่องนั้นอยู่ “ถ้าเราไม่รีบเข้าไปต้อนมันอาจจะหนีไปหมดก็ได้นา”

ลอร่ารู้ดีว่าเธอกําลังถูกยั่วแหย่

“อย่ามาหลอกหนูเสียให้ยากหน่อยเลยน่า หนูรู้ว่าถึงยังไง พรุ่งนี้พ่อกับปู่ก็ต้องไปโบสถ์แน่” เจ้าหล่อนพูดด้วยน้ำเสียงแสดงความเชื่อมั่น ก่อนจะกระแทกโกลนบังคับม้าให้วิ่งเข้าไปอยู่ในตําแหน่งทางด้านข้าง

แบนน่อนจับตามองลูกสาวอยู่เป็นครู่ แล้วก็ส่ายหน้าอย่างขบขัน

“ยายนี่มันเอาชนะเราได้แน่ รับรองเลยพ่อ”

โอลด์ทอมทําเสียงยอมรับอยู่ในลําคอ จากนั้นต่างฝ่ายต่างก็เงียบกันไป เป็นครู่ที่พ่อเฒ่าจับตามองดูบั้นท้ายสีดําของฝูงวัวที่อยู่เบื้องหน้า สะโพกกว้างใหญ่ของมันขยับขึ้นลงตามจังหวะความเคลื่อนไหว แต่เจ้าม้าตัวที่เขาขี่อยู่รู้หน้าที่ของมันดีเท่าๆ กับเขา ไม่นานพ่อเฒ่าก็ปล่อยมือจากสายบังเหียนปล่อยให้ความคิดของตนล่องลอยไปตามเรื่อง

เขาเลื่อนสายตาขึ้นมองยอดเขาที่ระเกะระกะขึ้นเสียดฟ้าสีคราม สายลมอ่อนพัดลงมาจากยอดเขาและกรูเกรียวลงสู่หมู่ไม้ราวเสียงสะท้อนที่แว่วมาจากผาน้ำตกไกล ๆ เป็นเวลาหลายปีมาแล้วที่เขายังแว่วเสียงพูดของภรรยา บิวตี้ ผู้เป็นสุดที่รักของเขา...เสียงพูดของเธอยังชัดเจนแจ่มใส ราวกับกําลังขี่ม้าเคียงคู่เขาอยู่ในยามนี้

“จะมีก็แต่โมสาร์ทเท่านั้นนะคะทอมที่สามารถสร้างงานดนตรีให้มีสีสันสวยงามได้จากบรรยากาศอย่างนี้” เขายังมองเห็นภาพที่เธอทอดสายตาเหม่อมองยอดเขาที่สลับสีสนในยามตะวันชิงพลบเช่นนี้

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel