บทที่ 13
เมื่ออยู่ตามลําพังกับเธอ จอห์นก็พยายามประเมินอยู่ว่านี่เป็นกลยุทธ์แบบใหม่ใช่หรือไม่ เพราะในที่สุดเธอก็สามารถเรียกความสนใจจากเขาได้อย่างแท้จริง เขาไม่รู้ว่าควรจะปฏิบัติต่อตัวเธออย่างไรมันจึงจะถูกต้องและเหมาะสม แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกเบื่อหน่ายที่จะพูดคุยกับเธอด้วย
“ผมไม่ใช่คนหัวสูงอย่างที่คุณว่าหรอกครับ คุณมาสเตอร์ส”
“งั้นจริง ๆ แล้วคุณเป็นยังไงล่ะคะ... แต่ไม่เป็นไรหรอก ไม่ต้องตอบก็ได้” เธอโบกมืออย่างไม่สนใจกับคําถามที่ตนเองตั้งขึ้น “ฉันว่าเราคุยกันเรื่องอื่นดีกว่า คุณทราบแล้วใช่ไหมคะว่าวันนี้ทีมเดอะ คับ เป็นฝ่ายชนะ ฉันชอบใจจัง” เธอมองหน้าเขาอยู่ “สงสัยว่าคุณจะเชียร์ดอดเจอร์สสินะคะ”
“ไม่ใช่หรอก”
“อ้าว...ถ้างั้นคุณก็ต้องเป็นแฟนแองเจิ้ลแน่ ๆ พ่อฉันเป็นคนที่มีจุดอ่อนเรื่องแองเจิ้ลอย่างที่สุด เพราะว่าตอนเด็ก ๆ น่ะพ่อเป็นแฟนที่เหนียวแน่นของยีน ออทรี่” เมื่อเธอเห็นเขามองอยู่ด้วยสายตาที่ไม่บอกความเข้าใจอะไรเลย จึงพูดต่อเป็นเชิงอธิบายว่า “ยีน ออทรี่ เป็นเจ้าของทีมแคลิฟอร์เนีย แองเจิ้ล ไงคะ คุณไม่ใช่แฟนเบสบอลล์หรอกหรือนี่”
“เปล่าเลย ว่าแต่ตอนที่คุณเล่นหนังทีวีคุณแสดงบทอะไรล่ะ”
“ก็เป็นสาวน้อยชาวใต้ที่ทันสมัย มีหัวใจที่อ่อนโยนเต็มไปด้วยความเมตตากรุณานะสิคะ” เธอจุ่มนิ้วลงในแก้วแชมเปญและยกขึ้นดูดเบา ๆ “คุณคิดยังไงคะที่เยอรมันตะวันออกกับตะวันตกมารวมกันได้อีกครั้ง ฉันไม่ค่อยแน่ใจว่าในเรื่องของการทหารแล้ว จะรวมกันได้สนิทเหมือนเป็นชาติเดียวกันตั้งแต่แรกเริ่ม”
“เวลานี้ผมสนใจในเรื่องกฎหมายห้ามพกอาวุธปืนในสหรัฐ ฯ มากกว่า คุณอยู่ในวงการนี้มานานเท่าไหร่แล้วครับ”
“อยู่ในวงการประมาณแปดปี แต่ว่าเล่นหนังเรื่องนี้สามปีแล้วค่ะ คุณคิดว่าโครงการอวกาศจะส่งคนขึ้นไปถึงดาวอังคารไหม”
คําถามนั้นทําให้เขาเอียงคอมองหน้าเธออยู่ รอยยิ้มอย่างแปลกใจจุดอยู่ตรงมุมปาก
“ทําไมคุณถึงทําให้ผมเกิดความรู้สึกว่าคุณไม่อยากพูดถึงบทบาทการแสดงในหนังทีวีนั่นเลยล่ะ”
“การที่ฉันทําให้คุณเกิดความรู้สึกอย่างนั้นเป็นเพราะว่า ฉันเปลี่ยนเรื่องพูดทุกครั้งที่คุณหยิบยกมันขึ้นมาใช่ไหมคะ” เธอยกแก้วแชมเปญขึ้นจิบ
“นั่นสิ เพราะอะไร”
“ก็เพราะคุณแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าคุณมองเห็นมันเป็นงานต่ำ เพราะฉะนั้นฉันก็รู้สึกว่ามันเป็นหน้าที่ที่จะต้องปกป้องมันไว้บ้างน่ะสิคะ แต่จะยังไงก็ตามทีเถอะนะคะคุณเทรวิส ฉันว่าเราอย่ามาเถียงกันเรื่องนี้ดีกว่า เพราะเอเย่นต์ก็สั่งนักสั่งหนาว่าคืนนี้ให้ฉันทําตัวให้เป็นผู้หญิงที่มีเสน่ห์ที่สุด” แววในดวงตาคู่นั้นเป็นประกายพราวด้วยรอยยิ้มหัว
ในที่สุด เธอก็พูดเข้าประเด็นจนได้ แม้ว่าจะใช้เวลานานสักหน่อยกว่าจะพูดให้เข้าเรื่องได้ ความคิดดังกล่าวทําให้จอห์น เทรวิส ยิ้มออกมา
“แล้วคุณคิดว่า จะประสบความสําเร็จในการหว่านเสน่ห์ใส่ผมหรือเปล่าล่ะ”
“คุณน่ะหรือคะ” ผู้ชายทุกคนล้วนแต่พยายามเปิดช่องว่างไว้ให้ผู้หญิงเป็นฝ่ายเดินเข้าไปหา โดยเฉพาะพวกที่เป็นนักแสดงด้วยกันแล้วจะเปิดช่องว่างกว้างกว่าอาชีพอื่น เพราะเขายังต้องการคําสรรเสริญเยินยออีกด้วย แต่กระนั้นคิทก็ออกจะแน่ใจอยู่ว่ามันค่อนข้างยาก แม้ว่าจะมีทางเป็นไปได้ที่ใช้คําพูดเยินยอเพื่อเข้าให้ถึงจิตใจของจอห์น เทรวิส มันมีอะไรหลายสิ่งหลายอย่างที่ฉายแววอยู่ในดวงตาของเขา มันมีอะไรบางอย่างที่เขาใช้ในการควบคุมการตัดสินตนเองและผู้อื่น
“ฉันคิดว่า คุณมีภูมิคุ้มกันเกี่ยวกับเรื่องเสน่ห์จากผู้หญิงอยู่มากทีเดียวละค่ะ”
“แต่คุณก็ยังใช้ความพยายามได้นี่”
“ฉันไม่ใช่ผู้หญิงประเภทที่ชอบวิ่งเข้าชนกําแพงหรอกค่ะ” เธอดื่มแชมเปญในแก้วหมดลงแล้วแต่ก็ยังคีบก้านแก้วไว้ด้วยปลายนิ้ว “คุณคงรู้แล้วใช่ไหมคะว่าฉันจะต้องไปทดลองเล่นบทของอีเด็นอาทิตย์หน้านี่”
“รู้แล้ว” อันที่จริงเขาอยากจะบอกออกไปตอนนี้เลยด้วยซ้ำว่าเธอจะเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ เพราะถึงอย่างไรเธอก็ไม่เหมาะสมกับการแสดงบทนั้นอยู่แล้ว แต่ปรากฏว่าเขาพบตัวเองที่กําลังจรดจ้องมองดูพวงผมสีบลอนด์ที่เคลียไหล่อยอย่างไม่วางตา เธอมีเรือนผมที่อ่อนสลวยน่าสัมผัสแตะต้องเสียเหลือเกิน มันเนียนนุ่มปานเส้นไหม
“ก็ดีแล้วละค่ะ ถ้าเป็นยังงั้น คุณก็ควรจะรับรู้ไว้ด้วย ว่าฉันจะต้องได้รับบทนั้นแน่” เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกความมั่นใจอย่างที่สุด
สายตาคู่นั้นเคลื่อนจากผมสีบลอนด์ทองลงไปจนถึงปลายเท้าบอบบางแล้วก็เลื่อนกลับขึ้นมาอีกครั้ง พิจารณาส่วนสัดของเธออย่างใคร่ครวญ และในตอนนั้นเองที่เขาเพิ่งสังเกตเห็นว่ามีจุดกระสีอ่อน ๆ อยู่ตรงดั้งจมูก อดสงสัยไม่ได้ว่าเธอไปได้มันมาจากไหน
“คุณเป็นผู้หญิงที่สวยมากคนหนึ่งนะคิท มาสเตอร์ส” เขาพูดเสียงเบา หันหน้าไปเสียทางหนึ่งเพื่อซ่อนรอยยิ้มไว้
“แล้วยังไงคะ” เธอถามอย่างท้าทาย
“แล้วยังไงอะไร” เขาขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจคําถามของเธอ
“คําพูดแบบนั้นแสดงว่าคุณยังมีอะไรที่จะพูดต่อ ฉันพอจะมองเห็นว่าคุณมีเหตุผลที่ใช้คําพูดแบบนี้กับฉันอยู่”
“แล้วอะไรล่ะที่คุณอยากรู้” เขากลับย้อนถามประสานสายตากับเธออยู่อย่างไม่หวั่นไหว
“ข้อไหนก็ได้ที่คุณหมายความถึงนั่นแหละ แต่ถึงยังไงคุณก็จะไม่ยอมพูดออกมาอยู่ดีใช่ไหม ถ้าจะพูดก็คงต้องใช้ความพยายามอย่างมากทีเดียว ซึ่งคุณเองก็คงจะลืมไปแล้วว่าเขาทํากันยังไง แต่ก็ช่างเถอะ ฉันจะไม่ปล่อยให้มันรบกวนจิตใจคุณหรอก พระเจ้าทรงรู้ดี ว่ามีผู้หญิงผมสีบลอนด์มากมายหลายคนที่ยินดีจะยื่นมือไปคว้าไขว่ในสิ่งที่จอห์น เทรวิส หยิบยื่นมาให้” เธอหยิบแก้วแชมเปญที่ว่างเปล่ามาให้เขา “ราตรีสวัสดิ์นะคะจอห์น ที.” เธอพูดในที่สุดแล้วก็เดินจากไป
เขาได้แต่ยืนนิ่งอั้นพูดอะไรไม่ออกอยู่อีกครู่ใหญ่ แก้วเหล้าใบนั้นยังคงถือค้างอยู่ในมือ และแล้ว เขาก็เปล่งเสียงหัวเราะออกมา มันเป็นการหัวเราะด้วยความรู้สึกขบขันแท้จริง อย่างที่เขาไม่ได้พานพบความรู้สึกเช่นนั้นมานานเป็นเดือนแล้ว
สัปดาห์ต่อมา จอห์น เทรวิส แวะไปที่สํานักงานของบริษัทโอลิมปิค พิคเจอร์ส เพื่อดูการซ้อมหน้ากล้องของคิท มาสเตอร์ส ปกติแล้วเขาจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวในเรื่องนี้เลย จะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของชิพกับผู้กํากับบท เพียงแต่จะรอรับฟังรายงานที่ส่งผ่านมาถึงเท่านั้นว่ามีนักแสดงคนไหนที่สมควรจะได้รับการเรียกกลับมาใหม่ ซึ่งกว่าจะถึงตอนนั้น ก็มีนักแสดงเพียงไม่กี่คนที่ถูกเรียกตัวกลับมาเพื่อซ้อมหน้ากล้องอีกครั้ง
จอห์นยืนอยู่ตรงหน้าต่างห้องทํางานของโนแลน ไม่ได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการปรึกษาหารือระหว่างโนแลน ชิพ และผู้กํากับบทชื่อรอนนี่ ลอง ด้วย
เขาทอดสายตามองผ่านหมู่ปาล์มที่รายเรียงอยู่ตามหลังคาแนวโค้งของสตูดิโอหมายเลข 4 ซึ่งตรงนั้นจะมีการจัดฉากไว้ในรูปแบบต่าง ๆ มันเป็นสิ่งที่เตือนใจให้เขาสํานึกอยู่เสมอว่า ธุรกิจการสร้างภาพยนตร์นั้นมันก็คืออุตสาหกรรมการค้าเงานั่นเอง ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็จะเห็นแต่ของปลอม ไม่ว่าจะเป็นบ้าน เป็นต้นไม้ หรือแม้แต่อารมณ์ที่นักแสดงจะต้องแสดงออกก็ล้วนแล้วแต่เป็นอารมณ์ปลอม ๆ ทั้งสิ้น
จากทางเบื้องหลัง เขาได้ยินเสียงผู้กํากับบทเอ่ยขึ้นว่า
“แล้วแอนน์ เฟลชเชอร์ ล่ะ ถึงยังไงผมก็ยังมีความรู้สึกว่าเขาแสดงได้ดีทีเดียวนะ”
“แข็งเกินไป” ชิพเลื่อนเก้าอี้ออกเดินไปหยุดอยู่ตรงโต๊ะทํางานของโนแลน “อีเด็นจะต้องมีความอ่อนแออยู่ในจิตใจบ้าง”
โนแลนโยกตัวอยู่ในเก้าอี้เบาะหุ้มหนังประสานมืออยู่ตรงท้ายทอย ถอนหายใจออกมาดัง ๆ เมื่อเงยหน้าขึ้นมองเพดานห้อง
“สงสัยว่าในที่สุดเราจะต้องเลือกแคธลีน เทอร์เนอร์ อยู่ดีนั่นแหละ” เขาบ่นกับตัวเอง
เสียงออดจากเครื่องติดต่อภายในดังขึ้น ซึ่งทําให้ชิพที่กําลังจะเอ่ยปากปฏิเสธอย่างแข็งขันอีกครั้งชะงักค้างอยู่ โนแลนเอื้อมมือไปกดปุ่ม
“คิท มาสเตอร์ส มาถึงแล้วค่ะ” เสียงเลขานุการรายงานเข้ามา
“ดี” โนแลนพลิกสคริพท์ที่วางอยู่ตรงหน้า “ส่งเข้ามาได้เลย”
จอห์นเดินช้า ๆ มาที่โต๊ะทํางานของโนแลน สายตาจับอยู่ที่ประตูตอนที่มันเปิดออกและคิทเข้ามา สังเกตเห็นว่าเธอแต่งตัวเรียบ ๆ เป็นชุดสีขาวสําหรับฤดูร้อนที่ตัดเย็บด้วยผ้าเนื้อนุ่มพลิ้วตามจังหวะการก้าวย่าง แต่การปรากฏตัวของเธอนั้นราวจะสร้างบรรยากาศอันเต็มไปด้วยสีสันให้เกิดขึ้นในห้องนั้นได้ และมีอะไรบางอย่างคล้ายกับกระแสไฟฟ้าบาง ๆ เคลื่อนตามร่างเธอเข้ามาด้วย เขาหยิบบุหรืออกมา จุดสูบขณะที่เธอทักทายคนอื่น ๆ อยู่