บท
ตั้งค่า

บทที่ 11

เขาจุดบุหรี่มวนใหม่อัดควันลึกเข้าไปในปอด อดหงุดหงิดไม่ได้เมื่อคิดถึงว่าเธอทําให้เขามีความรู้สึกว่าตัวเองมีภาระหน้าที่รัดตัวอยู่อย่างแน่นหนา เวลานี้เขามีปัญหามากพออยู่แล้ว มากพอที่จะสร้างความกดดันให้เกิดขึ้นกับชีวิตทีเดียว ทางที่ดีเขาจะต้องหยุดคิดเรื่องเธอลงสักพักและตั้งใจกับงานที่จะต้องทําต่อไปดีกว่า ยังมีปัญหาเฉพาะหน้าให้ต้องแก้กันอีกมากมาย

ไว้ท์ ไล จะต้องเป็นภาพยนตร์ที่นําความสําเร็จมาสู่เขาจะต้องได้ความสําเร็จนั้นมาถ้าหวังจะมีชื่อเสียงต่อไปในข้างหน้า หลังจากที่ใช้ความพยายามมาอย่างมาก แต่ภาพยนตร์สองเรื่องที่เขาสร้างขึ้นมันก็กลายเป็นเศษฟิล์มดี ๆ นั่นเอง จริงอยู่ แม้ว่ามันจะเป็นหนังทําเงินได้ แต่ก็ยังไม่ได้มาตรฐานอย่างที่ฮอลลีวู้ดตั้งขึ้นไว้ ว่าหนังเรื่องใดก็ตามที่ไม่สามารถทําเงินได้ถึงหรือกว่าร้อยล้านแล้ว จะถือว่าเป็นหนังที่ประสบความสําเร็จไม่ได้

ถ้าไว้ท์ ไล ไม่สามารถทําเงินได้มาถึงขนาดนั้น ย่อมหมายความว่าเขาจะต้องสูญเสียอิทธิพลและชื่อเสียงที่ยังคงมีอยู่ลงอย่างแน่นอน ยิ่งกว่านั้นเขาอาจจะไม่มีปัญญาสร้างหนังเรื่องใหม่ขึ้นมาอีก และมันจะผลักดันให้เขาต้องกลับลงไปสู่จุดเดิม เพื่อจะดิ้นรนขวนขวายหาช่องทางกลับขึ้นมายืนอยู่ตรงจุดนี้ใหม่

ไคร้ส์... เขาคงทนไม่ได้ถ้าจะเห็นตัวเองต้องลงไปแสดงหนังโทรทัศน์เป็นตอน ๆ อีกครั้งเหมือนที่เบิร์ท เรโนลด์ เคยประสบปัญหาแบบเดียวกันนี้มาแล้ว

สีหน้าเขาเคร่งขรึมลงกว่าเดิม ดีดเถ้าบุหรี่ลงในที่เขียฟังสิ่งที่ชิพ โนแลน กับเอ๊บกําลังปรึกษาหารือกันอยู่ เสียงพูดของคนเหล่านั้นเตือนให้เขานึกถึงแรงกดดันที่ได้รับจากลาสซิเตอร์ นับแต่เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ จนกระทั่งถึงเรื่องใหญ่อย่างเช่นการเลือกตัวผู้กํากับ จากข้อบกพร่องในสคริพท์ไปจนกระทั่งถึงการเลือกโลเกชั่นเพื่อการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้

ลาสซิเตอร์...จอห์นมองไปทางบันได นึกถึงครั้งแรกที่เขาได้พบคิทในงานค็อคเทล ปาร์ตี้ที่ลาสซิเตอร์จัดขึ้นที่คฤหาสน์เบล แอร์...งานปาร์ตี้ที่จอห์นได้รับคําสั่งว่าให้ไปร่วมด้วย และเขาก็ยอมปฏิบัติตามคําสั่งของบุรุษผู้มั่งคั่งและมีอิทธิพลล้นฟ้าผู้นั้น...

แสงสว่างสาดส่องออกมาจากหน้าต่างทุกบานของคฤหาสน์ทรงอิตาเลี่ยน ซึ่งตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่บนเส้นทางคดเคี้ยวย่านเบลแอร์ คฤหาสน์ที่แฝงตัวอยู่เบื้องหลังกําแพงสูงลิบลิ่วและยังมีพุ่มไม้หนาทึบปิดกั้นไว้อีกชั้น

จอห์นหักพวงมาลัยพาเฟอรารี่คันงามวิ่งผ่านอ่างน้ำพุหลากสีซึ่งอยู่ด้านหน้าของตัวคฤหาสน์ไปหยุดอยู่ตรงประตู เมื่อก้าวลงจากรถเขาก็ยืนกุญแจให้กับพนักงานในชุดเครื่องแบบสีขาว เสียงเพลงในจังหวะร็อคดังมาจากบริเวณสระน้ำ ซึ่งอยู่ในสนามด้านหลัง คละเคล้าอยู่ด้วยเสียงพูดคุยเสียงหัวเราะของแขกเหรือที่ได้รับเชิญมาร่วมงาน เขาเหลือบตามองขึ้นไปยังระเบียงจูเลียตซึ่งอยู่ด้านหน้า ไม่สนใจกับเสียงยางที่ครูดกับพื้นถนนทางวิ่ง เมื่อพนักงานขับเฟอรารี่คันของเขาเข้าที่จอด ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนจะเดินเข้าไปภายใน

ชิพเดินดิ่งเข้ามาหาทันทีที่เขาเดินเข้าไปในห้อง และติดตามเขาโดยตลอดไม่เว้นแม้แต่เวลาที่เขาเดินทักทายผู้คนรอบข้าง

งานปาร์ตี้ครั้งนี้เป็นไปเช่นที่เขาคาดคิดไว้ เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายของแขกเหรื่อที่มาร่วมงานเป็นแฟนซีซึ่งมีทุกรูปแบบ ประตูกระจกแบบฝรั่งเศสที่เปิดออกสู่สนามด้านข้างเปิดกว้าง เปิดโอกาสให้แขกเหรื่อได้เดินทักทายสนทนากันอย่างเป็นอิสระ

เขาพบโนแลน วิล์คเกอร์ ที่บาร์ ทั้งสามคนจึงดื่มอยู่ด้วยกัน โดยย้ายที่จากตรงหน้าบาร์มาตรงมุมสงบของห้องรับแขก

“ผมว่าลาสซิเตอร์คงจะเทเหล้าลงในสระน้ำด้วยละมังคราวนี้” โนแลนผายมือไปทางประตูที่เปิดกว้าง “กลิ่นอายที่มันลอยเข้ามาทางประตูนั่น มันทําให้ผมเวียนหัวจะแย่อยู่แล้ว”

“แล้วเราก็ต้องอยู่ที่นั่นานสักเท่าไหร่ล่ะถึงจะกลับกันได้” ชิพถามอย่างเหนื่อยหน่าย

“เห็นจะยังหรอก” จอห์นคํานวณเวลาอยู่กับตนเองเหลือบไปเห็นลาสซิเตอร์ที่เดินแหวกผู้คนตรงเข้ามา “นั่นไง เจ.ดี.มาแล้ว”

แม้จะอยู่ในวัยหกสิบ แต่เจ.ดี.ลาสซิเตอร์ ก็ยังมีเรือนร่างสูงโปร่ง เดินเหินด้วยท่าทางสง่าน่าเกรงขาม ผิวพรรณค่อนข้างคล้ำเนื่องจากเป็นนักเล่นเรือยอร์ทช์ เรือนผมบนศีรษะเพิ่งจะมีสีเทาเงินแต่งแต้มขึ้นตรงจอนข้างหู

ในวัยหนุ่ม เขาประกอบธุรกิจด้านเภสัชกรรมอันเป็นธุรกิจของครอบครัว และสามารถทําให้มันกลายเป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ขึ้นมาได้ จากจุดนั้น เขาก็จับงานด้านประกันภัย แล้วก็คอมพิวเตอร์ งานการพิมพ์ งานด้านการสื่อสารโทรคมนาคม ธุรกิจการค้าน้ำมัน ค้าบ้านและที่ดิน จนมีบริษัทกว่าร้อยอยู่ใต้ร่มธงของลาสโก้ ซึ่งก็รวมทั้งธุรกิจในการสร้างภาพยนตร์คือบริษัทโอลิมปิค พิคเจอร์ ด้วย

ใครหลายคนต่างมองว่าเขาเป็นบุรุษผู้เหี้ยมเกรียม ไร้ความเมตตา เป็นเผด็จการ เจ้าเล่ห์ และคนหลงตัวเอง ส่วนคนที่ชื่นชมในความสามารถก็ยกย่องว่าเขาเป็นคนซื่อสัตย์สุจริตจริงใจ เป็นคนใจบุญชอบช่วยเหลือผู้ยากไร้ มีความรักในมนุษยชาติและเป็นบุคคลที่มีเสน่ห์เมื่ออยู่ใกล้

ซึ่งจอนั้นมีความคิดเห็นอยู่ว่า คํากล่าวทุกประการนั้นล้วนเป็นความจริงทั้งสิ้น เพียงแต่ว่ามันย่อมขึ้นอยู่กับสถานการณ์และสิ่งแวดล้อมด้วย

“ดีใจจริงที่พบหน้าพร้อมกันทั้งสามคน” เจ.ดี.ลาสซิเตอร์ เดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้า รอยยิ้มกว้างก็จริงแต่แววตาค่อนข้างชาเย็น “ว่าแต่ตอนนี้หาตัวนางเอกสําหรับหนังเรื่องใหม่ได้หรือยังล่ะ”

“เรายังทําออดิชั่นอยู่ครับ” จอห์นตอบทันที “ตอนนี้ยังไม่เห็นใครที่เหมาะสมกับบทบาทเลยสักคน แต่ต้องได้พบแน่”

“ถ้างั้นผมก็มีข่าวดีจะบอกพวกคุณนะ” ลาสซิเตอร์ประกาศ

“ก็ดีสิครับ เราจะได้รับไว้พิจารณา” จอห์นยกแก้วในมือขึ้นแสดงความยินดีกับข่าวที่จะได้รับฟัง

“แคธลีน เทอร์เนอร์ จะมีเวลาว่างให้เราตลอดเดือนมีนาเลย แล้วเธอก็ชอบสคริพท์เรื่องนี้มากด้วย ผมคิดว่าเราน่าจะติดต่อเซ็นสัญญากับเธอ...”

“ในบทไหนล่ะครับ” ชิพเอ่ยถามออกไปทันที

“อ้าว ก็ตัวนางเอกน่ะสิ”

“แต่แคธลีนไม่เหมาะที่จะเล่นเป็นอีเด็นหรอกครับ” ซิพส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วย “ไม่เหมาะสมกับบทบาทที่กําหนดไว้ในเรื่องนั้นแน่”

“แคธลีนน่ะเรอะไม่เหมาะสมกับบทบาทในเรื่องนั้น” ลาสซิเตอร์เน้นเสียงถามอย่างไม่พอใจ “นี่เรากําลังพูดกันถึงแคธลีน เทอร์เนอร์ นะ ไม่ใช่นางเอกคนอื่น”

“ผมไม่สนใจหรอกว่าคุณจะพูดถึงแคธลีน เทอร์เนอร์ หรือว่าราชินีชีบา แต่ถึงยังไงผมก็ขอยืนยันว่าเธอไม่เหมาะกับบทบาทนั่นแน่” ชิพเน้นย้ำอย่างหัวรั้น “อีเด็นจะต้องมีลักษณะเป็นคนข้างลึกลับ มีเสน่ห์เย้ายวนใจอย่างล้ำลึกที่ยากสําหรับใครจะค้นพบ คนที่ผมต้องการจะตองเป็นคนที่ไม่จําเป็นต้องมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักของใครก็ได้ ไม่ใช่นักแสดงที่รับแสดงมันทุกบทบาทเปรอะไปหมด”

“คุณต้องการนางเอกหน้าใหม่ที่ไม่มีใครรู้จักเลยงั้นเรอะ...ทั้ง ๆ ที่ตอนนี้คุณมีโอกาสจะได้ตัวแคธลีนมาแสดงให้กับเรา คุณยังต้องการคนหน้าใหม่อีกงั้นเรอะ” ลาสซิเตอร์ถามเสียงกร้าวก่อนจะหันมาทางจอห์น “นี่...คุณเคยอธิบายความจริงในชีวิตให้เขาฟังบ้างหรือเปล่าเทรวิส”

“ผมก็พยายามแล้วละ”

“ผมว่าคุณน่าจะใช้ความพยายามให้มากขึ้นนะ และขณะที่ทําหน้าที่นั้นอยู่ ก็จงอย่าลืมที่จะเตือนให้เขารู้ด้วยว่า นี่มันไม่ใช่หนังที่จะสร้างขึ้นอย่างชุ่ย ๆ แบบหนังของตัวเขาเอง” เขาตั้งท่าจะเดินออกจากที่นั้น แต่แล้วก็หยุดอยู่ ยกมือขึ้นชี้หน้าชิพ

“เอาละ ผมให้เวลาคุณสองอาทิตย์สําหรับหาตัวแม่สคาร์เล็ตคนนั้น ถ้าถึงสองอาทิตย์แล้วคุณยังหาไม่ได้ผมจะเซ็นสัญญากับแคธลีน เทอร์เนอร์” พูดจบเขาก็เดินออกจากที่นั้นไป

“เขาจะทํายังงั้นไม่ได้...” ชิพนั้นทั้งหน้าตาเนื้อตัวแดงก่ำ... “เขาไม่มีสิทธิ์ที่จะ...”

“ผมว่าคุณเข้าใจผิดเสียแล้วละชิพ อย่าลืมนะว่าเขาถือเงินห้าสิบล้านไว้ในมือ” จอห์นกระดกเหล้าเข้าปาก

ถ้าเป็นเมื่อสองปีก่อน จะไม่มีใครกล้าที่จะมายื่นคําขาดเช่นนี้ใส่หน้าเขาแน่ และจะไม่บังอาจวิจารณ์การเป็นผู้กํากับของเขาด้วย แต่วันนี้เขาจําเป็นจะต้องยืนอยู่ตรงนี้และกล้ำกลืนมันลงด้วยความเจ็บปวดอย่างที่สุด ความคิดดังกล่าวทําให้เหล้าแทบจะกระอักออกมา

ชิพวางแก้วเหล้าลงในถาดที่บริกรเดินถือผ่านมา เดินปึงปังออกจากที่นั้นและจอห์นก็ไม่คิดจะยับยั้งเขาไว้

“ไม่มีธุรกิจไหนที่มันจะยากเย็นเท่ากับธุรกิจการทําหนังอีกแล้วคุณว่าไหม” โนแลนกลิ้งก้อนน้ำแข็งในแก้วอย่างใจลอย “อาจจะเป็นเพราะยังงี้ละมั้งผมถึงไม่ชอบกีฬาไต่ลวดมาตั้งแต่เล็ก ๆ”

“โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันไม่มีตาข่ายซึ่งรองรับอยู่ข้างล่าง”

“ถูกต้อง” โนแลนยกแก้วในมือขึ้นจิบ “คุณเตรียมจะกลับแล้วหรือนั่น”

“จะไปได้ยังไงกันเล่า” จอห์นพูดเสียงเครียด “งานนี้ลาสซิเตอร์เป็นคนสั่งให้ผมมา เพราะฉะนั้นเบื่อแค่ไหนก็ต้องอยู่”

คําพูดของเขาทําให้โนแลนหัวเราะลึกอยู่ในลําคอ

“ที่จริงผมก็ชอบการทําตัวแบบคุณอยู่เหมือนนะจอห์น เทรวิส” เขากลิ้งก้อนน้ำแข็งในแก้วเล่นอีกครั้ง “ชอบมากจริง ๆ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel