จ้าวเจ๋อหยวนกลับเรือน
โจวเทียนที่กำลังจะปฏิเสธ เมื่อเห็นสายตาของพี่สาวที่มองมาอย่างคาดหวังเขาก็จำต้องเดินเข้าไปกินอาหารฝีมือนางอย่างเลี่ยงไม่ได้
“เป็นเช่นใด” ชิงหลินนางก็ไม่มั่นใจเช่นกัน เพราะเครื่องปรุงที่มีอย่างจำกัด นางอาจจะทำไม่อร่อยก็ได้
"อร่อย" โจวเทียนจากที่ตัดน้ำซุปใส่ถ้วยเพียงช้อนเดียวก็ตักเพิ่มจนเต็มชาม ทั้งยังซดจนหมดในทีเดียวเลยด้วย
“เอากลับไปให้ท่านพ่อท่านแม่ด้วย” ชิงหลิงนางกระตือรือร้นหาถ้วยที่มีฝาปิดมาใส่อย่างรวดเร็ว
โจวเทียนเมื่อนำของให้พี่สาวเสร็จแล้ว เขาก็รีบนำอาหารของชิงหลิงไปให้บิดามารดาได้ลองกินตอนที่มันร้อนๆ
“หือ อร่อย” จงเยว่ที่ลองกินเป็นคนแรกก็ร้องขึ้นอย่างประหลาดใจ
โจวอู๋หลางที่ไม่เชื่อนางก็ลองตักเข้าปากเช่นกัน ทั้งคู่ไม่คิดว่ารสมือของบุตรสาวจะดีเพียงนี้ นางเปลี่ยนกระดูกหมูที่แสนจะธรรมดาที่ไม่มีใครคิดจะซื้อกลับไปกิน ทำออกได้อร่อยยิ่งนัก
โจวเทียนที่กินมาจากบ้านพี่สาวแล้ว เขาก็ยังมานั่งแย่งบิดามารดากินอีกชามหนึ่งด้วยซ้ำ ต่อไปนี้เขาจะไปกินข้าวที่บ้านพี่สาวทุกวัน
หลายวันต่อมา ชิงหลิงนางก็ยังใช้ชีวิตปกติเช่นเดิมเพื่อดูแลบุตรชาย และดูแลรูปร่างของตนเอง
ชิงหลินนางลืมวันกลับบ้านของจ้าวเจ๋อหยวนไปเสียสนิท เมื่อนางกำลังนั่งกินข้าวอยู่ที่ห้องโถงสองคนแม่ลูก จ้าวเจ๋อหยวนที่ไม่เคยปรากฏตัวตั้งแต่ที่นางมาอยู่ในภพนี้ก็เดินเข้ามาในเรือน
ชิงหลิงนางเผลอจ้องมองเขาอย่างตกตะลึง เพราะไม่คิดว่าจะรูปงามเช่นนี้ ทั้งยังรูปร่างสูงโปร่งสมส่วนเช่นนายแบบในภพของนางอีกด้วย
ไม่แปลกหากชิงหลิงคนเดิมนางจะหลงรูปก็คงไม่ผิด นางที่กำลังจะเอ่ยถามว่าเขากินข้าวมาหรือยังอย่างเป็นมิตร ก็ถูกสายตาเย็นชาของเขามองมาเสียก่อน
“หึ มารดาเจ้าคงมาทำความสะอาดเรือนให้เช่นเคย”
ชิงหลิงชะงักนิ่งราวกับถูกสาดด้วยน้ำเย็น ไม่อยากพูดก็ไม่เห็นต้องพูด
นางอดจะเห็นใจเจ้าของร่างไม่ได้ เพราะเข้ามาเจอหน้าคำแรกก็ถากถางกันเสียแล้ว
ชิงหลิงนางเลิกสนใจ แล้วหันมาตักอาหารให้จ้าวเยี่ยนต่อ สองแม่ลูกกินข้าวกันโดยที่ไม่ได้สนใจคนที่เข้ามาใหม่ในเรือน
จ้าวเจ๋อหยวนอดประหลาดใจไม่ได้ ทุกครั้งที่เขากลับมา ชิงหลิงนางจะออกมารับอย่างดีใจ ทั้งเนื้อตัวของนางกับบุตรชายในตอนนี้ก็สะอาดน่ามองกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา
เขาเดินนำถุงเงินมาวางลงที่โต๊ะเช่นเดิมเหมือนที่เคยทำ แต่ชิงหลิงเพียงปรายตาไปมองแต่ไม่ได้เอ่ยขอบคุณเช่นที่ควรจะเป็น
หรือนางจะคิดได้แล้วว่าควรจะออกไปจากชีวิตของเขาเสียที จ้าวเจ๋อหยวนปัดความคิดนั้นทิ้งไป เพราะทุกครั้งนางโวยวายจะกลับไปอยู่บ้านเดิม แต่เพียงไม่นานนางก็จะกลับมาขอร้องเขาเสียทุกครั้งไป
เขาเปิดประตูห้องของเขา เพื่อจะหลบหลีกนางเช่นเดิม แต่หางคิ้วก็ต้องกระตุก ที่สภาพห้องนอนเต็มไปด้วยฝุ่นเช่นนี้
“เหตุใดถึงไม่เก็บกวาดห้องของข้าด้วย”
“ท่านไม่ให้ข้าเข้าห้องท่านจำมิได้หรือ”
ชิงหลิงอาศัยความทรงจำของร่างเดิม ที่ถูกแบ่งกั้นเขตแดนห้ามเข้าไปยุ่งวุ่นวายในห้องของเขา แต่ชิงหลิงที่รู้วันกลับเรือนของจ้าวเจ๋อหยวนดี นางจะเก็บห้องของเขาจนสะอาดเรียบร้อยเพื่อเอาใจ แต่ทุกครั้งก็จะถูกคำต่อว่ากลับมา
ปัง จ้าวเจ๋อหยวนปิดประตูห้องเสียงดังด้วยแรงโทสะจากคำพูดของชิงหลิง จ้าวเยี่ยนสะดุ้งตกใจจนทำช้อนหลุดมือ
ชิงหลิงได้แต่ส่ายหัว นางอยู่กันสองแม่ลูกดีๆ ก็กลับมาทำให้บ้านร้อนเป็นไฟไปเสียอย่างงั้น
เมื่อเก็บกวาดทุกอย่างแล้วตัวนางกับจ้าวเยี่ยนก็ไปอาบน้ำล้างตัว ปกติจ้าวเยี่ยนจะไปนอนกับบิดาเมื่อเขากลับมาที่เรือน แต่ครั้งนี้เด็กน้อยไม่เดินไปหาบิดาอย่างที่จ้าวเจ๋อหยวนรออยู่ในห้อง
ชิงหลิงนางก็ไม่เห็นว่าจะเป็นเรื่องผิดแปลก เพราะหลายวันที่นางมาอยู่ที่นี่ สองแม่ลูกก็นอนกอดกันแทบจะทุกคืน คืนนี้ก็เช่นกัน ชิงหลิงนางพาจ้าวเยี่ยนเข้านอนปกติ
แต่ที่ไม่ปกติ จ้าวเจ๋อหยวนกลับเดินมาดึงประตูห้องนอนของนางออก แล้วเดินเข้ามาอุ้มบุตรชายในอ้อมกอดของนางไป
“ท่านจะทำอันใด ก็เห็นอยู่ว่าอาเยี่ยนหลับแล้ว” นางเอ่ยอย่างไม่ยินยอม
อาเยี่ยนที่ความอบอุ่นจากร่างกายของมารดาหายไปเขาก็ตกใจตื่น และกำลังทั้งคู่สลับไปมาอย่างมึนงง
“หึ ทุกครั้งก็ไม่เห็นว่าเจ้าจะสนใจอาเยี่ยนเช่นนี้ หรือต้องการเรียกร้องความสนใจจากข้า”
“ห๊า ท่านสติดีหรือไม่ มีตรงไหนที่ข้าทำให้ท่านคิดว่ากำลังเรียกร้องความสนใจ” ชิงหลิงกอดอกถามอย่างยียวน
จ้าวเจ๋อหยวนยิ่งเห็นท่าทางของนาง ความรังเกียจ โกรธแค้นทั้งหมดก็เหมือนจะเพิ่มมากขึ้น เขากระชากแขนของนางแล้วใช้แรงทั้งหมดบีบลงไป
“โอ๊ยย” ชิงหลิงร้องออกมาอย่างเจ็บปวด เพราะมือของเขาเล็กกว่าต้นแขนของนาง มันเหมือนเป็นการหยิกเนื้อเสียมากกว่าที่จะบีบแขน
“จ้าว เจ๋อ หยวน ท่านมันบ้าไปแล้ว กล้าใช้ความรุนแรงต่อหน้าบุตรชายเช่นนี้”
ชิงหลิงเหมือนเตือนสติของเขา จ้าวเจ๋อหยวนจึงปล่อยมือออกจากแขนของนาง ชิงหลิงลูบเนื้อที่ต้นแขนอย่างหงุดหงิด
เจ้าของร่างเดิมทนอยู่กับบุรุษเช่นนี้ได้อย่างไร หากเป็นนางคงได้หย่าขาดไปนานแล้ว
เหมือนความคิดของนางจะจุดประกายบางอย่างขึ้น ชิงหลิงจ้องมองไปที่จ้าวเจ๋อหยวนด้วยสายตามุ่งมั่น
“ในเมื่อท่านรังเกียจข้า เช่นนั้นก็หย่ากันดีหรือไม่”
ชิงหลิงนางคิดว่าอยู่ไปแบบนี้มีแต่จะเสียประสาทเปล่าๆ สู้แยกย้ายไปเริ่มต้นใหม่ให้จบๆ ต่อให้นางอยู่ในยุคที่ไม่ยอมรับแม่หม้ายก็ตาม
“หึหึ น่าขันนัก เป็นเจ้าที่ทำให้ข้าต้องใช้ชีวิตอย่างอับอายเช่นนี้ หากเจ้าไม่ทำเรื่องไร้ยางอายในครานั้น ข้าก็คงได้แต่งกับซูซินไปแล้ว”