บท
ตั้งค่า

บทที่ 14

ในที่สุดเธอก็หันมาทางเขา เหลือบตามองบุหรี่แล้วก็เอ่ยออกมาว่า

“การสูบบุหรี่เป็นอันตรายต่อสุขภาพนะคะจอห์น ที.”

“ผมก็ได้ยินคุณพูดยังงั้นเหมือนกัน”

“มันจะเป็นหลุมฝังศพให้กับคุณด้วย” น้ำเสียงของเธอบอกความเวทนาอยู่

“แล้วคุณไม่เคยได้ยินบ้างหรือไง...” เขาเลิกคิ้วอย่างล้อเลียน “ว่ามีแต่คนดี ๆ เท่านั้นที่ตายตอนยังหนุ่มแน่น”

เธอหัวเราะออกมาเต็มเสียง ซึ่งราวกับนําความสว่างไสวและความอบอุ่นจากแสงอาทิตย์เข้ามาในห้องด้วย

“และคุณก็เป็นคนเลวคนหนึ่งยังงั้นหรือคะจอห์น ที.” เธอต่อปากต่อคํา

“ผมมันคนชั่วร้ายต่างหากเล่า” เขาพูดปนหัวเราะ เสียดายอยู่ลึก ๆ ในใจ ที่ในสายตาของเขาเธอไม่เหมาะกับบทบาทของอีเด็นในเรื่องนี้เลย เพราะอย่างน้อยเขาจะได้ปะทะคารมกับเธอขณะที่เข้าฉากด้วยกัน...

ชิพ ที่มองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างเป็นงานไปหมดส่งกระดาษปึกหนึ่งที่เย็บตัดกันไว้มาให้คิท

“บทที่เราเลือกให้คุณแสดงในตอนนี้เป็นการเผชิญหน้ากันในห้องนอน ถ้าคุณต้องการเวลาที่จะศึกษาบทเสียก่อน...”

คิทกวาดสายตาผ่าน ๆ ไปตามบทในหน้าแรก และแล้วก็ส่ายหน้าปฏิเสธ

“ไม่ต้องหรอก บทอย่างนี้ฉันชินเสียแล้ว” แต่ขณะเดียวกันเธอก็รู้สึกว่ากล้ามเนื้อในช่องท้องเริ่มเขม็งเกลียวขึ้น ทุกครั้งที่ต้องซ้อมบทต่อหน้าผู้กํากับ เธอมักจะรู้สึกใจคอไม่ใคร่ดีเช่นนี้เสมอ แต่เพราะความรู้สึกอย่างนี้ ที่ทําให้เธอเกิดความมานะที่จะทําให้ดีที่สุด

“งั้นผมจะให้คิวคุณ...” ชิพหันไปมองหน้าจอห์น พร้อมกับเอ่ยถามอย่างเกรงใจ “หรือว่าคุณอยากจะทําหน้าที่นั้นเอง”

ในตอนแรก จอห์นคิดว่าเขาเพียงแต่อยากจะมาดูเท่านั้น เพราะการออดิชั่นแต่ละครั้งมันก็สร้างความกดดันให้เกิดขึ้นแม้จะไม่มีปัจจัยอื่นเข้ามาเสริมอยู่แล้ว แต่เขาเข้าใจบทบาทในฉากนี้อย่างดี และการที่จะได้ร่วมแสดงกับคิทเป็นสิ่งที่เขาอยากทําอย่างมาก

“ทําไมล่ะ ในเมื่อผมก็อยู่ที่นี่แล้ว” เขาบดก้นบุหรี่ลงกับที่เขี่ยบนโต๊ะทํางานของโนแลนแล้วก็ยืดตัวขึ้น รับบทที่ชิพส่งมาให้ “คุณคงไม่รังเกียจใช่ไหมคิท”

มันมีอะไรบางอย่างในสีหน้าท่าทางของเขาที่คล้ายจะดูหมิ่นในความสามารถของเธออยู่ ดีแล้ว...เธอชอบนักการท้าทายแบบนี้ เพราะมันทําให้สติปัญญาเฉียบแหลมขึ้น

“ไม่รังเกียจเลย”

“ต้องให้นําเข้าเรื่องเสียก่อนหรือเปล่า”

“ไม่ต้องหรอกค่ะ” เธอสูดลมหายใจลึก กวาดสายตามองไปทั่วฉากนั้น มันไกลกว่าคําว่าเรียบง่ายมาก จะต้องสร้างอารมณ์ตั้งแต่เย็นเยือกเป็นน้ำแข็งขึ้นมาจนกลายเป็นความร้อน จากความทระนงเป็นความคั่งแค้น และเลยไปถึงความลุ่มหลง ซึ่งแต่ละอารมณ์นั้นจะต้องประสมประประสานกันอย่างต่อเนื่องและมีความเป็นธรรมชาติอย่างที่สุด คิทใช้เวลาตั้งสมาธิอยู่เป็นครู่

จอห์นจับตามองเธออยู่ ท่าทางของเธอเหมือนนักแสดงที่ไร้ประสบการณ์มากกว่าจะเป็นผู้หญิงพราวเสน่ห์ที่มีความลึกลับอยู่ในตัวอย่างที่บทต้องการ และแล้วเธอก็หันมาทางเขา ดวงตาคู่สีฟ้าเข้มคู่นั้นเย็นเยือกราวก้อนน้ำแข็ง บ่งบอกความเย่อหยิ่งจองหองอย่างที่เขาเองก็ต้องแปลกใจ การแสดงได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว...

“ฉันไม่ได้เชื้อเชิญให้คุณเข้ามาถึงห้องนอนของฉันเลยนะ” เธอเลิกคิ้วสูงเสริมเพิ่มความเย็นเยือกในน้ำเสียงที่ใช้

“คงจะเป็นเพราะผมมองเห็นการณ์ไกลไปหน่อยละมั้ง” เขาพูดตามบทโดยไม่ได้ก้มลงมองสคริพท์ในมือแม้แต่น้อย

“ฉันว่า คุณออกจะสันนิษฐานมากเกินไปหน่อยแล้วละ แม็คคอร์ด” เธอหันหลังให้เขาอย่างไม่ไยดี

“นี่...เลิกวางท่าแม่หม้ายผู้โศกเศร้าเสียทีเถอะอีเด็น มันไม่เหมาะกับคุณหรอก”

ท่าทางเธอแข็งขึ้นไปในทันที และแล้วก็ค่อย ๆ ผ่อนคลายลงก่อนจะหันช้า ๆ มาเผชิญหน้ากับเขา

“งั้นรึ...แล้วอะไรล่ะที่มันเหมาะสมกับฉัน คุณเอง...ละมั้ง” น้ำเสียงที่เธอใช้ในตอนนี้เป็นเสียงพูดเนิบ ๆ มันมีทั้งความเร่าร้อนยวนเสน่ห์ประสมประสานอยู่ ทั้งแววตา น้ำเสียง ร่างกายดูจะประสมกลมกลืนกันได้อย่างดีและทําให้อุณหภูมิภายในห้องสูงขึ้น

“เพราะยังงั้นใช่ไหมคะที่ทําให้คุณเดินเข้ามาถึงในห้องฉันคืนนี้ เพื่อสานเรื่องที่เราก่อไว้บนภูเขาให้มันเสร็จ ๆ ไป เสียทีใช่ไหมล่ะ” เธอเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ เชิดศีรษะขึ้นเล็กน้อย เผยให้เห็นช่วงลําคองามระหง ริมฝีปากคู่นั้นเผยออ้าอย่างจะเชิญชวน ดูมันอิ่มเต็มขึ้นมาอย่างประหลาด “คุณจะไม่จูบฉันสักครั้งหรือคะแม็คคอร์ด” เธอยั่วยุเมื่อสอดมือเข้าไปในอกเสื้อประทับอยู่กับแผงอกกว้าง “หรือว่าไม่อยากจะร่วมรักกับฉันบ้างหรือคะ”

เขาจับมือเธอไว้และดึงออกห่างตัว

“นี่คุณเป็นอะไรไป” บทบาทการแสดงเป็นอีเด็นของเธอในยามนี้สมบูรณ์อย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นถ้อยคํา การแสดงออกถึงความขุ่นเคืองและความแปลกใจจึงกลายเป็นการแสดงออกตามธรรมชาติสําหรับเขาไปด้วย

อีเด็นเปล่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างเริงรื่น ก่อนจะถอยห่างออกจากเขา

“นี่คุณไม่เคยได้ยินข่าวลือบ้างเลยหรือไงว่า ฉันน่ะมันฆาตกรนะ”

“แล้วคุณเป็นจริง ๆ หรือเปล่าล่ะ”

มันมีอะไรบางอย่างปรากฏขึ้นในแววตาคู่นั้น ความเจ็บปวด ความชอกช้ำขมขื่น หรือความหวาดกลัว แต่มันก็เลือนหายไปอย่างรวดเร็วก่อนที่เขาจะทันตัดสินลงไปได้

“นั่นเป็นสิ่งที่พวกเขาจ่ายเงินค่าจ้างให้คุณ เพื่อสืบหาความจริงในเรื่องนี้นะ” เธอพูดเสียงเบา

“ผมต้องการให้คุณบอกผมด้วยตัวเองมากกว่า”

“ไม่มีทาง คุณเพียงแต่ต้องการใช้ฉันเป็นเครื่องมือ เพื่อให้การทํางานของคุณง่ายขึ้น คุณต้องการเห็นฉันสารภาพเท่านั้นเอง” เธอตอบออกไป แล้วก็ท้าทายด้วยการเชิดหน้าเข้าใส่ “ก็ได้...ใช่ ฉันยอมรับว่าฉันเป็นคนลงมือทําเอง ฉันนี่แหละที่ฆ่าผัวตาย ฉันแต่งงานกับเขาเพราะเห็นแก่เงิน และที่ฉันฆ่าเขา ก็เพราะต้องการจะได้เงินทั้งหมดนั่นมาเป็นของตัวเองมันก็เท่านั้น” น้ำเสียงของเธอราบเรียบราวไร้ความรู้สึก แต่แววในดวงตาเปล่งประกายโกรธแค้น “พอใจหรือยังล่ะ”

“ยัง”

“แย่จัง เพราะสิ่งที่คุณจะได้รู้จากฉันมันก็มีอยู่แค่นี้เท่านั้น”

“มันยังไม่ใช่เหตุผลที่ดีพอ”

“งั้นก็ไปลงนรกเสียเถอะไป๊” เธอตวาดเสียงกร้าว เรียกยิ้มจากแม็คคอร์ด

“ผมเห็นจะต้องขอเชิญสุภาพสตรีก่อน”

เธอเงื้อมือขึ้นและเขาก็ตวัดจับข้อมือเธอไว้ ทําให้เธอไม่มีโอกาสจะฟาดลงบนใบหน้าที่เป็นเป้าหมายได้ เขาจ้องมองหน้าเธออยู่ สีหน้าของอีเด็นในยามนี้เต็มไปด้วยความกราดเกรี้ยว ดวงตาแข็งกร้าว จุดไคลแม็กซ์ของฉากอยู่ตรงที่เขาจะต้องรวบร่างเธอเข้ามาไว้ในอ้อมกอดและจูบลงอย่างรุนแรง

“ดีมาก” ชิพร้องขึ้นก่อนที่จอห์นจะแสดงบทนั้นตามที่สคริพท์กําหนดไว้ ซึ่งทําให้เขาต้องปล่อยมือจากเธออย่างแสนเสียดาย ทั้งที่หัวใจยังเต้นระทึกด้วยอารมณ์ที่สร้างสรรค์ขึ้น

คิทเงยหน้าขึ้นและระบายลมหายใจออกมาอย่างยืดยาว มีความรู้สึกว่าความตึงเครียดและบทบาทของอีเด็นได้หลั่งไหลออกมาจากตัวเธอจนหมดสิ้น ทําให้เธอไม่ทันเห็นจอห์น เทรวิส กับโนแลน วอล์คเกอร์ ที่สบตากันอยู่ ไม่ทันเห็นจอห์นพยักหน้าอย่างจะยอมรับในคําถามที่โนแลนไม่ได้เอ่ยออกมาเป็นคําพูด เธอหันไปทางชิพส่งสคริพท์คืนให้กับเขา ประสาททุกส่วนรวมทั้งสัญชาตญาณบอกให้รู้อยู่ว่า เธอคงแสดงได้ดีและเหมาะสมกับบทบาทอย่างที่สุด ดีเกินกว่าที่คิดเสียด้วยซ้ำ

“ขอบใจมากนะคะ เป็นบทที่เยี่ยมมากจริง ๆ” เธอส่งยิ้มให้ชิพ “ฉันขอยืนยันว่ามันดีมากจริง ๆ ค่ะ”

ชิพเพียงแต่พยักหน้ารับ สายตาเพ่งตรงไปข้างหน้า ไม่พูดอะไรออกมาเลยแม้แต่คําเดียว โนแลน วอล์คเกอร์ เดินมาจากที่นั่งหลังโต๊ะทํางานตัวนั้น

“คุณแสดงได้ดีมากทีเดียวคิท มาสเตอร์ส” เขาเอ่ยชมออกมา

“ขอบคุณค่ะ”

“คุณพร้อมที่จะให้เราเรียกตัวมาใหม่ไหมครับ”

“แน่นอน” ลึกลงไปในใจ เธอยังรู้สึกเหมือนหัวใจจะติดปีกบินได้อยู่ สิ่งที่เธอต้องการอย่างที่สุดคือเดินออกไปจากห้องนี้ อยากให้แสงแดดได้อาบไล้ลงบนใบหน้าและดูดซับชัยชนะที่กําลังจะเลื่อนมาถึงมือออกเสียบ้าง “เอาเป็นฉันจะรอวันนั้นอยู่ก็แล้วกันนะคะ” เธอพูดกับทุกคน

คิทเดินตัวลอยออกจากห้องนั้น ส่งยิ้มให้กับเลขานุการสาวของโนแลน แล้วก็วิ่งลงบันไดของอาคารสํานักงานที่สร้างขึ้นแบบบังกะโล ก่อนหน้าที่จะมีการซ้อมบทต่อหน้าผู้กํากับวันนี้ คิทพยายามที่จะไม่คิดเลยว่าเธอต้องการแสดงบทของอีเด็นมากแค่ไหน และมันมีความหมายสําหรับเธอมากเพียงไร

แต่ขณะนี้เมื่อสํานึกในใจบอกเธออยู่ว่า บทดังกล่าวน่าจะเป็นของเธอมากกว่าใคร คิทก็มีความรู้สึกว่าริมฝีปากแห้งเกราะขึ้นและหัวใจก็เต้นระทึกขึ้นด้วยความตื่นเต้น ต้องยกมือขึ้นกอดอกไว้เพื่อจะเตือนตัวเองไม่ให้เดินยิ้มคนเดียว ดังนั้น เธอจึงไม่ได้ยินสียงฝีเท้าของจอห์น เทรวิส ที่เดินตามมาข้างหลัง

“ผมมีเรื่องอยากจะพูดกับคุณ” เขาเป็นฝ่ายเปิดฉากขึ้นก่อน

“ได้สิคะ” เธอเดินเข้าไปในแสงตะวัน ในอากาศกรุ่นด้วยกลิ่นหอมของดอกไม้ เชิดหน้าขึ้นระบายลมหายใจยืดยาวออกมาอีกครั้ง แต่คราวนี้ดูจะเป็นความโล่งใจมากกว่า

“บอกตามตรงว่าฉันดีใจจริง ๆ ที่มันเสร็จสิ้นลงเสียได้ ปากคอแห้งผากไปหมด”

“งั้นเราไปหากาแฟกินกันดีกว่า” เขาชี้มือไปทางร้านที่อยู่ห่างออกไปหนึ่งช่วงตึก

“คุณจะรังเกียจไหมถ้าเราจะไปที่อื่น ตอนนี้ฉันกําลังเครียดมาก อยากจะไปที่ไหนสักแห่งเพื่อปล่อยอารมณ์ออกมา”

“ผมน่ะโอเคอยู่แล้วละ”

“ดี งั้นเอารถฉันไปก็ได้” เธอล้วงมือลงไปในกระเป๋าถือหยิบกุญแจรถออกมาเดินนําเขาไปยังรถยี่ห้อเอ็มจีรุ่นเก่า มันฉาบด้วยสีขาวทั้งคัน ส่วนเบาะเป็นสีแดงที่เหมาะสมกับเธอที่สุด

เธอเลื่อนตัวเข้าไปในที่นั่งหลังพวงมาลัย หันมาทางจอห์นที่ต้องหดขาเล็กน้อยเพราะที่นั่งตอนหน้าค่อนข้างแคบ

“นั่งหดขายังงั้นเมื่อยแย่” คิทเอ่ยลอย ๆ

“จะสบายกว่านี้ถ้าผมจะตัดขาจนถึงหัวเข่า” คําพูดของเขาทําให้ดวงตาเธอเป็นประกายพราวขึ้นด้วยแววหัวเราะ

“คุณเป็นคนมีอารมณ์ขันดีจังนะคะ ฉันขอแสดงความยินดีด้วย” เธอยิ้มเมื่อติดเครื่องขึ้น “ที่จริงคุณเลื่อนที่นั่งไปข้างหลังอีกหน่อยก็ได้ กดตรงปุ่มข้างเบาะนั่นแหละ”

“เจอแล้ว” เขาเลื่อนเก้าอี้ออกไปได้อีกสองนิ้วซึ่งก็พอจะช่วยให้นั่งได้สบายขึ้น

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel