บทที่ 7
เมื่อประมาณสองอาทิตย์ก่อนคิทก็ได้ยินมาเหมือนกัน ว่า เจ.ดี. ลาสซิเตอร์ ออกคําสั่งให้มีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขบทเสียใหม่ หรือว่าชิพจะไม่พอใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ เธอรู้ว่าชิพวางแผนที่จะดัดแปลงบทของตัวแสดงให้ดีขึ้นกว่าเดิมอยู่แล้ว ขณะเดียวกันเขาก็จะต้องสอดส่องหาโลเกชั่นที่ดีที่สุด สําหรับการถ่ายทําตลอดเวลาที่พานักอยู่ในแอสเพน หรือว่า ลาสซิเตอร์จะเรียกร้องอะไรที่มันมากกว่านั้นอีก
ผู้ชายคนหนึ่งในกางเกงยีนส์กับเสื้อวินด์เบรคเกอร์รัดเอวเดินเข้ามาที่เครื่องบิน ใบหน้าคล้ำ ๆ บ่งบอกความเป็นชาวอเมริกันเต็มตัวกระจ่างอยู่ด้วยรอยยิ้ม และมองตรงมาที่จอห์น เทรวิส
“ขอต้อนรับสู่แอสเพนครับคุณเทรวิส ดีใจที่ได้พบคุณอีก”
“ขอบใจมากแดน” จอห์น เทรวิส ก้าวออกไปสัมผัสมือกับเขาแล้วจึงได้หันมาทางกลุ่ม พูดเป็นเชิงอธิบายว่า “นี่คือแดน โซเมอร์ส เขาเป็นผู้อารักขาผมในแอสเพน แดนกับคนของเขาอีกสองคนจะทําหน้าที่ป้องกันพวกแฟน ๆ ทั้งหลายให้อยู่ห่างตัวพวกเรามากที่สุดเท่าที่จะทําได้”
คิทเหลือบตามองไปทางผู้ชายคนนั้น รู้อยู่ว่าจอห์น เทรวิส จะไม่ยอมปรากฏตัวที่ไหนถ้าไม่มีหน่วยอารักขา อย่างน้อยก็หนึ่งคนให้ความคุ้มครอง เมื่อสามปีก่อนเขาถึงกับกระดูกซี่โครงหักมาแล้ว ด้วยฝีมือของนักเบสบอลล์ที่แกะรอยเขามาเป็นเวลาถึงสามเดือน และต่อมาเขาก็ยังถูกพวกแฟนภาพยนตร์รุมล้อมกรอบเข้าให้อีก เมื่อเป็นเช่นนี้ เขาก็จําเป็นจะต้องระมัดระวังตัวให้ดียิ่งขึ้น
ความมีชื่อเสียงกับความหวาดกลัวนั้นดูจะไม่หนีกันไปไหนได้เลย และมันก็ยังเป็นสัญลักษณ์แห่งกาลเวลา ยามที่นักแสดงรุ่งโรจน์ขึ้นมาอีกด้วย
“เบิร์ทกําลังไปเอารถมาแล้วครับ” แดน โซเมอร์ส ชี้ไปยังรถตู้คันหนึ่งที่กําลังวิ่งมาตามทางวิ่งคอนกรีต “พอเอากระเป๋าขึ้นเสร็จเราก็ออกเดินทางกันได้เลย”
“ดี”
หลังจากทําความเคารพจอห์นอีกครั้งหนึ่งแล้ว แดน ก็ออกเดินตรงไปยังด้านท้ายของเครื่องบิน ซึ่งตรงนั้นเจ้าหน้าที่ประจําเครื่องกําลังขนกระเป๋าเดินทางลงกองไว้กับพื้น
“ตอนแรกผมคิดว่าเอ๊บกับโนแลนจะมารับเราที่นี่เสียอีก” ชิพขมวดคิ้ว “ผมอยากจะคุยกับเขาเรื่องการเตรียมการเบื้องต้นสําหรับการถ่ายทํากับเขาเสียก่อน เพราะรู้สึกว่าโนแลนค่อนข้างจะร้อนใจเรื่องนี้อยู่”
“ตอนนี้คงจะรอกันอยู่ที่บ้านละมั้ง” เมื่อรถตู้คันนั้นเคลื่อนเข้ามาหยุดอยู่ใกล้ จอห์นก็เอื้อมมาจับแขนคิทพาเดินไปที่รถ
“รอเดี๋ยวคิท” มัวรี่ร้องบอก
เธอหันกลับไปมอง เมื่อเห็นมัวที่กําลังเดินแกมวิ่งตามมาก็ดึงมือออกจากจอห์นบอกกับเขาว่า “เดี๋ยวตามไปค่ะ” แล้วก็หันไปหยุดยืนรอมัวรี่อยู่
เขาเดินเข้ามาหยุดลงตรงหน้าเธอ เนื่องจากเขาเป็นคนที่มีรูปร่างต่ำเตี้ยจึงจําเป็นต้องแหงนคอขึ้นพูดกับทุกคน ซึ่งรวมทั้งคิทด้วย เขาจึงต้องฝึกท่าที่เชิดหน้าขึ้นไว้ให้ดูมีอํานาจ เชิดจมูกที่เหมือนตะขอขึ้นในอากาศ จากจมูกที่เป็นสัญลักษณ์ประจําตัวกับสําเนียงนิวยอร์คที่เขาเปล่งออกมาเวลาพูด รวมทั้งความเป็นคนค่อนข้างตระหนี่ทําให้ผู้คนเชื่อว่า เขาจะต้องมีเชื้อสายยิวอย่างไม่ต้องสงสัย
แต่เมื่อไม่กี่ปีมานี่เอง มัวรี่ โรส ได้ยอมรับกับคิทว่า แท้ที่จริงเขาไม่ได้มีเชื้อสายยิวมากกว่าบิลลี่ เกรแฮม เลย หลังจากที่เขามาอยู่ฮอลลีวู้ดได้ไม่นาน เขาก็เรียนรู้ว่า นักแสดงส่วนใหญ่ชอบที่จะให้เอเย่นต์หรือผู้จัดการของตนเป็นชาวยิว เพราะมันเท่ากับเขามีความสามารถในเรื่องการต่อรองราคาค่าตัวได้กว่าเอเย่นต์ชาติอื่น
เมื่อเป็นเช่นนี้ มัวรี่ โรส จึงปฏิบัติตามสุภาษิตที่ว่า “จงให้ทุกสิ่งที่คนต้องการ” เขาเลิกปฏิเสธต่อใคร ๆ ว่าเขาไม่ใช่ยิว ปิดสํานักงานที่ยอม คิพเพอร์ และฮานุคค่า รับคําเชิญไปร่วมงานวันเกิดของบรรดาลูกชายเจ้าของสตูดิโอที่บาร์ มิทซว่าห์ อยู่บ้านเขาจะกินไข่กับเบคอน แต่พอออกไปนั่งตามร้านก็จะสั่งอาหารยิวมากินเช่นนี้เป็นต้น
ดังนั้นจึงไม่ต้องสงสัยเลยว่า เมื่อมาถึงวันนี้ มัวรี่ โรส ได้กลายเป็นบุคคลสําคัญแห่งฮอลลีวู้ดไปแล้ว
“มีเรื่องอะไรหรือมัวรี่” คิทถามอย่างแปลกใจเพราะเห็นสีหน้าเขาเคร่งขรึมกว่าเดิม
“ก็มีเรื่องงานที่คุณจะไปร่วมคืนนี้นั่นแหละ” เขาคล้องแขนเข้ากับเธอ และพาเดินไปยังรถที่จอดรออยู่อย่างไม่เร่งร้อน “ผมอยากจะให้คุณเกาะติดอยู่กับเทรวิส นับแต่ออกจากบ้านจนกลับจากงานเลย”
“คุณไม่คิดบ้างหรือว่าการทําอย่างนั้น มันน่ารําคาญ แล้วก็ออกจะมากเกินไปหน่อย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าเขาเกิดอยากจะขอผู้หญิงสักคนเต้นรําขึ้นมา หรือเขาเกิดอยากเข้าห้องน้ำแล้วฉันจะทำยังไงล่ะ” เธอแสร้งทำตีหน้าเฉย เมื่อตั้งคําถามหลังออกไป
“นี่มันเรื่องสําคัญนะคิท เอาใจใส่หน่อยสิ”
“ก็ทําไมเล่า” เธออดยิ้มไม่ได้ “ฉันจะต้องไปจริงจังทําไม ในเมื่อมีคุณคอยจริงจังแทนอยู่ทั้งคนยังงี้” เธอสัมผัสความรู้สึกที่ว่าเขาไม่ได้ขบขันตามไปด้วย “โอเค...จะให้จริงก็ได้ เป็นอันว่าคืนนี้คุณอยากให้ฉันกับจอห์นเป็นแฝดสยามกัน”
“แน่นอน ต้องอย่าลืมว่าเราจะต้องพยายามทําให้งานคืนวันนี้ มันเป็นงานของเราไปด้วย ถ้าใครเขาถ่ายรูปเทรวิส ผมอยากให้มีรูปคุณติดอยู่กับเขาด้วย เพราะฉะนั้น เกาะเขาไว้ให้นานที่สุดแล้วก็มากที่สุด แต่จะต้องพยายามให้ใกล้ชิดกับเขาไว้เสมอ จนกระทั่งช่างภาพไม่สามารถจะตัดรูปคุณทิ้งไปได้แล้วกัน”
“ตกลง” คิทพยักหน้ารับรู้ มีความรู้สึกเหมือนตัวเองกําลังเล่นเกมส์แข่งขันอะไรอย่างหนึ่งขึ้นมาทันที แต่ใจจริงแล้วเธอไม่ใคร่ชอบความคิดของเขาเท่าไรนัก
“ดีมาก...” มัวรี่รีบพูดต่อ “หลังจากที่ใคร ๆ เขาคิดว่าคุณเป็นผู้หญิงของเทรวิส แล้วเขาก็พากันหันมาสัมภาษณ์คุณ ส่วนใหญ่เขาก็จะถามเกี่ยวกับเรื่องท้องถิ่น เพราะมีความรู้สึกว่าคุณมีความรู้เกี่ยวกับบ้านเกิดของตัวเองดีกว่าใคร...อะไรทํานองนั้น เราจะพิจารณาเรื่องนี้กันอีกทีเอาไว้ให้ถึงเวลานั้นเสียก่อน”
คิทอดลอบถอนใจไม่ได้ เพราะหวังไว้ว่าหลังจากงานการกุศลคืนนี้แล้ว เธอจะยุติเรื่องการให้สัมภาษณ์การถ่ายรูปลงชั่วคราว อย่างน้อยก็สักสองสามอาทิตย์จนกว่าถ่ายทําภาพยนตร์จะเริ่มต้นขึ้นอย่างจริงจัง ที่จริงการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการสร้างภาพยนตร์เรื่องใหม่นี้ได้ทําล่วงหน้ามาเกือบเดือนแล้ว นับแต่วันที่เธอเซ็นสัญญาแสดงบท “อีเด็น” ในเรื่องไว้ท์ ไล นี้ ในตอนแรกเธอก็ออกจะตื่นเต้นที่ได้พบกับพวกนักข่าว รู้สึกสนุกกับการให้สัมภาษณ์ แต่พอมาถึงเวลานี้ความรู้สึกต่าง ๆ เหล่านั้นได้จางหายไปมาก เธออยากจะหลบหนีหน้าไปไหนสักพักด้วยซ้ำ แต่ดูเหมือนจะไม่มีทางทําได้เลย
จอห์น เทรวิส ยืนคอยอยู่ข้างรถ จับตามองท่าทางเดินทอดน่องของคนทั้งสอง และความรู้สึกทั้งรำคาญ และหมั่นไส้ในตัวมัวรี่ โรส ก็เพิ่มขึ้น พอล่าถึงกับถอนหายใจออกมายืดยาว เธอเองก็กําลังจับตามองบุคคลทั้งสองอยู่เช่นกัน
“ถามจริง ๆ เถอะ คุณปล่อยให้นายนั่นมากับเราทําไม” พอล่าหันไปถามจอห์น “จนถึงเดี๋ยวนี้ฉันก็ยังไม่เข้าใจเหตุผลที่คุณยอมให้เขาติดตามมาเลยนะ”
“คราวหน้าคราวหลัง ถ้าคุณเข้าไปใกล้ตัวเขาก็สูดลมหายใจให้มันยาว ๆ เข้าไว้แล้วกัน” จอห์นพูดเป็นเชิงแนะนํา พยายามที่จะไม่แสดงความไม่ชอบหน้าในตัวเอเย่นต์ของคิทออกมาให้ใครเห็น “ถ้าคุณสูดลมหายใจลึก ๆ อย่างที่ผมแนะนําละก้อ คุณจะได้กลิ่นความละโมบกับความกลัวอย่างชัดเจนทีเดียว อย่าลืมว่าคิทคือใบเบิกทางให้เขาได้มีโอกาสเดินผ่านเข้าไปสู่ความยิ่งใหญ่กับเงินจํานวนมากที่คิทจะต้องทุ่มให้เขา”
“อันที่จริงมัวรี่ โรส ก็เป็นเอเย่นต์ให้คิทมาตั้งแต่แรกที่เขาก้าวมาสู่วงการแล้วนี่” ท่าที่ยักไหล่บอกให้รู้ว่า พอล่าต้องการจะยุติเรื่องที่กําลังจะพูดจากันอยู่ลงเพียงแค่นั้น แต่เมื่อจอห์นอ่านความรู้สึกในสีหน้าของเธอก็พอจะรู้ว่า พอล่าเองก็เห็นด้วยกับคําพูดของเขา
“คุณน่ะเป็นเพื่อนสนิทของคิท เพราะฉะนั้นก็ช่วยหาทางพูดให้เขากําจัดนายคนนี้ออกไปให้พ้น หาเอเย่นต์ที่มีฝีมือกว่ามัวรี่ โรส ซึ่งก็มีอยู่ถมไปเสียยังดีกว่า อย่างครีเอทีฟ อาร์ติสท์ส หรือวิลเลียม มอร์ริส นั่นก็เป็นเอเย่นต์ที่มีอิทธิพลสูงในวงการนี้อยู่แล้ว จะเป็นใครคนใดคนหนึ่งก็ได้ รับรองว่าเขาสามารถทําประโยชน์ให้คิทได้มากกว่านี้แน่”
“ฉันว่าเปลืองน้ำลายเปล่า ๆ คิทน่ะเป็นคนสํานึกในบุญคุณของคนเขาไม่เปลี่ยนใจง่าย ๆ หรอก” รอยยิ้มของพอล่ามีแววสลด เมื่อเงยหน้าขึ้นประสานสายตากับเขาอยู่ “ครั้งหนึ่งฉันก็เคยมีความเชื่อในเรื่องพรรค์นั้นอยู่เหมือนกัน แล้วคุณล่ะ”
“ผมจําไม่ได้แล้ว” จอห์นตอบห้วน ๆ
“นั่นสินะ...เรื่องพรรค์นั้น มันก็ผ่านมานานแสนนานสําหรับฉันด้วยเหมือนกัน” เธอหันหลังให้เขาก้าวขึ้นไปบนรถ
แดน โซเมอร์ส เดินมาถึงพร้อมกับมัวรี่และคิท
“ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วครับ” เขารายงานจอห์น เทรวิส “พร้อมแล้วใช่ไหมครับ”
“พร้อมแล้ว” จอห์นสนองรับ ยื่นมือให้คิทเกาะเมื่อก้าวขึ้นนั่งบนรถ...