แป้งรากบัว
ส่วนไหนที่ต้องซ่อมแซมโจวอู๋หลางก็ลงมือทำด้วยตนเอง โดยมีโจวเทียนคอยเป็นลูกมืออยู่ข้างๆ
สองวันเรือนหลังใหม่ของชิงหลิงนางก็พร้อมให้เข้าอยู่ เมื่อชาวบ้านเห็นโจวอู๋หลางขับเกวียนไปขนของบุตรสาวมาที่เรือนหลังเก่าของบ้านตู้ก็รู้ได้ทันทีว่าชิงหลิงนางหย่ากับจ้าวเจ๋อหยวนแล้ว
ทุกคนต่างยินดีที่เจ๋อหยวนหลุดพ้นจากชิงหลิงได้เสียที ไม่มีผู้ใดที่เห็นใจนางสักคน ชิงหลิงนางก็ไม่ได้สนใจว่าผู้ใดจะพูดเช่นไร
เมื่อขนของเขาไปในเรือนเรียบร้อยแล้ว ชิงหลิงนางก็ลงมือทำอาหารด้วยตนเอง ทั้งยังให้โจวเทียนไปซื้อเนื้อหมูมาด้วย
โจวเทียนนึกถึงรสชาติของน้ำซุปที่พี่สาวทำให้ครั้งนั้นก็ขอกระดูกหมูที่คนขายเนื้อจะเอาไปทิ้งกลับมาให้พี่สาวด้วย
ชิงหลิงนางต้มพะโล้หมูให้ทุกคนได้กิน น้ำแกงที่ส่งกลิ่นหอมจากเรือนหลังใหม่ของชิงหลิงทำให้ชาวบ้านที่เรือนข้างเคียงถึงกับต้องชะเง้อมองว่านางทำอะไรกินเหตุใดถึงได้มีกลิ่นหอมมากเพียงนี้
จ้าวเยี่ยนกินไข่พะโล้กับข้าวโดยราดน้ำแกงลงไปขย้ำกับข้าวด้วย เขากินมื้อนี้ไปถึงสองชาม ไม่ต่างจากโจวเทียนที่เขากินข้าวได้ถึงสามชามจนต้องนอนแผ่กับพื้น เพราะแน่นท้องจนลุกเดินไม่ไหว
“พี่หญิงท่านน่าจะไปทำขายนะขอรับ” โจวเทียนแม้ท้องจะอิ่มแล้ว แต่เมื่อนึกถึงรสชาติของพะโล้ที่พี่สาวเขาเรียกก็แลบลิ้นออกมาเลียริมฝีปาก เพราะอยากจะกินอีก
“ขายของกินเหนื่อยเกินไป อีกอย่างถ้าข้าไปขายผู้ใดจะดูแลอาเยี่ยน” นางลูบหัวบุตรชายอย่างรักใคร่
“แล้วต่อไปเจ้าจะทำอันใด” จงเยว่อดเป็นห่วงนางไม่ได้
“ข้ากำลังคิดจะทำการค้าเจ้าค่ะ แต่ต้องดูก่อนว่าจะทำสิ่งใดได้บ้าง” ชิงหลิงนางรู้วิธีทำของตั้งหลายอย่าง แต่ต้องดูว่านางจะหาของมาทำได้หรือไม่
“ท่านพ่อที่หมู่บ้านของเรามีดอกบัวหรือไม่เจ้าคะ” นางกำลังหาวิธีคุมน้ำหนักของนางก็นึกถึงแป้งที่ทำมาจากรากบัวจึงได้เอ่ยถามบิดา
“บึงน้ำ ฝั่งเหนือมีดอกบัวขึ้นอยู่เต็มไปหมด เจ้าจะทำอันใด”
ชิงหลิงนางจึงคิดจะไปดูเสียก่อน นางบอกบิดามารดาเรื่องที่นางจะนำรากบัวมาทำอาหารและทำแป้ง ส่วนดอกบัวกลีบของมันนางจะเอามาตากแห้งเก็บไว้เป็นชาดื่ม
“เจ้ารู้เรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร” จงเยว่อดที่จะเอ่ยถามไม่ได้
บุตรสาวของนางไม่เคยออกไปที่ไหนไกลจากหมู่บ้านและตัวเมือง อีกอย่างนางไม่ใช่คนที่ศึกษาตำราหาความรู้จึงแปลกใจที่นางรู้เรื่องมากเช่นนี้
ชิงหลิงเมื่อรู้ว่าหากนำความสามารถออกมาใช้สักวันครอบครัวของนางก็ต้องรู้เรื่องเข้า นางจึงได้บอกเรื่องที่เกิดขึ้นกับนาง หลังจากที่นางสำลักอาหาจนวิญญาณหลุดออกจากร่างไปในที่ที่เจริญกว่านี้มากนัก
ในตอนแรกนางคิดว่านางจะตายเสียแล้ว แต่เมื่อตื่นขึ้นมา นางก็รู้ว่าสมควรเปลี่ยนแปลงตนเอง โดยไม่อยู่เรือนเพื่อเฝ้ารอเจ๋อหยวนอีกต่อไป
จงเยว่ฟังเรื่องร้ายของบุตรสาวนางก็ร่ำไห้ออกมาตัวโยนอย่างปวดใจ นางไม่ไปดูเพียงไม่กี่วัน ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องร้ายกับบุตรสาวเช่นนี้
อู๋หลางกับโจวเทียนก็มีความรู้สึกไปต่างจากมารดาเพียงแต่เขาไม่ได้ร้องไห้ออกมาก็เท่านั้น
จงเยว่กอดบุตรสาวแน่นยิ่งรู้ว่าเกือบจะสูญเสียนางไปแล้ว ก็เหมือนจะยิ่งร้องไห้หนักเข้าไปอีก
“ท่านพ่อ ท่านแม่ ข้าในตอนนี้ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ต่อไปข้าจะกตัญญูต่อพวกท่านให้มากๆ เจ้าค่ะ”
อู๋หลางพยักหน้าอย่างยินดี เขาช่วยเหลือบุตรสาวมาตลอด นับจากนี้ไม่ว่าเรื่องอันใดเขาก็จะช่วยเหลือนางต่อไป
เจ๋อหยวนนอนอยู่ในห้องพักมองหนังสือหย่าในมืออย่างครุ่นคิด เขารู้สึกว่าเรื่องนี้แปลกประหลาดเกินไป แต่ไม่รู้ว่าแปลกตรงที่ใด ก่อนจะเก็บไว้ด้านล่างของหีบเสื้อผ้า
ไว้กลับหมู่บ้านครั้งหน้าเขาจะไปหาคำตอบเรื่องนี้อีกครั้ง แต่เขาก็ยังอดคิดไม่ได้ว่า สตรีเช่นชิงหลิง คงทนได้อีกไม่กี่วันต้องมาหาเพื่อขอร้องถึงในเมืองเป็นแน่
ชิงหลิงนางไม่เคยคิดเรื่องที่เจ๋อหยวนกังวลว่านางจะไปขอร้องเขาเลย ในตอนนี้แต่ละวันของนางล้วนแต่ยุ่งยาก ตารางการทำงานของนางแน่นจนไม่มีเวลาสนใจเรื่องอื่น
นางให้บิดาพาไปที่บึงบัวแต่เช้า โดยฝากจ้าวเยี่ยนไว้กับมารดา ชิงหลิงอ้าปากค้างมองบึงบัวตรงหน้าอย่างตกตะลึง แล้วนางจะลงไปเก็บรากบัวได้อย่างไร
อู๋หลางเห็นสภาพบุตรสาวแล้วเขาก็รู้ว่านางคงลงไปในน้ำไม่ไหว เขาจึงลงไปแล้วให้นางบอกจะเอาสิ่งใด
ชิงหลิงนางก็ร้องบอกสิ่งที่นางต้องการให้บิดารู้ อู๋หลางก็เก็บผิดอยู่หลายครั้ง เมื่อรู้ว่าอยู่ส่วนในของดอกบัวไม่นานเขาก็เก็บขึ้นมาให้ชิงหลิงนางมากมาย
ชิงหลิงต้องเดินไปกลับเรือนเพื่อขนรากบัวไปไว้ที่เรือนถึงสามรอบจนครบหมด นางยังได้ดอกบัวกลับมาที่เรือนเพื่อทำชาเก็บไว้ดื่มอีก
ชิงหลิงนำรากบัวที่ได้มาไปล้างจนสะอาด ทั้งยังหั่นเป็นชิ้นเตรียมไว้ นางเอาไปตำจนละเอียดแล้วเอาไปแช่น้ำ ทิ้งไว้จนน้ำใส ด้านล่างที่ตกตะกอนก็คือสิ่งที่นางต้องการ ชิงหลิงนำตะกอนทั้งหมดเทลงในผ้าขาว แล้วนำไปตากแดดไว้ เพียงเท่านี้นางก็จะได้แป้งที่มาจากรากบัวเพื่อนำมากินแทนข้าวเย็นแล้ว
ทุกขั้นตอนที่นางทำล้วนแต่มีมารดาและโจวเทียนที่กลับมาจากสำนักศึกษาคอยช่วยเหลืออย่างเต็มที่
จ้าวเยี่ยนก็เป็นเด็กดี เล่นอยู่ใกล้ๆ ไม่ให้นางต้องคอยดูแล