บทที่ 5
เนื่องจากตอนนั้นเหลือฉากที่เธอจะต้องแสดงอีกเพียงฉากเดียวก่อนจะเลิกงาน คิทจึงเดินผ่านฉากออกไปยังส่วนที่เป็นฝ่ายกํากับเสียง ซึ่งเลยไปทางด้านหลังก็จะเป็นประตูทางออก การแสดงในเรื่องนี้เป็นบทของสุภาพสตรีที่สงบเคร่งขรึม ดังนั้นเรือนผมสีบลอนด์จึงถูกเกล้าเรียบๆ เพื่อให้เข้ากับบทบาท เครื่องสําอางที่ตกแต่งใบหน้าช่วยปกปิดจุดกระที่กระจายอยู่บนจมูก และทําให้เธอมีใบหน้าอ่อนเยาว์เช่นผู้หญิงชาวใต้ทั้งหลาย
ขณะเดินผ่านฉากที่จัดเป็นร้านอาหารริมฝั่งน้ำ ผู้กํากับเสียงก็ชูนิ้วหัวแม่มือมาให้ พร้อมกับบอกว่า
“แสดงได้เยี่ยมมากเลยคิท”
“ขอบใจ” เธอส่งยิ้มให้เขา
“เมื่อไหร่คนเขียนบทเขาถึงจะหาบทที่มันเยี่ยมกว่านี้ให้คุณเสียทีล่ะคิท”
“เห็นจะไม่มีทางหรอก ก็ตอนนี้คุณไม่เห็นหรือว่า ฉันยังเป็นเทสส์ ทรูฮาร์ท อยู่” เธอโบกมือให้เขาก่อนจะเดินออกประตูไป
คิทต้องข่มใจไว้อย่างมากเมื่อเดินผ่านโต๊ะอาหารที่จัดเตรียมไว้สําหรับนักแสดง เดินเลยไปยังช่องทางเดินที่เข้าสู่ห้องแต่งตัวที่เธอใช้ร่วมอยู่กับพอล่า แกรนท์ ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติสําหรับผู้แสดงนําสองคนที่จะใช้ห้องแต่งตัวร่วมกัน
“ฉากต่อไปถึงเธอแล้วนะ” คิทบอกทันทีที่ก้าวเข้าไปในห้องนั้น ถอดรองเท้าส้นสูงที่สวมอยู่ออก “ถึงเวลาที่เธอจะต้องแสดงบทผู้หญิงฉลาดแล้ว”
“สนุกดีออก” พอล่านั่งอยู่ที่เก้าอี้นวมมีสคริพท์วางอยู่บนตัก
คิทถอดถุงมือที่สวมเข้าฉากออก ใจหนึ่งอยากจะถอดเสื้อผ้าเปลี่ยนเป็นชุดธรรมดาเสียด้วยซ้ำ แต่ฉากต่อไปเธอก็จะต้องแต่งชุดเดียวกันนี้อีก ดังนั้นจึงเพียงแต่โยนถุงมือลงบนโซฟาและก้มลงรื้อกองเสื้อผ้าที่ถอดระเกะระกะไว้
“นี่ เธอเห็นเสื้อสม็อคฉันมั่งไหม”
“กองอยู่บนพื้นหลังเก้าอี้นั่นแน่ะ นี่คิท เวลาถอดเสื้อผ้าออกจากตัว ไม่คิดจะแขวนให้มันเรียบร้อยมั่งเลยหรือไง”
“ฉันก็ไม่ได้ทำยังงี้บ่อยนักหรอกน่า” เธอเดินไปหยิบเสื้อตัวนั้นขึ้นมา “ที่ฉันทำยังงี้อาจจะเป็นเพราะนิสัยที่มันอยากจะเอาชนะแม่ที่เจ้าระเบียบจนตัวลีบนั่นละมัง เธอรู้ไหมตอนอยู่กับแม่น่ะ ทุกอย่างในบ้านจะต้องอยู่เป็นที่เป็นทางหมด พื้นบ้านสะอาดชนิดกัดกินได้เลย” เมื่อพอล่าเลิกคิ้วมองหน้าเธออย่างแปลกใจ คิทก็เสริมอีกว่า
“อ้าว...ฉันพูดจริงนะ คิดดูก็แล้วกันว่าแม่น่ะลงทุนถึงขนาดใช้แปรงสีฟันขัดซอกกระดานด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้น พ่อถึงกลายเป็นคนที่ชอบทําอะไรง่าย ๆ ไงล่ะ” เธอเดินไปยังตู้เย็นเล็ก ๆ เพื่อหาน้ำผลไม้ดื่ม และตอนนั้นเองที่เห็นสคริพท์วางอยู่บนหลังตู้เย็น
“นี่อะไรน่ะ”
“บทหนัง ชิพเขาเขียนเอง”
“ไว้ท์ ไล...” คิทอ่านชื่อภาพยนตร์เรื่องนั้นออกมาดัง ๆ “อ๋อ เรื่องนี้คงจะเป็นเรื่องเดียวกับที่จอห์น เทรวิส ซื้อมาใช่ไหม”
พอล่าทําเสียงตอบรับอยู่ในลําคอก่อนจะลุกขึ้นเดินมาที่โต๊ะเครื่องแป้ง สํารวจเครื่องสําอางบนใบหน้า
“แล้วเธออ่านหรือยังล่ะ”
“อ่านแล้ว” พอล่าเอามือแตะทรงผมเบา ๆ “ไม่มีอะไรน่าสนใจสําหรับฉันเลยสักนิด มันจะมีประโยชน์อะไร ที่เราจะเข้าไปข้องเกี่ยวกับผู้กํากับที่ลงมือเขียนบทเอง ในเมื่อไม่มีบทให้ฉันแสดงในนี้เลยสักนิดจริงไหม”
“แต่เธอก็ชอบเขาละ” คิทพูดยิ้ม ๆ
“ซึ่งมันก็ไม่เกี่ยวกับเรื่องงานเลยนี่” พอล่าสํารวจรูปโฉมของตนเองอยู่ในกระจกเงา “ไอ้สีผมฉันนี่แหละที่มันทําเหตุ เธอก็รู้ว่าในเมืองนี้น่ะ ผู้หญิงผมสีแดงจะเล่นได้ก็แต่บทนางอิจฉาเท่านั้น เธอรู้ไหมว่าทุกครั้งที่ฉันไปออดิชั่น จะต้องรอจนกว่าแม่สาวผมดําหรือผมบลอนด์เขาซ้อมหน้ากล้องกันเสียก่อนนั่นแหละ ถึงจะเดินเข้าไปได้ แล้วก็ไปยืนเผยโฉมให้ผู้กํากับดูอยู่ตั้งพักใหญ่ เสร็จแล้วเขาพูดว่ายังไงรู้ไหม... มันเป็นคําแก้ตัวชัด ๆ เลยนะคิท เขาบอกว่า...คุณพระช่วย คุณผมแดงนี่...ยังไม่ทันดูความสามารถเลยเขาก็ตัดสิทธิ์ฉัน กลายเป็นว่าฉันไม่มีคุณภาพพอที่จะแสดงหนังของเขาได้แล้ว รับรองได้เลยว่าเวลาที่เขามองแม่สาวผมดําเขาจะไม่พูดกับเจ้าหล่อนอย่างที่พูดกับฉันหรอก” พอล่าโน้มตัวเข้าไปใกล้กระจก แยกฟันดูว่ามีรอยลิปสติกเปรอะเปื้อนหรือไม่ เมื่อพอใจแล้วจึงได้ยืดร่างขึ้นพร้อมกับบอกว่า “ฉันเห็นจะต้องไปก่อนละนะ”
“เธอจะรังเกียจไหม ถ้าฉันจะขอยืมบทนอ่านหน่อย” คิทยังคงถือสคริพท์ไว้ในมือ
“เชิญตามสบายเลย” พอล่าโบกมือให้และเดินออกไปจากห้อง
เมื่ออยู่ตามลําพัง คิทก็ทรุดตัวลงนั่งในเก้าอี้ตัวที่พอล่าเพิ่งลุกจากไป เปิดสคริพท์ออกอ่านเพียงแค่อ่านได้ไม่กี่หน้า เธอก็มองเห็นตัวนางเอกที่ชื่ออีเด็น ฟ็อกซ์ ซึ่งในบทจะต้องเป็นผู้หญิงที่มีเรือนผมสีบลอนด์ แต่งงานกับผู้ชายที่แก่กว่าหล่อนมาก ด้วยหวังฐานะทางการเงินและตําแหน่งในสังคม ในที่สุดก็ฆ่าเขาตายเพื่อยกฐานะของตนเอง
เมื่อเปิดอ่านต่อไปอีกไม่กี่หน้า คิทก็บอกกับตนเองว่า เธอสนใจกับบทบาทที่ถูกกําหนดขึ้นไว้ในภาพยนตร์เรื่องนี้อย่างมาก
มันทําให้เธอต้องเงยหน้าขึ้นและหัวเราะเยาะตัวเองออกมาดัง ๆ ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะบทบาทของอีเด็นในเรื่องนี้มันใกล้เคียงความจริงอย่างน่าเชื่อถือที่สุด และเป็นบทบาทที่ต้องแสดงออกถึงอารมณ์ขัดแย้งที่มีอยู่ในตั้งแต่ต้นจนจบ
เมื่อพอล่าเดินกลับเข้ามาในห้องอีกครั้งหนึ่งนั้น คิทก็กระโดดขึ้นยืนทั้งตัวด้วยความตื่นเต้นกับเนื้อเรื่องที่เพิ่งได้อ่าน บุคลิกของผู้แสดงและทุกสิ่งทุกอย่าง
“ทําไมเธอไม่บอกฉันล่ะพอล่า ว่าบทหนังเรื่องนี้มันน่าสนใจมาก สคริพท์นี่มันเยี่ยมมากทีเดียวนะ และอีเด็นในเรื่องนี้น่ะ ถึงแม้ว่าจะเป็นบทที่ห่างไกลจากความเป็นเทพธิดาอย่างมาก ก็ใช่ว่าจะเลวเกวจนเกินไปนัก” เธอหยุดพูด หมุนตัวกลับมามองหน้าเพื่อนสาวอยู่ “แหม...ฉันอยากเล่นบทนี้จัง ให้แลกกับอะไรก็ยอม”
พอล่าเหลือบตามองหน้าเธออยู่ ขณะปลดกระดุมเสื้อชุดที่ใส่เข้าฉาก
“ฉันน่ะพอจะรู้อยู่ว่าการตัดสินใจฆ่ากับการตัดสินใจรักน่ะ บางครั้งมันก็เป็นอารมณ์ที่ใกล้เคียงกันมาก”
“แล้วใครได้รับเลือกให้แสดงเป็นตัวอีเด็นล่ะ...แต่...อย่าบอกดีกว่า เพราะฉันไม่อยากรู้จริง ๆ หรอก ถ้าได้รู้ว่าเป็นใครแสดงบทที่ตัวเองอยากแสดงแล้วไม่ได้ มันจะยิ่งทําให้ความรู้สึกแย่ลงกว่าเดิมอีกหลายเท่า”
“เขายังไม่ได้ถ่ายสักฉากเลยนะ” พอล่าพูดเรียบ ๆ
“ยังหรอกหรือ.... หมายความว่าเขากําลังเฟ้นหาตัวกันอยู่ใช่ไหม”
“เท่าที่ฉันรู้มาเขายังออดิชั่นอยู่นะ”
คิทไม่รอฟังอีกต่อไปแล้ว เธอผวาวิ่งออกจากห้องแต่งตัว วิ่งเลยออกไปจนถึงแผงโทรศัพท์ในห้องโถงกลางของสตูดิโอ
“นี่มัวรี่ คุณจะทํายังไงก็ได้นะให้ฉันได้เล่นเป็นอีเด็นในหนังเรื่องใหม่ชื่อ ไว้ท์ ไล ของจอห์น เทรวิส ก็แล้วกัน ตอนนี้เขายังทําออดิชั่นอยู่และฉันต้องการไปซ้อมหน้ากล้องให้เขาดู” เธอกรอกเสียงลงไปในโทรศัพท์อย่างเร่งร้อนทันทีที่มัวรี่รับสาย
“แล้วใครเป็นผู้อํานวยการสร้างล่ะ”
“ไม่รู้หรอก ลืมถามพอล่า”
“เมื่อกี้นี้คุณบอกว่าเทรวิส...ถ้ายังงั้นมันคงไม่ยากที่จะหาความรู้เรื่องนี้หรอก” เขาหยุดใช้ความคิดอยู่ชั่วครู่ “แต่ว่านั่นกับเท่ายกระดับคุณขึ้นมาเป็นดาราใหญ่ทีเดียวนะคิท”
“แต่ฉันต้องแสดงเป็นตัวนี้ให้ได้นะมัวรี่” คิทยืนยัน
“มันก็น่าจะได้อยู่แล้ว” มัวรี่รับคําอย่างใช้ความคิดต่อไป พูดกลับมาช้า ๆ ว่า “ถ้าผมจําไม่ผิด ดูเหมือนเทรวิสเขาจะเกี่ยวข้องอยู่กับบริษัทโอลิมปิค พิคเจอร์ส ซึ่งเป็นบริษัทของลาสซิเตอร์ ได้ยินว่ากําลังจะจัดงานใหญ่อยู่นี่ ถ้าผมสามารถทําให้คุณไปออดิชั่นได้ก็จะลองดูสิว่าจะทําให้เขาเชิญคุณไปร่วมงานได้ด้วยหรือเปล่า ถ้าเป็นยังงั้นจริงละก้อ คุณจะต้องแสดงออกในทุกแง่มุมเลยนะคิท ไม่ว่าจะหว่านเสน่ห์หรือจะถึงขั้นเฟลิร์ตก็ตาม ไม่ว่าเขาสั่งอะไรมาคุณจะต้องแสดงได้ทั้งนั้น”
“เอาเป็นว่าคุณทําให้ฉันไปออดิชั่นได้ก่อนก็แล้วกัน แล้วฉันจะเริ่มต้นจากจุดนั้นเอง” เธอวางหูโทรศัพท์ในมือลง ยังกอดสคริพท์ปึกนั้นไว้กับอก