บทที่ 3 ชายผู้มีนัยน์ตาสีแดง
ลูเซียสกระตุกมุมปาก ขบกรามแน่น มองเห็นพระจันทร์กำลังเต็มดวง ร่างกายมันร้อน ดวงตาเปลี่ยนเป็นสีแดงฉาน
“พวกเจ้าคิดว่า ยาปัญญาอ่อนนั้น จะทำลายคนอย่างข้าได้งั้นเหรอ!”
“อย่าหลอกพวกข้าเลย หากยาไม่ได้ผล ท่านคงไม่ซมซานมาอยู่ตรงนี้หรอก!”
ใช่... ยาอาจมีผล แต่มันแค่ชั่วคราวเท่านั้น ร่างกายของเขาสามารถต้านพิษร้ายได้โดยอัตโนมัติอยู่แล้ว แค่ใช้เวลาหลายชั่วโมงเท่านั้น ดวงตาสีแดงจ้องมองร่างที่ถูกยก
“ปล่อยนาง!”
“เหตุใดข้าต้องเชื่อฟังคำสั่งท่านด้วย ท่านลอร์ดลูเซียส!” มันย้อนแล้วหัวเราะลั่น
“แวมไพร์ชั้นต่ำเช่นเจ้า ไม่ควรมีแม้แต่ที่ยืน!”
ลมหายใจมันติดขัด คนถูกจับเริ่มดิ้นรน
“ถ้าอยากได้นางคืน ก็หาทางทำให้ข้าปล่อยนางดูสิ ลูเซียส...”
“ข้าไม่คิดว่าเจ้าอยากตายขนาดนี้” พูดจบสองเท้าก้าวเข้าหา
ร่างสูงโปร่งถูกตวัดเข้ามา หัวหน้าพวกมันอ้าปาก จังหวะนั้นมืออีกคนรีบคว้าร่างเธอไว้แล้ววางลง แล้วใช้เล็บสะกิดนิ้วจนเลือดหยดออกมา ดีดออกไปหาพวกมัน แวมไพร์ศัตรูดิ้นรนด้วยความเจ็บปวด แล้วกระอักเลือดออกมา เขาขยับนิ้วเลือดพวกมันลอยสูงแล้วแปรสภาพเป็นแท่งแหลม พุ่งเสียบเข้าไปที่ร่าง
พวกมันล้มลง ไม่กี่นาทีต่อมา ร่างกายเหล่านั้นสลายไป ลูเซียสทอดสายตามองก่อนหันหลังกลับ เดินมาหามนุษย์ที่ช่วยเหลือตน คิดว่าควรลบความทรงจำ แต่เธอกลับหลับใหล ทว่ามันผิดปกติ เมื่อใบหน้าเธอกำลังเขียวคล้ำ หายใจหอบหนัก เขาแตะต้องไปยังร่างกายรับรู้ได้ถึงความร้อน
เขารีบสำรวจ เห็นรอยถากของเขี้ยวที่ลำคอ ลอร์ดแวมไพร์นิ่งงัน สุดท้ายก็มีมนุษย์เคราะห์ร้ายเพราะตนจนได้ แวมไพร์หนุ่มถอนหายใจลุกยืน ในอ้อมแขนมีหญิงสาวหน้าตางดงามอยู่
คฤหาสน์สีเทาหม่น ตั้งตระหง่านอยู่บนเขาสูง ลูเซียสวางร่างคนเจ็บลงบนเตียง แล้วจ้องมองใบหน้า เพราะความรั้นเธอถึงได้เจอกับเรื่องแบบนี้ อุตส่าห์เตือนให้หนีไป ทำไมถึงไม่ยอมเชื่อ
แฮ่ก แฮ่ก
หญิงสาวเริ่มหอบ ผิวกายเป็นสีแดง เลือดกำลังร้อนขึ้น
“ร้อน..” เสียงหวานแหบพร่าร้องออกมา “ไม่ไหวแล้ว ร้อนเหลือเกิน”
มือบางเริ่มยกขึ้น เหงื่อเริ่มผุดเต็มใบหน้า ลูเซียสถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขาควรช่วยชีวิตเธอดีหรือไม่ เลือดของแวมไพร์ตระกูลราชวงศ์นั้น มีความสำคัญมาก เพราะมันเหมือนยารักษาโรค บำรุงกำลัง พวกตลาดมืดต้องการ พวกมันถึงพยายามช่วงชิงจากเขาไป แม้ได้เพียงหยดเดียว ก็เท่ากับว่าพวกมันสามารถสร้างยาและทำกำไรมหาศาลได้
“อื้อ!” หญิงสาวร้อง ดิ้นรน
แควก!
เสื้อถูกฉีกทึ้งจนเห็นทรวงอกภายใต้บราเซียสีหวาน ลูเซียสเริ่มหนักใจ นางเป็นคนดี ดีมากเสียด้วย ช่วยเหลือคนแปลกหน้าเช่นเขา ไม่ห่วงตัวเองแม้แต่น้อย
ทว่าบางอย่างในตัวเขากลับเร่าร้อนขึ้นมา คิ้วเข้มขมวด อะไรกันไม่เข้าใจ เหตุใดถึงมีความรู้สึกกับร่างกายนี้ขึ้นมา
เล็บปลายนิ้วยาวขึ้น สะกิดนิดเดียวเลือดสีแดงสดไหลออกมา มืออีกข้างบีบแก้มนวลให้อ้าปาก ก่อนหยดมันลงในนั้น อรุณลักษณ์ดิ้นรนพักใหญ่ ลมหายใจขาดเป็นห้วงๆ สิบนาทีต่อมาผิวเนื้อแดงก่ำค่อยๆ เลือนหาย เสียงหายใจเป็นปกติ
เขาผละห่างจากร่างงาม ขบกรามแน่นเพื่อระงับความกำหนัดในตัว เป็นครั้งแรกที่รู้สึกมากมายกับมนุษย์ผู้หญิงเช่นนี้ ซึ่งน่าแปลก ปกติแล้วเรื่องจำพวกนี้เขาไม่ค่อยได้ใส่ใจเท่าใดนัก ใช่ว่าไม่มีใครมาทอดกาย เพียงแต่หัวใจดวงนี้มันปิดตาย เมื่อเกิดความต้องการก็แค่ว่าจ้างหญิงสาวสวยสักคนก็พอ เพื่อไม่ให้มีความผูกพันใดๆ ต่อกัน
แสงแดงส่องเข้ามา คนบนเตียงขยับกาย รู้สึกปวดเมื่อยไปทั้งตัว ริมฝีปากก็แห้งผากราวกับผ่านการอดน้ำมาหลายชั่วโมง ยกเรียวแขนกายหน้าผาก พลิกมานอนหงายมองเพดาน
ทว่าบางอย่างมันผิดปกติไป คิ้วบางขมวดมุ่น สีหน้าสับสน เพดานแบบนี้ ไม่ใช่ที่ห้องพักของเธอ
“อืม...”
อรุณลักษณ์ชะงักเมื่อได้ยินเสียง หันมองตาม จ้องมองใบหน้าชายแปลกหน้า ใครกัน ผู้ชายคนนี้คือใคร ทำไมปวดหัวแบบนี้ งงไปหมดแล้ว นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ก้มมองสภาพตัวเอง เสื้อฉีกขาดจนเห็นบราเซีย ท่อนล่างเหลือเพียงซับใน นี่เธอทำอะไรลงไป
“ไม่จริง!” หญิงสาวร้อง สีหน้าตื่นตระหนก เกิดมาไม่เคยทำตัวเหลวไหลเช่นนี้มาก่อนเลย
คนร่วมเตียงลืมตา แล้วผุดลุกมานั่ง เสยผมสีดำสนิทแล้วสบตากับเธอ อรุณลักษณ์ตะลึงงันเหมือนถูกสาป ดวงตาสีแดงนั้นช่างมีมนต์ขลัง ทำเอาสติหลุดได้ง่ายๆ
“เป็นอะไรไป หรือเมื่อคืน ผมบริการคุณไม่ดีพอ”
มือบางสั่นเทา พอได้ฟังคำพูดอีกฝ่าย
“คะ...คุณว่าอะไรนะ”
“ผมถามว่าคุณไม่พอใจในตัวผมเหรอ ทั้งๆ ที่เราสองคน...” เขาเว้นคำพูดแค่นั้น เห็นสีหน้าของมนุษย์ผู้หญิงซีดลง น่าตลกเสียจริง
คนตัวเล็กยกมือปิดหู
“ไม่ใช่ ไม่จริง! ฉันไม่เคยพลาดแบบนี้ ถ้าเราสองคนทำเรื่องแบบนั้น ทำไมฉันถึงไม่รู้ตัว!”