เสนอขายสบู่
จงเยว่อ้าปากค้าง บุตรสาวของนางจะเอาไปทำอันใดมากมายเพียงนั้น
“พรุ่งนี้แม่จะพาเจ้าไปก็แล้วกัน” ดอกไม้ที่จงเยว่นางเอ่ยถึงล้วนอยู่รอบๆ เขา ชิงหลิงนางจึงคิดว่านางคงไปเก็บมาด้วยตนเองเสียก่อน
“หลิงเออร์ เจ้าซูบผอมลงไปเยอะนัก ซื้อเสื้อผ้าใหม่ดีหรือไม่” จงเยว่มองบุตรสาวอย่างเป็นห่วง
“ไม่ต้องเจ้าค่ะ ข้าว่าจะนำชุดเดิมมาเย็บให้เล็กลง แต่ก็ยังไม่มีเวลา จึงยังไม่ได้จัดการ”
“เช่นนั้นเจ้าก็นำมาให้แม่ แม่มิได้ทำอันใด จะทำให้เจ้าเอง” ชิงหลิงนางเข้าไปสวมกอดมารดาอย่างรักใคร่
จะมีบิดามารดาเรือนใดที่ดีเช่นบิดามารดานางคงหาไม่พบอีกแล้ว บุตรสาวที่แต่งออกไปแล้ว ทั้งคู่ก็ไม่เคยคิดจะทอดทิ้งนางสักครั้ง
“ไป ไป กลับไปเอามาเสียเลย” ชิงหลิงพยักหน้ารับ เมื่อมารดาเอ่ยไล่ให้นางรีบกลับไปเอาเสื้อผ้ามาให้นาง
ทางด้านจ้าวเจ๋อหยวนก็ไปหาสหายที่ร้านของเขาทันที เพื่อนำสบู่ไปเสนอขาย
“นี่คือสิ่งใดหรือ” ฟู่จิ้งเปิดห่อของที่จ้าวเจ๋อหยวนนำมาให้เขาดูอย่างประหลาดใจ
กลิ่นหอมที่แม้แต่ยังไม่แกะกระดาษห่อออกก็ได้กลิ่นดอกเหมยกุ้ยแล้ว
“สบู่ ข้าจะมาฝากร้านเจ้าขาย แต่จะให้เจ้าได้ลองใช้เสียก่อน”
ฟู่จิ้งขยับตัวอย่างสนใจ ถึงแม้ร้านของเขาจะเป็นร้านเก่าแก่ที่เปิดมานานแล้ว แต่เมื่อไม่มีสนค่าใหม่เช่นร้านที่มาจากเมืองหลวง ลูกค้าจึงเข้ามาในร้านน้อยลง จนบิดามารดาของเขาก็คิดจะเลิกทำการค้าเสียแล้ว
จ้าวเจ๋อหยวนให้คนงานในร้านของฟู่จิ้งนำอ่างน้ำเข้ามาเพื่อทดสอบให้ดูว่าใช้เช่นไร
ฟู่จิ้งทำตามคำแนะนำของจ้าวเจ๋อหยวน เขาล้างมือให้เปียกก่อนจะใช้สิ่งที่เรียกว่าสบู่ถูจนเกิดฟอง แล้วถูไปที่มืออยู่ครู่จึงล้างออก
“ประหลาดนัก ข้าไม่เคยพบเห็นมาก่อน เจ้าเอามาจากที่ใด”
ฟู่จิ้งมองมือที่ถูกล้างจนสะอาดแล้วอย่างแปลกใจ กลิ่นของเหมยกุ้ยที่อยู่ในสบู่ยังติดอยู่ที่มือของเขาแม้จะล้างออกไปแล้ว
ไม่รู้ว่าหากนำมาใช้อาบน้ำเช่นจ้าวเจ๋อหยวนบอก กลิ่นของดอกเหมยกุ้ยจะหอมติดกายมากเพียงใด
“เจ้าจะขายราคาเท่าใด” ฟู่จิ้งเอ่ยถามอย่างกระตือรือร้น
“สองตำลึงต่อก้อน”
“แพงเกินไปหรือไม่” ฟู่จิ้งเอ่ยร้องเสียงดังออกมา
เพราะสบู่ในมือของเขาหนาเพียงหนึ่งชุ่นกว้างสามชุ่นเท่านั้น
“เจ้ารู้หรือไม่กว่าจะออกมาเป็นสบู่ที่เจ้าเห็นภรรยานางต้องใช้เวลามากเพียงใด ของที่ใช้ทั้งหมดก็ล้วนเป็นเงินเก็บของข้าที่หามาได้ทั้งสิ้น” จ้าวเจ๋อหยวนแสร้งทำสีหน้าลำบากใจ
“เช่นนั้น ข้าคงต้องนำไปถามที่ร้านอื่นเสียแล้ว”
“ได้ ได้ เจ้านำมาให้ข้าอย่างละยี่สิบก้อนก่อน หากขายได้ ค่อยมาทำสัญญากันอีกครั้ง”
จ้าวเจ๋อหยวนยกยิ้มให้สหายอย่างพอใจ ก่อนที่จะกลับหมู่บ้านเพื่อนำข่าวดีไปบอกชิงหลิง
“ประเดี๋ยวก่อน เมื่อครู่เจ้าเรียกนางว่าภรรยาอย่างนั้นหรือ” ฟู่จิ้งเหมือนจะฉุกคิดคำพูดของจ้าวเจ๋อหยวนขึ้นมาได้
“ใช่ นางเป็นภรรยาข้า ไม่ให้ข้าเรียกเช่นนี้ จะให้เรียกว่าอันใด” จ้าวเจ๋อหยวนมองสหายที่ยืนเบิกตากว้างมองเขาราวกับมองคนโง่ ก่อนจะเดินออกจากร้านของฟู่จิ้งไป
“เกิดอันใดขึ้นกับสหายของข้ากัน” ฟู่จิ้งมองตามแผ่นหลังของจ้าวเจ๋อหยวนไปอย่างไม่อยากเชื่อว่าจะได้ยินเขาพูดเช่นนี้
จ้าวเจ๋อหยวนไม่เคยเอ่ยถึงชิงหลิงต่อหน้าสหายเลยสักครั้ง หากมีผู้ใดเอ่ยถามเรื่องนางจากเขา หากไม่ถูกสายตาที่มองอย่างดุร้ายก็จะพูดถึงนางที่เป็นสตรีร้ายกาจ ไร้ยางอายเสมอ
เมื่อกลับมาถึงเรือนตระกูลโจว จ้าวเจ๋อหยวนก็บอกเรื่องที่สหายของตนต้องการซื้อในครั้งแรกถึงสี่สิบก้อนให้ชิงหลิงและคนตระกูลโจวฟัง
“ได้มากเพียงนี้เลยหรือ” จงเยว่กับอู๋หลางร้องออกมาอย่างไม่อยากเชื่อ
ว่าสบู่ของบุตรสาวที่ก้อนเล็กเพียงเท่านี้ จะขายได้ก้อนละสองตำลึงเงินเลยทีเดียว
“เช่นนั้นข้ากลับเรือนก่อนนะเจ้าค่ะท่านพ่อ ท่านแม่” ชิงหลิงนางรีบกลับเรือนอย่างรีบร้อน เพราะต้องไปห่อสบู่เพื่อให้จ้าวเจ๋อหยวนนำไปส่งให้สหายในวันพรุ่งนี้
“เจ้าอยากจะไปด้วยกันหรือไม่” เขาเอ่ยถามชิงหลิงตอนที่ทั้งคู่กับลังนั่งห่อสบู่อยู่ด้วยกัน โดยมีจ้าวเยี่ยนคอยนั่งเล่นอยู่ไม่ห่าง
“ไม่เจ้าค่ะ พรุ่งนี้ข้าจะขึ้นเขาไปดูดอกไม้กับท่านแม่”
“เหตุใดไม่รอข้ากลับมาก่อนเล่า”
“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ท่านแม่บอกดอกไม้ที่ข้าอยากได้อยู่เพียงรอบนอกภูเขาเท่านั้น”
“เช่นนั้นก็ตามใจเจ้า” เขามองนางอย่างลุ่มลึก
“ท่านมองอันใด” ชิงหลิงเอ่ยถามอย่างประหลาดใจ
วันนี้ทั้งวัน เขาเอาแต่พูดแปลกๆ กับนาง ทั้งยังไม่ยอมให้พูดคุยกับบุรุษในหมู่บ้าน แล้วยังมาชวนนางไปในเมืองด้วยกันเสียอีก
“ไม่มีอันใด” จ้าวเจ๋อหยวนก้มหน้าลงห่อสบู่เช่นเดิม เพื่อซ่อนสายตาไม่ให้นางได้เห็น
ชิงหลิงนางก็เลิกสนใจตัวเขา ก่อนจะบอกให้เขาซื้อน้ำมันกลับมาให้นางมากหน่อยอีกด้วย
รุ่งเช้าอู๋หลางก็ขับเกวียนวัวมาที่เรือนของบุตรสาว เพื่อพาจ้าวเจ๋อหยวนเข้าไปส่งสบู่ในเมือง เพราะต้องซื้อน้ำมันกลับมาด้วย ชิงหลิงนางจึงไปบอกบิดาที่เรือนให้ช่วยพาเจ๋อหยวนเข้าเมืองในวันนี้
เมื่อยกสบู่ขึ้นเกวียนวัวเรียบร้อยแล้ว ชิงหลิงนางก็ยืนมองส่งบิดากับเจ๋อหยวนเคลื่อนเกวียนวัวออกไป นางกับมารดาก็พาจ้าวเยี่ยนไปเก็บดอกไม้ด้วยกัน
ครั้งนี้ชิงหลิงนางไม่ได้เหนื่อยกับการเดินเช่นครั้งที่แล้วที่มากับจ้าวเจ๋อหยวน นางคล่องตัวขึ้นเยอะ เพียงไม่นานทั้งสามก็มาถึงดงดอกไม้ที่ขึ้นอยู่เต็มไปหมด
ชิงหลิงนางลงมือเก็บอย่างรวดเร็ว จงเยว่และจ้าวเยี่ยนก็ช่วยนางเก็บด้วย จ้าวเยี่ยนใช้มือน้อยๆ ของเขา เด็ดดอกที่เขาสามารถเอื้อมถึงได้
เมื่อเต็มทั้งสองตะกร้าทั้งหมดจึงพากันกลับไปที่เรือนของชิงหลิง
ก่อนจะล้างแล้วเริ่มนำน้ำมันงาที่เหลือออกมาตุ๋นดอกไม้ที่เก็บมาอีกครั้ง
ครั้งนี้ชิงหลิงนางตุ๋นสองเตาพร้อมกัน เพราะเริ่มจับทางได้ถูกแล้ว นางตุ๋นน้ำมันดอกโม่ลี่เสร็จเกวียนวัวของอู๋หลางก็มาจอดที่หน้าเรือน
ทั้งหมดจึงได้เดินไปยกน้ำมันที่จ้าวเจ๋อหยวนซื้อกลับมานับสิบไหเข้ามาเก็บด้านในเรือน ชาวบ้านต่างพากันชะเง้อคอมอง เพราะไม่รู้ว่าเรือนของชิงหลิงนางทำอันใด ถึงได้ซื้อน้ำมันมามากเพียงนี้