บทที่ 2 ชายผู้มีนัยน์ตาสีแดง
เป้าหมายอรุณลักษณ์คือสวนสาธารณะ เธอกวาดตามองหารอบๆ ทันทีที่มาถึง ผู้คนเริ่มหายไปทีละคนสองคนจนไม่เหลือใคร เพราะเวลาล่วงเลยเกือบสี่ทุ่มแล้ว พยาบาลสาวยังคงวาดหวังให้เจอเขาคนนั้น
แค่ก
เสียงไอแผ่วเบา มันเบามากทว่าหูของเธอกลับได้ยิน ร่างสูงโปร่งก้าวเข้าหาต้นตอ เห็นร่างสูงใหญ่เอนกายพิงต้นไม้หน้าซีดเผือด หญิงสาวทรุดกายลงข้างๆ ด้วยความเป็นห่วง ชายแปลกหน้าสบตาด้วยความไม่เข้าใจ เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงตามหาและคอยช่วยเหลือเขาทั้งๆ ที่ไม่ต้องการเลย
“คุณหนีมาทำไม คุณยังไม่หายดี หนีมาแบบนี้รู้ไหมว่าฉันเป็นห่วงมากแค่ไหน!” เธอพ่นคำพูดใส่เป็นชุดไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายอธิบาย
มือจับท่อนแขน เพื่อช่วยพยุง เพิ่งผ่านพ้นวิกฤติมาร่างกายของคนเจ็บต้องทรมาน ทว่าคนถูกช่วยกลับผลักดันเธอออก
“อย่ายุ่งกับผมดีกว่า ไม่อย่างนั้นคุณอาจเดือดร้อน” เขาบอก แล้วกวาดตามองรอบๆ ร่างกายเริ่มดีขึ้น พยายามผ่อนลมหายใจเข้าออก
“ฉันเป็นพยาบาล ไม่ให้ยุ่งกับผู้ป่วยได้ยังไง ฉันช่วยคุณมาก็หวังให้คุณหาย ถ้าไม่มีเงินบอกฉัน ฉันจะช่วยคุณเอง!”
จังหวะนั้นดวงตาคมจ้องมองใบหน้าของพยาบาลสาว เธอผิวขาว ดวงตาเรียวสวย ริมฝีปากอวบอิ่ม จมูกโด่งรับกับใบหน้า เขาพลาดไปได้ยังไง ถึงปล่อยความงดงามนี้ผ่านเลยเสียนาน ทว่ามนุษย์ผู้หญิงมักมีความยุ่งยากพ่วงท้ายมาด้วยเสมอ คนอย่างลูเซียส เดฟ่านติโน่ ไม่ค่อยชอบให้ชีวิตตนเองวุ่นวายเท่าใดนัก
อยู่มาสามพันปี เจอหญิงสาวหลายเผ่าพันธุ์ แน่ใจว่ามนุษย์นั้นยุ่งยากที่สุด โชคดีหน่อยที่อายุขัยพวกนางช่างน้อยนัก ทำให้เขาไม่ต้องมีภาระพันธะเนิ่นนาน
“กลับไปเถอะ ผมดูแลตัวเองได้” ลูเซียสตัดบท ตอนนี้ร่างกายเขามันอ่อนแรงไม่ฟื้นตัว หากพวกมันตามมา ผู้หญิงคนนี้ได้ซวยแน่
“ไม่ได้หรอกนะคะ ฉันเป็นห่วงคุณ กลับไปพักที่ห้องดีกว่าค่ะ” เธอเข้าพยุงอีกครั้ง
ตุบ!
เสียงเหมือนอะไรบางอย่างหล่น อรุณลักษณ์หันมอง เห็นเท้าหลายคู่กำลังก้าวเข้ามา ลุกยืนเต็มความสูงเผชิญหน้ากับคนพวกนั้น พวกเขาเป็นชายฉกรรจ์มีนับยี่สิบคนได้ น่าแปลกเข้ามาได้ยังไงท่าทางไม่น่าไว้ใจ พนักงานรักษาความปลอดภัยไม่เห็นหรือไง
“ขอโทษนะคะ พวกคุณมาทำอะไร!” เธอถาม ขนในกายลุกชัน รู้สึกหนาวสะท้านขึ้นมา
ดวงตาคนพวกนั้นวาววับ มันแฝงไว้ด้วยความน่ากลัว น่าหวาดหวั่น พอเห็นสายตาพวกมันจึงเข้าใจได้ลางๆ พวกมันคงเป็นคนที่ทำร้ายผู้ชายแปลกหน้าคนนี้แน่
“ได้ยินไหมคะ ฉันถามว่ามาทำอะไร สวนที่นี่ปิดแล้ว!”
พวกมันไม่ตอบ กระตุกยิ้มมุมปาก แล้วก้าวเข้ามา
“ไปให้พ้น!” เสียงตะโกนแทรกเข้ามา ร่างสูงใหญ่ค่อยๆ พยุงร่างกายยืน
เมื่อถูกตวาด ชายฉกรรจ์แปลกหน้าสะดุ้งผงะถอยหลัง แต่ไม่นานมีชายรูปร่างสูง ผิวคล้ำแหวกพวกมันมาเผชิญหน้า
“หมดเรี่ยว หมดแรงขนาดนี้ ยังกล้าวางอำนาจอีกเหรอลูเซียส” มันยิ้มอย่างผู้กำชัยชนะ
ลูเซียสขบกราม แววตาวาวโรจน์
“อย่าลบหลู่เกียรติข้าไปมากกว่านี้ มิเช่นนั้นพวกเจ้าจะได้เสียใจ”
มันหัวเราะลั่น ลูกน้องเลยพากันเย้ยหยันตาม แววตาลูเซียสนิ่งสนิท ดูเยือกเย็นชวนให้หนาวสะท้าน อรุณลักษณ์ไม่อยากให้คนที่ตนช่วยต้องบาดเจ็บอีก เธอต้องหาทางรอดจากเรื่องนี้ให้ได้ โดยที่ไม่มีใครต้องเจ็บตัว
ร่างสูงโปร่งค่อยๆ ถอยมายืนเคียง “คุณ... ฉันจะถ่วงเวลาพวกมันไว้ คุณวิ่งหนีไปได้เลยนะ” หญิงสาวกระซิบ
“พวกมันไม่ปล่อยผมไปหรอก”
“นั่นไง ฉันถึงจะช่วยให้คุณหนี ฉันเป็นผู้หญิงพวกมันคงไม่ทำอะไรหรอก”
ลูเซียสระบายลมหายใจกับมนุษย์ผู้หญิง ช่างอ่อนต่อโลกเสียจริง ก็เข้าใจว่าคงไม่เคยเจอแวมไพร์ พวกมันไม่ได้สนใจอะไร นอกจากสิ่งที่ตัวเองต้องการ
“คุณต่างหากที่ควรหนีไป ไม่ใช่ผม”
คิ้วบางเริ่มขมวด ทำไมถึงดื้อดึงเช่นนี้ เธออุตส่าห์ช่วย แต่ดูเขาสิ ประสาทหรือไง
“อย่าพูดมากเลย หนีไปเถอะ ฉันโทรหาพนักงานรักษาความปลอดภัยแล้ว อีกไม่นานเขาคงมาช่วย”
“อะไรนะ!” ลูเซียสเสียงดังขึ้น สีหน้าเครียด ไม่อยากให้ใครมาเดือดร้อน ถ้าหากมีมนุษย์เข้ามาเกี่ยวพันมากขึ้น มันจะยิ่งยุ่งยาก
พวกมันหันมาจ้องมอง ดวงตาเริ่มเปลี่ยนไป อรุณลักษณ์ขนลุกชัน เมื่อเห็นเขี้ยวสีขาวเริ่มงอกออกมา
“ผมบอกให้คุณหนีไปฟังไม่รู้เรื่องหรือไง!” ลูเซียสเริ่มตวาด
อรุณลักษณ์ผงะถอยหลัง หน้าซีดเผือด
“พวกเขาเป็นอะไร เกิดอะไรขึ้น!” หญิงสาวร้องถาม เสียงสั่น
ลูเซียสหันมอง “วิ่งให้เร็วที่สุด ไปเร็วเข้า!” เขาร้องบอก
ทำไมขาเธอก้าวไม่ออก การปล่อยให้ชายแปลกหน้ายืนอยู่คนเดียว ทั้งที่ร่างกายกำลังบาดเจ็บไม่ใช่สิ่งที่พยาบาลควรกระทำ เธอ... ไม่อยากทิ้งเขาไว้คนเดียว เพราะรู้ว่าปลายทางนั่นคือชีวิตของชายผู้นี้
หมับ!
ยังไม่ทันได้คิด ลำคอระหงส์ถูกคว้าไว้ ร่างถูกยกขึ้นสูง อรุณลักษณ์ดิ้นรนอึดอัดหายใจไม่ออก แต่กระนั้นยังไม่วายเหลือบมองชายแปลกหน้า