ท่านทำกินได้หรือ
ชาวบ้านมองสองแม่ลูกที่เดินไปหัวเราะไปด้วยอย่างแปลกใจ นี่เป็นวันที่สองที่ชิงหลิงนางออกมาจากเรือนติดๆ กันอย่างหาได้อยาก
บางคนยังเอ่ยถามอย่างอยากรู้ว่าทั้งคู่จะไปที่ใด ไม่ผิดจากที่เขาคาด นางสองแม่ลูกจะไปที่ใดได้นอกจากไปขอข้าวที่เรือนบิดามารดากิน
ชิงหลิงนางได้ยินทุกคำที่ชาวบ้านนินทา มีแต่คนที่สงสารเจ๋อหยวน เหตุใดถึงไม่สงสารชิงหลิงที่นางถูกทอดทิ้งให้อยู่ที่เรือนเพียงสองคนแม่ลูกบ้าง
เรื่องนี้ทำให้ชิงหลิงที่อารมณ์ดีหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก
จงเยว่ที่ทำงานอยู่หน้าเรือน เห็นบุตรสาวพาหลานชายมาก็เปิดรับอย่างรวดเร็วก่อนที่นางจะหันหลังเพื่อเข้าครัวไปหาของกินให้ทั้งคู่
“ท่านแม่ ท่านจะไปที่ใด” ชิงหลิงเอ่ยถามอย่างแปลกใจ
“ไม่ใช่พวกเจ้ามากินข้าวหรือ”
ชิงหลิงกลอกตา แม้แต่มารดาของนางก็คิดไม่ต่างจากชาวบ้าน
“ท่านแม่ ข้าสองคนกินมาแล้วเจ้าค่ะ ที่มาวันนี้มีเรื่องจะให้ท่านพ่อช่วยเจ้าค่ะ”
จงเยว่พยักหน้าอย่างเข้าใจมีเรื่องใดบ้างที่บุตรสาวไม่มาขอความช่วยเหลือจากพวกนาง
“บิดาเจ้าไปนา ประเดี๋ยวตะวันตรงหัวก็คงกลับ เจ้ามีเรื่องอันใดเล่า”
“ข้าอยากซื้อแม่แพะที่เพิ่งคลอดลูกเจ้าค่ะ” ชิงหลิงนางจึงบอกเรื่องที่อยากได้นมแพะมาให้จ้าวเยี่ยนกิน เพราะเขาตัวเล็กเกินไป
“จะไปหาอื่นเพื่ออันใด มา ตามแม่มา”
จงเยว่เดินนำบุตรสาวไปที่หลังเรือน ด้านหลังของเรือนตระกูลโจวมีทั้งคอกแพะ เล้าไก่ วัวเทียมเกวียน ชิงหลิงพยักหน้าอย่างยินดี
อย่างน้อยก็ไม่ต้องเสียเงินซื้อ เพียงแค่เดินมากหน่อยเท่านั้น
จงเยว่จึงเข้าไปที่คอกแพะเพื่อรีดนมให้บุตรสาวหนึ่งถัง ชิงหลิงเมื่อเห็นว่านมมีมากเกินกว่าที่จะกินเพียงวันสองวันหมดนางจึงคิดจะทำอย่างอื่นให้จ้าวเยี่ยนได้กินด้วย
“ท่านแม่ครั้งหน้าท่านไม่ต้องรีดมามากเพียงนี้นะเจ้าค่ะ ข้าจะมาเอาทุกวัน เพียงสองชามก็พอแล้ว” จงเยว่พยักหน้ารับ
เห็นบุตรสาวหันกลับมาสนใจตัวเองและหลานชายนางจะไม่ยินดีได้อย่างไร
“ท่านแม่ ท่านไปซื้อของกับข้าได้หรือไม่”
“เจ้าอยากได้อันใดเล่า ในเรือนแม่ก็มีเสียทุกอย่าง”
"ข้าจะมาขอแต่ของของท่านได้อย่างไร ข้าออกเรือนไปแล้วนะเจ้าค่ะ” เพียงแค่เดินมาชาวบ้านก็นินทาตามหลังนางมาแล้ว
“เช่นนั้นก็ไป แม่จะพาไป” จงเยว่อดจะมองบุตรสาวอย่างภูมิใจไม่ได้ ในที่สุดนางก็คิดได้เสียที
ทั้งสามหิ้วถังนมไปด้วย เพราะร้านขายของไปทางเดียวกับเรือนของชิงหลิง นางจะได้ไม่ต้องย้อนกลับมาเอาอีก
ชิงหลิงนางซื้อเครื่องปรุง อย่างละไม่มาก ถึงยังซื้อไข่ เนื้อหมู กระดูกหมู ตอนที่นางจะสั่งให้คนขายหยิบเมล็ดผักให้นางก็ถูกจงเยว่ร้องห้ามไว้ เพราะที่เรือนของนางมี ตอนโจวเทียนกลับมาจะให้เขาเอาไปให้
ในตอนแรกจงเยว่นางคิดว่าชิงหลิงให้นางมา เพราะให้ตามมาจ่ายเงิน แต่เมื่อคิดเงินนางกลับยื่นเงินในมือของนางจ่ายไปแทน
จงเยว่มองบุตรสาวอย่างรักใคร่ ชิงหลิงไม่ทันเห็นว่านางปาดน้ำตาที่หางตาทิ้ง เพื่อดีใจที่บุตรสาวไม่เหมือนเช่นเดิมอีกแล้ว
ชิงหลิงนางแยกกับมารดาที่ร้านขายของเลย เพราะไม่อยากให้มารดาต้องไปส่งที่เรือน และเดินกลับเพียงลำพัง
จงเยว่เมื่อกลับถึงเรือนนางก็ร้องไห้ออกมาอย่างดีใจ ตั้งแต่แต่งเข้าตระกูลจ้าวบุตรสาวก็แทบจะมารบกวนพวกนางอยู่ตลอด ทั้งนางยังคอยไปทำความสะอาดเรือน ซักผ้า ทำอาหารให้อยู่บ่อยครั้ง
เห็นนางเปลี่ยนไปเช่นนี้ก็อดจะดีใจจนหลั่งน้ำตาออกมาไม่ได้ โจวอู๋หลางที่กลับเรือนมากินข้าวกลางวัน เห็นภรรยานั่งร้องไห้ก็คิดว่าถูกบุตรสาวทำให้ช้ำใจอีกแล้ว
แต่เมื่อรู้เรื่องทั้งคู่กับกอดกันร้องไห้ออกมา เมื่อเป็นเช่นนี้พวกเขาก็ตายหลับได้แล้ว
ชิงหลิงนางไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นหรือความคิดของบิดามารดา เมื่อกลับถึงเรือนก็เตรียมทำอาหารให้บุตรชายทันที
เนื้อหมูที่ซื้อมา ส่วนที่เป็นมันนางก็นำไปเจียวเพื่อเก็บน้ำมันไว้ใช้ ส่วนที่เป็นกากหมูนางก็ทำเกลือโรยเพื่อให้บุตรชายได้กินเล่น
กระดูกหมูนางก็ล้างจนสะอาดก่อนที่จะนำไปต้มเคี่ยวเป็นซุป หากมีตู้เย็นก็คงเก็บไว้เป็นน้ำสต๊อกได้ ชิงหลิงนางต้มทิ้งไว้เป็นเวลานาน เพื่อให้สารอาหารที่ออกมาอยู่ในน้ำซุปให้ได้มากที่สุด
เนื้อที่ติดอยู่ที่กระดูกก็ไม่ใช่น้อย มื้อนี้นางต้มนมแพะกับน้ำตาลเพิ่มให้จ้าวเยี่ยนก็พอแล้ว ทำครั้งเดียวกินไปได้สองถึงสามมื้อเลยทีเดียว
ทุกครั้งที่ชิงหลิงนางเข้าครัวนางจะฮัมเพลงอย่างมีความสุข จ้าวเยี่ยนน้อยก็เผลอโยกหัวตามจังหวะเพลงที่มารดาฮัมไปด้วย
หากใครเข้ามาเห็นภาพนี้คงได้มองอย่างตกตะลึง เช่นเดียวกับโจวเทียนที่เอาของมาให้พี่สาวอีกตามเคย
เขาแทบไม่เคยเห็นมุมนี้ของพี่สาวนับตั้งแต่นางออกเรือนมา จนอดที่จะหยุดยืนมองอย่างเหม่อลอยไม่ได้
พี่เขยของเขา เมื่ออยู่ที่สำนักศึกษาก็แทบจะทำเป็นไม่รู้จักเขา ไม่รู้ว่ามีดีอันใดพี่สาวของเขาจึงปักใจเช่นนี้ หากบอกว่านางหลงรูปก็คงไม่ผิดนัก
“อาเทียนวันนี้กินข้าวกับข้าดีหรือไม่” นางหันมามองบุตรชายจึงเห็นว่าโจวเทียนหยุดมองนางอยู่
“ท่านทำกินได้หรือ” เขาเปลี่ยนท่าทางไปทันที
“เหอะ ไม่เชื่อเจ้ามาลองกินดู” ชิงหลิงนางอยากจะอวดฝีมือนางอยู่แล้วยิ่งได้ฟังคำของโจวเทียนก็ยิ่งอยากให้เขาลอง